ปลูกไม้มงคลเหลืองเสริมทำเนียบฯ

"บิ๊กตู่" สั่งทำเนียบฯ ปลูกเพิ่มไม้มงคล-ไม้สีเหลืองสร้างสีสัน ย้ำไม่แบ่งแยกคนรวยคนจน บ่นคำพูดโดนตัดตอน "วิษณุ" ย้ำกฎหมายลูก 2 ฉบับยังไม่สะเด็ดน้ำ ยันเสนอสภาต้นเดือน ม.ค.แน่ “ป้อม” กำชับ ส.ส.ขยันลงพื้นที่ พร้อมสั่งให้พร้อมหน้าพร้อมตาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 8-9 ธ.ค.นี้ ฝ่ายค้านจัดปาร์ตี้วนเทปเก่า ซัดรัฐบาลบิ๊กตู่ล้มเหลว 9 ด้าน เล็งจับผิดช่วงหมดวาระเอาเปรียบทางการเมือง “สนธิญา” ชี้เพื่อไทยมีหนาว หากเรื่องยุบพรรคไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมชง กกต.ตรวจสัญชาติทักษิณ

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม เวลา 08.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางถึงทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยทันทีที่มาถึง ได้เดินดูต้นไม้ต่างๆ ที่บริเวณทางลาดหน้าตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมบอกเจ้าหน้าที่อยากให้ปลูกไม้มงคลเพิ่ม

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์เปิดเผยว่า อยากให้มีการปลูกต้นไม้เพิ่ม และขอให้มีดอกไม้สีเหลืองเพิ่มสีสันให้มากขึ้นสักนิด ซึ่งรวมถึงไม้มงคลต่างๆ ด้วย ทั้งนี้ นายกฯ ย้อนถามสื่อว่าทราบหรือไม่ว่าตอนนี้ไม้มงคลที่ทำเนียบรัฐบาลมีกี่ชนิด เมื่อสื่อมวลชนตอบว่า ทั้งหมดมีอยู่กว่า 50 ชนิด นายกฯ จึงกล่าวว่า “จะรู้อะไรต้องรู้ให้ครบถ้วน ในส่วนของนายกฯ เองก็พยายามจะรู้ให้ครบ จะได้ตัดสินใจถูก ไม่เช่นนั้นประเทศมันก็ไปไม่ได้ ประเทศของเราหลายอย่างต้องเปลี่ยนแปลง อย่างที่ผมเคยได้บอกไปว่า เราจะต้องพลิกโฉมประเทศไทยอย่างไร ทำอย่างไรที่จะทำให้ประเทศมีรายได้สูงขึ้น มีจีดีพีสูงขึ้นในอนาคต ผมคิดตรงนี้ทุกอย่างต้องมีการลงทุน ส่วนจะลงทุนอย่างไรประชาชนเข้าใจหรือไม่ ยินยอมหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าเราไม่ปรับเปลี่ยนวิธีคิด ไม่เปลี่ยนมายด์เซตเลย ก็จะทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง ก็อยู่อย่างเดิมไป รายได้ก็ไม่มี”

เมื่อถามถึงการเตรียมของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน นายกฯ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทุกกระทรวงได้เตรียมไว้แล้ว ส่วนจะมีโครงการคนละครึ่งเฟส 4 เป็นของขวัญปีใหม่หรือไม่นั้น ให้ไปถามกระทรวงการคลัง ถ้ามีเงินก็ต่อให้ แต่ถ้าไม่มีเงิน คิดกันอีกที

