รพ.ใหญ่สุดอาเซียน มข.ผุด5พันเตียง


เพิ่มเพื่อน    


    มข.ทุ่มงบ 2 หมื่นล้านบาท ตั้ง รพ.ขนาดใหญ่สุดในไทยและอาเซียน ขนาด 5,000 เตียง รองรับสังคมผู้สูงอายุ ตามนโยบายของรัฐ เน้นเพิ่มคุณภาพชีวิต แก้ปัญหาด้านสุขภาพ คาดแล้วเสร็จภายใน 2 ปีครึ่งถึง 3 ปี ก่อนดำเนินการต่อเนื่องครบตามเป้า
    เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) จัดแถลงข่าวการจัดตั้งโรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขนาด 5,000 เตียงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและอาเซียน โดยนายกิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดีมข. กล่าวว่า มข.เป็นสถาบันอุดมศึกษาแห่งแรกที่ตั้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่สำคัญ เนื่องจากมีขนาดและจำนวนประชากรมากที่สุด อีกทั้งตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ในการจัดตั้ง มข. เป็นมหาวิทยาลัย เพื่อขยายโอกาสให้แก่คนในภูมิภาคนี้ 
    นายกิตติชัยกล่าวว่า มข.ได้ยึดมั่นโดยกำหนดเป็นปณิธาน อุดมการณ์ของมหาวิทยาลัยเพื่อการอุทิศเพื่อสังคม ทำให้การดำเนินการของมหาวิทยาลัยนึกถึงปัญหา และร่วมแก้ปัญหาของคนอีสาน เพื่อความอยู่ดีเป็นสุขของคนอีสาน โดยภาคอีสานมีปัญหาเรื่องสุขภาพ มข.ได้เปิด 6 คณะ ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์, พยาบาลศาสตร์, เภสัชศาสตร์, สาธารณสุขศาสตร์,  เทคนิคการแพทย์ และบัณฑิตวิทยาลัย รวมถึงมีการก่อตั้ง รพ.ศรีนครินทร์ มข. เมื่อปี 2548 ซึ่งมี 40 เตียงให้บริการประชาชน การศึกษา วิจัย และพัฒนานวัตกรรมต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาสุขภาพและสาธารณสุขแก่ประชาชนในพื้นที่ ต่อมาได้ยกระดับเป็น รพ.ลักษณะตติยภูมิ ที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคต่างๆ อาทิ โรคพยาธิใบไม้ตับและท่อน้ำดี ซึ่งแต่ละปีมีผู้เสียชีวิต 14,000-20,000 คน เนื่องจากผู้ป่วยบริโภคอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ รพ.สามารถคัดกรองผู้ป่วย 8 แสนคน จากนวัตกรรมต่างๆ ทำให้สามารถรักษาผู้ป่วยผ่าตัด 16,000 คน สามารถกลับไปประกอบอาชีพได้
    "แต่ละปี รพ.ศรีนครินทร์ มข.มีผู้ป่วยจำนวนมาก แบ่งเป็นผู้ป่วยภายนอกประมาณ 1 ล้านคน และผู้ป่วยภายใน 50,000 คนต่อปี จากประชาชนในเขตภาคอีสาน 20 จังหวัด 22-23 ล้านคน จึงได้ขยายเตียงเป็น 1,100 เตียง แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ทำให้ รพ.ต้องปฏิเสธผู้ป่วย ดังนั้น เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาสุขภาพ และเป็นที่พึ่งของประชาชน ทาง มข.ได้ขยาย รพ.รองรับการบริการมากขึ้นเป็น 5,000 เตียง เป็น รพ.ใหญ่ และมีจำนวนเตียงมากที่สุดในประเทศไทยและอาซียน โดยใช้งบประมาณ 24,500 ล้านบาท พัฒนาให้เป็น รพ.ที่ทันสมัย มีอุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ และมีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีทักษะความรู้ ความสามารถ เชี่ยวชาญในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ และโรคเฉพาะทาง เป็น รพ.ที่รักษาทางกายทางใจแก่ผู้ป่วย ซึ่งจะสามารถรองรับสังคมผู้สูงอายุตามนโยบายของรัฐ" นายกิตติชัยกล่าว 
