อาจจะมีช่องกระสุนหมดใช้เหตุผลแบบ"เจ๊ติ๋ม"ขอยกเลิกทีวีดิจิทัลแต่PPTVสู้ต่อ


เพิ่มเพื่อน    

 

13 มี.ค. 61- สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ช่องพีพีทีวี  ให้สัมภาษณ์หลังศาลปกครองกลาง วินิจฉัยให้ "เจ๊ติ๋มทีวีพูล" ชนะคดีทีวีดิจิทัล เพราะ กสทช.ทำผิดสัญญา พร้อมให้คืนแบงก์การันตีตั้งแต่งวดที่ 3-6 รวมเงินกว่า 1,500 ล้าน ว่า

"กรณีคุณติ๋มผมก็คิดว่ามันก็เป็นสิ่งที่ดีนะ ในส่วนตัวนะครับ พอดีผมยังไม่ได้อ่านเนื้อหา แต่ทราบจากสื่อที่โทรมาถามหลายที่นะครับ จริงๆผมว่ามันก็มีความไม่พร้อมอย่างที่สมาคมดิจิทัลทีวีที่เขารวมตัวกันไปยื่นจดหมายหลายทีแล้ว ทั้งกับทาง กสทช. หรือทางท่านรองนายกฯ บอกให้ช่วยหน่อย

เข้าใจว่าถ้าทางศาลปกครองท่านตัดสินก็คงจะตัดสินมาแบบนี้หละครับ ว่าทาง กสทช. ก็ไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองให้มันครบถ้วน ทำให้ธุรกิจเขามีปัญหา ซึ่งทุกคนก็เป็นปัญหานี้หมดแต่ทุกคนก็ตั้งหน้าตั้งตาทำต่อไป 

เราก็รับภาระเยอะครับ เพราะจริงๆธุรกิจทีวีดิจิทัลเป็นธุรกิจที่ลงเงินทุนเยอะมาก ส่วนเงินทุนที่เยอะมากส่วนหนึ่งก็เป็นการลงทุนที่ไม่ได้เกิดประโยชน์กับธุรกิจ เพราะว่ามันถูกจ่ายไปให้กับค่าใบอนุญาติ 15 ปีเนี่ย จริงๆแค่ไม่กี่ปีแรกมันก็จ่ายไปมากแล้ว ฉะนั้นเงินตรงนั้นแทนที่มันจะไปเป็นต้นทุนในการปฏิบัติงาน ก็กลายเป็นว่ามันต้องไปหาเงินทุนมาเพิ่มที่จะดำเนินธุรกิจทีวีต่อสู้กับคนอื่นๆกัน ฉะนั้นมันก็ทำให้หลายคนกระสุนหมดอย่างรวดเร็วเพราะความไม่พร้อมของทาง กสทช.  คือบังคับให้เขาออกอากาศ หลังจากที่ได้ใบอนุญาตกันมา ในขณะที่คนดูก็ยังไม่พร้อม คูปองก็ไม่แจก และหลายๆอย่างที่ทำให้เขาไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

อาจจะมีหลายช่องคืนช่องไหมหรือ อันนี้ผมว่ามันเป็นเรื่องของอุตสาหกรรม ต่างคนก็ต่างมีมุมมองต่างกัน ตอนที่มาทุกคนก็คิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนงานที่ว่า แต่พอเอาเข้าจริงส่วนใหญ่มันไม่ได้เป็นไปตามแผนงานอย่างที่ว่า เพราะธุรกิจนี้เราก็เห็นแล้วว่าหลายคนอาจจะมีทิศทางของผลประกอบการในทางที่ไม่ดีมากกว่าในทางที่ดี ช่องที่ผลประกอบการดีก็มีเหมือนกันแต่ว่ามันน้อยกว่าช่องอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ดีเหมือนกัน คนที่ผลประกอบการไม่ดีก็อาจจะบอกว่าเขาต้องลงทุนซื้อทุกอย่างในขณะที่คนดูที่บ้านยังไม่พร้อมเลย ซึ่งมันไม่ใช่หน้าที่ของเขา หน้าที่ของเขาคือทำรายการโทรทัศน์ให้มันดีที่สุดถูกไหมครับ แต่มันก็ต้องเป็นหน้าที่ของ กสทช. ในการที่จะทำให้สิ่งแวดล้อมของทีวีดิจิตอลเนี่ยมันสมบูรณ์ ผมก็คิดว่าความไม่พร้อมตรงนั้น มันส่งผลให้ธุรกิจของคนที่ตั้งใจจะประกอบผลเชิงพาณิชย์มันไม่บรรลุ ฉะนั้นอาจจะมีคนที่ใช้เหตุผลแบบนี้ในการที่จะขอยกเลิก ก็อาจจะมี 