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความรู้สึกอย่างไรกรณีที่มีการจับเอาคำพูดของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะเรื่องปัญหาความเหลื่อมล้ำมาวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ขอให้ฟังกันยาวๆ ว่าความหมายที่ผมพูดคืออะไร ไม่เช่นนั้นยุทธศาสตร์ชาติผมจะเขียนไว้ทำไม ในเรื่องการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ การให้ความเป็นธรรม การเพิ่มขีดความสามารถ ดังนั้นทุกคนต้องร่วมมือกันตรงนี้ ยืนยันว่าผมไม่ได้แบ่งแยกคนจนกับคนรวยเสียเมื่อไหร่ เหตุผลของผมก็คือทุกคนเข้าถึงโอกาสของตัวเอง ผมพูดถึงการช่วยกันในลักษณะที่ว่าถ้าข้างบนไม่ติด ก็ช่วยแบ่งเบาไปบ้าง ข้างล่างก็จะได้ไม่ติดไม่ใช่หรือขอร้องว่าอย่าทำให้เป็นประเด็นในทุกเรื่องเลย ทุกเรื่องนายกฯ หวังดีทุกอัน บางทีพูดมากไปก็ไปตัดตอน พูดน้อยไปก็บอกว่าพูดไม่รู้เรื่อง จะเอาอย่างไรกับผมล่ะ"

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเข้า ครม.เมื่อใด ว่ายังตอบไม่ถูก เพราะ กกต.ยังทำไม่เสร็จ ยังอยู่ในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งเราให้เวลาถึงช่วงกลางเดือน ธ.ค.นี้ และจะให้เวลากับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาอีกครึ่งหนึ่ง ส่วนจะเข้า ครม.เมื่อใดนั้น ยังตอบไม่ได้ แต่จะนำ 2 ร่างดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาช่วงต้นเดือนมกราคม 2565

“กลางเดือนนี้จะเชิญ กกต.และวิปรัฐบาลมาหารือแนวทางการร่างกฎหมายลูกทั้งสองฉบับ เพื่อให้ร่างของรัฐบาล และร่างของพรรคร่วมรัฐบาลพิจารณาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน” นายวิษณุกล่าว

'จุรินทร์'ชี้ปชป.ค่อยๆดีขึ้น

ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวในเรื่องนี้ว่า ยังไม่มีพรรคการเมืองใดประสานเข้ามาเพื่อยื่นร่างแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับ แต่ได้สั่งการให้ฝ่ายเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไปติดตามเรื่องดังกล่าวแล้ว เชื่อว่าแต่ละฝ่ายที่จะยื่นต้องใช้เวลาพิจารณาระยะหนึ่ง เพื่อให้สมบูรณ์ที่สุด

ขณะเดียวกัน ยังคงมีความต่อเนื่องจากกรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ปชป. โดยล่าสุดนายนิพิฏฐ์ได้มอบหมายให้ตัวแทนมายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแล้วเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 7 ธ.ค.

ส่วนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวถึงผลกระทบของการลาออกของนายนิพิฏฐ์ว่า มั่นใจว่าคนที่อยู่ยังยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรคยังเหนียวอยู่กับพรรค เพราะคนส่วนใหญ่ยังอยู่ ทั้งนี้ ส่วนตัวยังมั่นใจว่าพรรค ปชป.ยังเดินหน้าต่อไปได้ อีกทั้งปัจจุบันเรากำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดี แม้อาจมีปัญหาอุปสรรคบ้าง แต่พรรคต้องฟันฝ่าต่อไป​ ส่วนคนที่อยู่ในพรรคยังต้องจับมือกันเดินไปข้างหน้า

"ผมไม่ขอพูดถึงกรณีของคุณนิพิฏฐ์ แต่ในภาพรวมทั่วไป เชื่อว่าประชาชนแยกแยะได้ว่าผู้ที่ออกไปแต่ละคนนั้นเกิดจากปัญหาอุดมการณ์ของพรรค หรือปัญหาส่วนตัว เชื่อว่าแต่ละคนก็เป็นแต่ละกรณีไป" นายจุรินทร์กล่าว

เมื่อถามย้ำว่า​ นายนิพิฏฐ์ได้แจ้งลาออกกับนายจุรินทร์ด้วยตัวเองแล้วหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ทราบจากข่าว และเจ้าหน้าที่แจ้งให้ทราบว่าเขาไปลาออกจากพรรคเมื่อวันที่​ 5 ธ.ค.​ ส่วนกรณีนายนิพิฏฐ์ไปอำลานายชวนเพียงคนเดียวนั้น ไม่ทราบ คงต้องไปถามนายนิพิฏฐ์ว่าได้บอกใครคนอื่นอีกหรือไม่