    ด้านนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการฯ กล่าวว่า พระราชดำริของในหลวง ร.9จัดตั้ง มข.ในอีสาน เพราะต้องการให้ มข.เป็นมันสมองของคนอีสาน มีการวางกฎ วิธีคิดและความคิดสร้างสรรค์เพื่อคนอีสาน ซึ่งประชากรในภาคอีสานเป็น 1 ใน 3ของประเทศ และการพัฒนาภาคอีสานต้องดำเนินการ 3ด้าน ได้แก่ 1.การแพทย์และสาธารณสุข 2.การศึกษา และ 3.การเกษตร ซึ่งในด้านการแพทย์และสาธารณสุข  รพ.ในประเทศจะมีปัญหาเรื่องเตียงไม่พอ โดยสัดส่วนจำนวนเตียงในการให้บริการผู้ป่วยของ รพ.ต่อประชากรสูงถึง 636 คนต่อ 1 เตียง ในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้ว อย่างญี่ปุ่น อยู่ที่ 126 คนต่อ 1 เตียง และเกาหลีอยู่ที่ 156 คนต่อ 1 เตียง ดังนั้น รพ.ศรีนครินทร์ เป็นการจัดตั้งศูนย์การแพทย์ชั้นเลิศ ที่จะช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนเตียง โดยมีจุดยืนในการดูแลผู้ป่วยทุกระดับ ไม่แสวงหากำไร เน้นรักษาผู้ป่วยคนไทย และคนอีสาน โดยการหางบในการดำเนินการ เป็นการระดมทุน เปิดรับบริจาคจากประชาชน ซึ่งผู้บริจาคจะถือเป็นสมาชิกพิเศษที่เรียกว่า กองทุนอายุวัฒนะ โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ วงเงิน 4 ล้านบาท จำนวน 500 ท่าน และวงเงิน 5 ล้านบาท จำนวน 2,000 ท่าน ซึ่งผู้บริจาคจะได้รับตอบแทนการรักษาฟรีตลอดชีวิตจากคณะแพทย์ มข., ได้รับสิทธิ์ตามกฎหมายในการลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า และการบริจาคสามารถแบ่งเป็น 3 งวด เพื่อหักภาษี แต่สิทธิพิเศษจะได้รับตั้งแต่ปีแรกที่บริจาค
    นายชาญชัย พานทองวิริยะกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง แบ่งออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรก จำนวน  3,500 เตียง ใช้งบประมาณ14,000 ล้านบาท คาดว่าจะใช้เวลา 2 ปีครึ่งถึง 3 ปี เมื่อดำเนินการระยะแรกเสร็จก็จะดำเนินการระยะที่ 2 ทันที ให้ครบ 5,000 เตียง ใช้งบประมาณ 10,500 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นโรงพยาบาลที่มีอาคารสูงประมาณ 20-39 ชั้น เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มาใช้บริการ มีที่จอดรถ 1,600 คัน มีห้องผ่าตัดเพิ่ม 2-3 เท่าจากเดิม มีเตียงสำหรับผู้ป่วยวิกฤติในห้องไอซียูเพิ่มอีก 30% มีเรือนพักญาติ อาคารสนับสนุนบริการ โดยจะให้บริการแบบการบริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One stop service) แก่ผู้ป่วยทุกกลุ่ม เพราะ รพ.ดังกล่าวเป็น รพ.ของรัฐ มีจุดมุ่งหมายที่จะดูแลพี่น้องประชาชนทุกระดับ ให้บริการมาตรฐานการแพทย์อย่างเท่าเทียมกัน
    สำหรับผู้ต้องการบริจาค สามารถติดต่อได้ที่ โทร. 06-2229-1555, 06-2229-4555 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพราะหากต้องรองบจากรัฐบาลหรืองบอื่นๆ คงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 20 ปี ถึงจะเห็น รพ.ขนาดใหญ่ดังกล่าวได้ แต่การแก้ปัญหาสังคมและการดูแลคนต้องดำเนินการทันที.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"