จับโจ๋21เตะวัย82 อดีตนักธุรกิจดัง


เพิ่มเพื่อน    


    จับโจ๋วัย 21 ขี่จักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับซาเล้ง พาลโกรธหาว่าอีกฝ่ายผิด ชนแล้วหนี วิ่งตามไปเตะยอดอกชายชราวัย 82 ปีหงายผลึ่งตกรถ หัวฟาดพื้นได้เลือด หลังตกเป็นผู้ต้องหาอ้างสำนึกผิด ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ พร้อมชดใช้ค่าเสียหาย ลูกสาวเหยื่อเผย พ่อคือผู้ร่วมก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์อัลลอย ก่อนธุรกิจพังครืนเมื่อเกิดฟองสบู่แตกปี 44
    พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ห้วยขวาง เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ขณะนี้ตำรวจได้จับกุมตัวนายนราธร โสดติยัง อายุ 21 ปี ดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ กรณีเตะต่อยนายจรูญ มีพันธ์ อายุ 82 ปี อาชีพเก็บขยะขาย สาเหตุจากนายนราธรขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับรถซาเล้งที่นายจรูญขี่สวนมาจนจักรยานยนต์ล้ม และนายนราธรเกิดความโมโห อ้างว่านายจรูญเป็นฝ่ายผิด ซ้ำหลังเกิดเหตุยังพยายามหลบหนี เรียกแล้วไม่ยอมหยุด เหตุเกิดถนนประชาสงเคราะห์ ดินแดง
    ก่อนหน้านี้ เพจเฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ โพสต์คลิปภาพชายหนุ่มขี่รถจักรยานยนต์อยู่ภายในซอย มือซ้ายถือโทรศัพท์ มือขวาจับแฮนด์รถ ก่อนวิ่งสวนกับคุณตาที่ขี่รถซาเล้งผ่านมา แล้วเกี่ยวกันจนรถจักรยานยนต์ล้มลง ขณะที่คุณตาก็หยุดรถดู ส่วนชายหนุ่มได้ลุกขึ้นเข็นรถหลบไปข้างทาง ก่อนวิ่งมาเตะที่หน้าอกคุณตาจนตกจากรถซาเล้ง แถมเตะซ้ำจนหมดสติกองอยู่กับพื้น ชาวบ้านพยายามห้ามปราม แต่ไม่เป็นผล หลังเกิดเหตุมีผู้นำนายจรูญส่งโรงพยาบาลราชวิถี
    นายนราธรให้การด้วยว่า ตนไม่ได้เล่นโทรศัพท์ระหว่างขี่รถ ที่ทำร้ายตาจรูญเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ขณะนี้ขอยอมรับผิด รู้สึกสำนึกผิด ขอให้วัยรุ่นคนอื่นอย่าทำแบบตน ส่วนค่ารักษาพยาบาลจะช่วยดูแลจนกว่าจะหายดี 
    วันเดียวกัน นายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และโฆษกกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางไปเยี่ยมและให้กำลังใจนายจรูญที่ห้องอุบัติเหตุและเวชกรรมฉุกเฉิน ชั้น 3 ตึกฉุกเฉินและอุบัติเหตุ รพ.ราชวิถี พร้อมแจ้งให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย และแจ้งสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายต่างๆ กับนางฉลวย จริตเอก ภรรยาวัย 71 ปี และ น.ส.วนิดา มีพันธ์ ลูกสาวที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด 
    น.ส.วนิดาจะเปิดเผยว่า ครอบครัวอาศัยอยู่ในย่านดังกล่าวมานานกว่า 20 ปี ช่วงเกิดเหตุมีคนขี่วินจักรยานยนต์มาหาที่บ้าน บอกว่าพ่อถูกทำร้าย ตอนนั้นรู้สึกตกใจมาก ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นวัยรุ่น ซึ่งถูกตำรวจจับได้ในเวลาต่อมา จากการสอบถามผู้ต้องหายอมรับว่าวันเกิดเหตุมีอาการมึนเมา พร้อมขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ขอขมาทั้งตนและแม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และแจ้งว่าจะชดใช้ค่าเสียหายและค่าดูแลต่อไป
    น.ส.วนิดากล่าวว่า ปกติพ่อจะเป็นคนหลงๆ ลืมๆ ขี่รถออกไปหาของทุกวัน แม้คนที่บ้านจะห้ามปรามก็ไม่เชื่อ แต่จากนี้จะย้ายไปพักบ้านญาติที่ จ.ลพบุรี ซึ่งตอนนี้อาการพ่อไม่น่าเป็นห่วง มีแค่คิ้วขวาแตก เข้าเครื่องสแกนสมองแล้วไม่มีสิ่งผิดปกติ
    ที่น่าสนใจ น.ส.วนิดาเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้พ่อเธอเคยเข้าหุ้นกับเพื่อนดำเนินกิจการในชื่อ "ศักดิ์สิทธิ์อัลลอย" ทำกันสาดผ้าใบ ช่างเชื่อมและต่อเติมบ้าน ก่อนที่จะถึงจุดจบเมื่อฟองสบู่แตกในปี 2544 ธุรกิจล้มละลาย พ่อจึงขายธุรกิจให้คนอื่นแล้วหันไปถีบซาเล้งเก็บของเก่าขาย และมักจะไปนอนนอกบ้าน ทางครอบครัวพยายามห้ามปรามก็ไม่เป็นผล
    ด้านนายเกิดโชดเปิดเผยว่า กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้แจ้งสิทธิให้ทางลูกสาวผู้บาดเจ็บทราบถึงค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการรักษาพยาบาลให้จ่ายเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 40,000 บาท, ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจให้จ่ายเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 20,000 บาท, ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ในระหว่างที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ตามปกติ ให้จ่ายในอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในท้องที่จังหวัดที่ประกอบการงานเป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ตามปกติ ค่าตอบแทนความเสียหายอื่นให้จ่ายเป็นจำนวนเงินตามจำนวนที่คณะกรรมการเห็นสมควร แต่ไม่เกิน 50,000 บาท, ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าห้องพักและค่าอาหารวันละไม่เกิน 1,000 บาท นอกจากนี้พร้อมให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมายแก่ผู้เสียหาย รวมถึงแนะนำแนวทางการขอรับการช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ และอำนวยความสะดวกในการขอรับคำขอหลักเกณฑ์ในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาให้ผู้เสียหายได้ทราบถึงสิทธิในการให้ความช่วยเหลือครั้งนี้
    มีรายงานว่า ตำรวจได้คุมตัวนายนราธรส่งฟ้องศาลอาญา รัชดาภิเษก แล้ว และได้รับการประกันตัวในชั้นศาล. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"