ของเราก็คงต้องสู้ต่อ เพราะมันเป็นอุตสาหกรรม จริงๆเราก็ไปยื่นจดหมายในนามของสมาคมทีวีดิจิทัลกับเขาด้วย เราก็ยังสู้อยู่ เพราะรายการทีวีมันไม่ใช่นึกจะเลิกก็เลิกได้ เราไปซื้อลิขสิทธิ์มาบางทีมันก็มีผลผูกพันธ์ ลิขสิทธิ์บางทีก็ซื้อมา 1ปี, 2ปี, 3ปี สำหรับในบางประเภท ฉะนั้นมันก็ต้องแล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละช่องเพราะทำการค้าไม่เหมือนกัน บางช่องก็จะทำเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ค่อนข้างเยอะ บางช่องก็จะทำรายการที่ตัวเองสร้างขึ้นมาเองมันก็จะไม่มีเรื่องของลิขสิทธิ์มาเกี่ยวข้องสักเท่าไหร่ ก็อาจจะมีปัญหาซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาอาจจะมีเงื่อนไขในการจ้างงานว่าคนนั้นตกลงกันไว้แล้ว ผมว่าทุกคนมันมีเงื่อนไขต่างกันในการทำธุรกิจ มันไม่ใช่ว่านึกจะเลิกก็เลิกได้ เพราะทุกคนที่ตั้งใจเข้ามาทำแล้วเขาก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด 

คนที่อยากจะทำธุรกิจต่อก็เรื่องหนึ่ง คนที่อยากจะคืนก็เรื่องหนึ่ง ไอ้การผิดเงื่อนไข ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ให้ไว้ตอนที่ไปโอนใบอนุญาติมันก็เรื่องหนึ่งนะครับ ผมว่ามันต้องดูเป็นส่วนๆไปครับ 

ส่วนของเราก็อย่างที่เรียนไป มันทำแล้วมันก็ต้องทำต่อไป แต่คือตอนนี้สิ่งที่เราอยากได้ก็คือการทำธุรกิจเราก็ทำไป ไอ้การช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐแน่นอนเราก็ย่อมอยากได้ เพราะมันใช้เงินลงทุนเยอะครับ ในขณะที่คนดูไม่พร้อม พูดง่ายๆผมคิดว่าธุรกิจดิจิทัลทีวีที่มันลำบากกันในตอนต้นช่วง 1-3 ปีแรกจนถึงปัจจุบันที่มันค่อนข้างลำบากกันเนื่องจากความไม่พร้อมเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมันเป็นเรื่องของรัฐที่ต้องไปทำมา ในกรณีที่เงินลงทุนมันสูงแน่นอนว่าคนที่ลงทุนมันเดือดร้อนแน่นอนครับ

ในส่วนของคุณติ๋มเขาก็เป็นอีกกรณีนึง คือเขาไม่ทำตั้งแต่แรกเหมือนคนอื่นเพราะเขาคิดว่ามันไม่ถูกต้อง เนื่องจากส่งแวดล้อมต่างๆที่จะต้องได้รับมาเนี่ยมันไม่เป็นไปอย่างที่ว่าไว้ ผมพูดได้แค่นี้ครับ".


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"