นายกฯญี่ปุ่นปรับคณะรัฐมนตรี หลังคะแนนนิยมตกฮวบ

นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นปรับคณะรัฐมนตรี หลังจากคะแนนนิยมตกต่ำ โดยมีอดีตรัฐมนตรีหลายคนกลับมารับตำแหน่งเดิม

นายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น (กลาง) เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ก่อนการปรับคณะรัฐมนตรี ที่สำนักงานของพรรคฯในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม (Photo by JIJI PRESS / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ที่นำพรรครัฐบาลของเขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งสภาสูงครั้งล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว ภายหลังกรณีมรณกรรมของชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรี ทำการปรับคณะรัฐมนตรีเมื่อวันพุธ หลังคะแนนนิยมเริ่มดิ่งลงเรื่อยๆ

ตั้งแต่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อเดือนที่แล้ว คะแนนความนิยมของรัฐบาลก็ลดลง จากกรณีหลักๆเรื่องการตรวจสอบความสัมพันธ์ของคริสตจักรกับนักการเมืองญี่ปุ่น ที่เป็นสาเหตุในการเสียชีวิตของอดีตนายกฯอาเบะ รวมถึงประเด็นด้านการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยของรัฐบาลคิชิดะ

คะแนนความนิยมของรัฐบาลตกลงไป 13 % ใน 3 สัปดาห์ จนเหลือแค่ 46% ตามผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์โดยสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค ในขณะที่การสำรวจอีกครั้งโดยโยมิอุริชิมบุน หนังสือพิมพ์รายใหญ่ของญี่ปุ่น ก็พบว่าคะแนนลดลง 8% จากเดือนกรกฎาคม เหลือเพียง 57% ในเดือนนี้

ยาสึคาสึ ฮามาดะ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมในช่วงปี 2551-2552 ได้รับการแต่งตั้งให้กลับมารับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอีกครั้ง แทนที่โนบุโอะ คิชิ น้องชายของชินโซ อาเบะ ซึ่งเผชิญกับปัญหาด้านสุขภาพ

การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายสำคัญทางการทหารที่คิชิดะเคยให้คำมั่นไว้ว่า จะเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากจีนและเกาหลีเหนือ

ฮิโรคาสึ มัตสึโนะ โฆษกรัฐบาลได้ประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ นอกเหนือไปจากกระทรวงกลาโหมแล้ว คัตสึโนบุ คาโตะ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขภายใต้รัฐบาลของอดีตนายกฯอาเบะ ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามารับตำแหน่งหัวหน้ากระทรวงสาธารณสุขเช่นเดิม

ทาโร โคโนะ อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรีฝ่ายกำกับดูแลด้านการรับมือโควิด-19 ของญี่ปุ่น ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกิจการดิจิทัล โดยได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญในการเปลี่ยนผ่านระบบอนาล็อกของญี่ปุ่น สู่โลกออนไลน์มากขึ้น และซานาเอะ ทาคาอิจิ อดีตรัฐมนตรีหญิงจากกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารญี่ปุ่น ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงทางเศรษฐกิจคนใหม่  ส่วนตำแหน่งอื่นๆเช่น รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ และรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ไม่มีการเปลี่ยนแปลง.

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ที่นำพรรครัฐบาลของเขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งสภาสูงครั้งล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว ภายหลังกรณีมรณกรรมของชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรี ทำการปรับคณะรัฐมนตรีเมื่อวันพุธ หลังคะแนนนิยมเริ่มดิ่งลงเรื่อยๆ

ตั้งแต่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อเดือนที่แล้ว คะแนนความนิยมของรัฐบาลก็ลดลง จากกรณีหลักๆเรื่องการตรวจสอบความสัมพันธ์ของคริสตจักรกับนักการเมืองญี่ปุ่น ที่เป็นสาเหตุในการเสียชีวิตของอดีตนายกฯอาเบะ รวมถึงประเด็นด้านการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยของรัฐบาลคิชิดะ

คะแนนความนิยมของรัฐบาลตกลงไป 13 % ใน 3 สัปดาห์ จนเหลือแค่ 46% ตามผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์โดยสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค ในขณะที่การสำรวจอีกครั้งโดยโยมิอุริชิมบุน หนังสือพิมพ์รายใหญ่ของญี่ปุ่น ก็พบว่าคะแนนลดลง 8% จากเดือนกรกฎาคม เหลือเพียง 57% ในเดือนนี้

ยาสึคาสึ ฮามาดะ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมในช่วงปี 2551-2552 ได้รับการแต่งตั้งให้กลับมารับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอีกครั้ง แทนที่โนบุโอะ คิชิ น้องชายของชินโซ อาเบะ ซึ่งเผชิญกับปัญหาด้านสุขภาพ

การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายสำคัญทางการทหารที่คิชิดะเคยให้คำมั่นไว้ว่า จะเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากจีนและเกาหลีเหนือ

ฮิโรคาสึ มัตสึโนะ โฆษกรัฐบาลได้ประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ นอกเหนือไปจากกระทรวงกลาโหมแล้ว คัตสึโนบุ คาโตะ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขภายใต้รัฐบาลของอดีตนายกฯอาเบะ ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามารับตำแหน่งหัวหน้ากระทรวงสาธารณสุขเช่นเดิม

ทาโร โคโนะ อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรีฝ่ายกำกับดูแลด้านการรับมือโควิด-19 ของญี่ปุ่น ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกิจการดิจิทัล โดยได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญในการเปลี่ยนผ่านระบบอนาล็อกของญี่ปุ่น สู่โลกออนไลน์มากขึ้น และซานาเอะ ทาคาอิจิ อดีตรัฐมนตรีหญิงจากกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารญี่ปุ่น ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงทางเศรษฐกิจคนใหม่  ส่วนตำแหน่งอื่นๆเช่น รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ และรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ไม่มีการเปลี่ยนแปลง.