ถามอีกว่าถือว่าเป็นยุคที่พรรค ปชป.ตกต่ำมากที่สุดใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า ถ้าเราจะบอกว่าได้ผู้แทนน้อยถือว่าตกต่ำนั้น เราก็เคยทั้งตกต่ำและหลังจากนั้นก็กลับมารุ่งเรือง และก็ตกต่ำพร้อมรุ่งเรืองอีกครั้ง หลายครั้งหลายรอบ เที่ยวนี้ก่อนที่มาเป็นหัวหน้าพรรค เราเหลือ ส.ส.เพียง 50 เสียง จาก 159 เสียง หายไป 2 ใน 3 แต่เมื่อเข้ามาก็พยายามรวบรวมสรรพกำลังพื้นฟูพรรค คิดว่ามาถึงวันนี้ก็ค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งมีทั้งคนเก่าที่เคยออกจากพรรคไปกลับเข้ามา และมีทั้งคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาร่วมงานกับพรรคเยอะมาก ซึ่งเป็นไปตามแคมเปญของพรรคที่ว่า เลือดใหม่ไหลเข้า เลือดเก่าไหลกลับ ประสบความสำเร็จพอสมควร

ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค ปชป. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก และอยากให้คุณนิพิฏฐ์เป็นสมาชิกคนสุดท้ายที่ต้องเดินออกจากพรรค ปชป.ไป จึงขอให้ผู้บริหารพรรคได้ตระหนักถึงความสำคัญของสมาชิกพรรคและอุดมการณ์พรรค 10 ข้อ ที่จะต้องพิทักษ์ไว้อย่างเข้มแข็ง อย่าให้วิญญาณบรรพบุรุษของพรรคต้องร้องไห้ และแม่พระธรณีฯ ต้องน้ำตาไหลอีกเลย

ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประจำสัปดาห์ ทั้งนี้ ในที่ประชุม พล.อ.ประวิตรได้แนะนำนายพิเชษฐ สถิรชวาล ว่าได้เป็นสมาชิกพรรค พปชร.อย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมมอบเสื้อพรรคให้นายพิเชษฐ ซึ่งได้สวมใส่ท่ามกลางเสียงปรบมือต้อนรับแสดงความยินดีทั้งห้องประชุม

'ป้อม'สั่งส.ส.ขยันลงพื้นที่

จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้กล่าวกับสมาชิกพรรค โดยเน้นให้ร่วมมือกันขับเคลื่อนนโยบายพรรคอย่างเข้มแข็ง ให้ ส.ส.ขยันลงพื้นที่พบปะประชาชนเพื่อรับฟังปัญหา และนำมาบอกต่อตนเอง เพื่อนำเสนอรัฐบาลแก้ไขอย่างทันท่วงที โดยย้ำว่าพรรค พปชร.เป็นพรรคใหญ่ที่ประชาชนไว้วางใจเลือกเข้ามา เราในฐานะแกนนำรัฐบาลต้องไม่ทำให้ผิดหวัง และต้องร่วมมือกันสานต่อนโยบายเพื่อประชาชนอยู่ดีกินดียิ่งขึ้น และได้กำชับให้ ส.ส.เข้าร่วมประชุมสภา ในระหว่างวันที่ 8 และ 9 ธ.ค.นี้อย่างพร้อมเพรียง เพื่อเป็นเวทีและเป็นปากเป็นเสียงเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชน และผลักดันกฎหมายสำคัญต่างๆ

วันเดียวกัน ที่สำนักงาน กกต. นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เข้าให้ปากคำต่อ กกต. ในคดียุบพรรคเพื่อไทย (พท.) จากกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ วิดีโอคอลในงานเลี้ยงวันเกิดของนายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต ส.ส.อุบลราชธานีสมาชิกพรรค พท. ซึ่งมีการพูดคุยกับ ส.ส. สมาชิกพรรคและกรรมการบริหารพรรคเข้าข่ายชี้นำ ครอบงำ เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2564 โดยระบุว่า ทราบว่ามีคำร้องยุบพรรค พท.ประมาณ 10 สำนวน หากมี 5 ใน 10 สำนวน เรื่องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญพรรค พท.ก็หนาว ย้ำว่าไม่ได้กลั่นแกล้งพรรค พท. แต่ทำในฐานะเสรีภาพที่มี หากพรรค พท.เห็นว่าทำอะไรเกินเลยไม่เป็นความจริง เป็นการใส่ร้ายด้วยความเท็จ ก็แจ้งดำเนินคดีกับตนเองได้

“วันนี้ กกต.เรียกสอบว่ากรณีนี้ควบคุม ชี้นำ ทำให้เห็นจริงตามที่อดีตนายกฯ ทักษิณบอกไว้ และอีกประเด็นที่ได้ขอร้องให้ กกต.วินิจฉัยคือ การถือสัญชาติหนังสือเดินทางเล่มปัจจุบันของนายทักษิณว่าเป็นสัญชาติใด เพราะกรณีที่ไม่ถือสัญชาติไทย ไม่ถือหนังสือเดินทางไทย ก็เข้ามายุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมืองไม่ได้ และเป็นสาเหตุให้ยุบพรรคได้เช่นกัน กกต.ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย” นายสนธิญากล่าว

นายสนธิญายังกล่าวอีกว่า ในวันที่ 8 ธ.ค. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เรียกให้เข้าให้ข้อมูลที่ร้องสอบการกระทำที่ขัดต่อจริยธรรมอย่างร้ายแรงของนายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค พท. ที่อภิปรายและให้สัมภาษณ์ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม แจกเงิน ส.ส.คนละ 5 ล้านบาท ในช่วงของการอภิปรายไมไว้วางใจ

ในช่วงเย็น ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค พรรคร่วมฝ่ายค้านจัดงาน “ฝ่ายค้านรวมใจ สรรค์สร้างชีวิตใหม่เพื่อประชาชน” เพื่อสรุปแนวทางการทำงานในรอบปีที่ผ่านมา รวมถึงวางทิศทางในอนาคต มีหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท. อ่านแถลงการณ์พรรคร่วมฝ่ายค้าน ถึงการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านและความล้มเหลวของรัฐบาลในปี 2564 ว่าการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลมีความผิดพลาดล้มเหลวในหลายด้าน 1.ภาวะความเป็นผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์มีความบกพร่อง ทั้งการพยายามใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2.ผลการวิจัยของหลายองค์กรพบว่าสมัยรัฐบาลนี้มีการทุจริตคอร์รัปชันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 3.ความล้มเหลวในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 4.การใช้และบริหารงบประมาณที่ผิดพลาด 5.ความล้มเหลวในการปฏิรูปการเมือง 6.รัฐบาลคุกคามและละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน 7.ความล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 8.ความล้มเหลวด้านการปฏิรูปการศึกษา และ 9.ปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมร้ายแรง

“พรรคร่วมฝ่ายค้านจะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้นต่อไป และเนื่องจากระยะเวลานี้น่าจะเป็นช่วงสุดท้ายของรัฐบาลนี้ ใกล้ที่จะมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป เราจะจับตาและให้ความสำคัญต่อการเอาเปรียบทางการเมือง ทั้งในทางกฎหมายและการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ เพื่อการสืบทอดอำนาจของตนเองต่อไปอีก”

ขณะเดียวกันยังคงมีประเด็นเรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ว่า ครม.ไม่ได้หารือเรื่องดังกล่าว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของ ครม.

นายวิษณุกล่าวเช่นกันว่า ใน ครม.ไม่มีใครพูดเรื่องนี้กันเลย แม้คนที่จะมีอำนาจให้เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.คือ ครม. แต่ ครม.จะพูดอย่างนั้นได้ ต้องมีข้อมูลจากกระทรวงต่างๆ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย (มท.) เพราะในอดีตเราจะเริ่มการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ก็เริ่มมาจาก มท. เพราะ มท. จะคุยกับ กกต.ให้

ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.กล่าวถึงความชัดเจนในการส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคว่า ยังไม่ได้หาเลย กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะเอาใคร ส่วนมีข่าวจะเสนอชื่อนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าฯ ปทุมธานี หรือผู้ว่าฯ หมูป่า ลงสมัครนั้น ไม่รู้ ไม่ทราบ ก็ต้องไปถามผู้ว่าฯหมูป่าดูเอง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง