รัฐบาลทหารเมียนมาพิจารณาโทษประหารชีวิตแก่นักศึกษาเพิ่มอีกอย่างน้อย 7 คนในสัปดาห์นี้ ทำให้ยอดนักโทษประหารรวมเพิ่มเป็น 139 คนแล้ว

โวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Photo by VALENTIN FLAURAUD / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม 2565 กล่าวว่า สหประชาชาติแถลงความคืบหน้าด้านมนุษยชนในเมียนมา พบว่าล่าสุดรัฐบาลทหารเตรียมประหารชีวิตนักโทษเพิ่มอีกอย่างน้อย 7 คน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้มีการเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้รัฐบาลทหารเมียนมาชี้แจง แต่โฆษกรัฐบาลทหารไม่ตอบสนองต่อการเรียกร้องดังกล่าวเพื่อขอคำยืนยันเกี่ยวกับโทษประหารชีวิตครั้งล่าสุด ซึ่งสหประชาชาติเชื่อว่าโทษประหารถูกใช้เป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้าม
เมียนมาประสบแต่ความวุ่นวายนับตั้งแต่รัฐบาลพลเรือนของออง ซาน ซูจีถูกโค่นล้มด้วยการทำรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 และทำให้ระบอบประชาธิปไตยของประเทศกลับสู่ระบอบเผด็จการดังเดิม
โวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ระบุในถ้อยแถลงว่า นักศึกษาชายอย่างน้อย 7 คนถูกตัดสินประหารชีวิตโดยศาลทหารเมื่อวันพุธ
"ด้วยการใช้โทษประหารเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อบดขยี้ฝ่ายตรงข้าม กองทัพทหารเมียนมาตอกย้ำเจตนาที่จะละเลยความพยายามของประชาคมอาเซียนและประชาคมระหว่างประเทศในการยุติความรุนแรงและกำลังสร้างเงื่อนไขทางสิทธิมนุษยชนในวิกฤติที่เกิดขึ้นโดยทหาร" โวลเกอร์ เติร์กกล่าว
รายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยในกรุงย่างกุ้งถูกจับกุมเมื่อเดือนเมษายน และถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุกราดยิงธนาคาร
"การกำหนดโทษประหารชีวิตนักศึกษาเป็นการแก้แค้นของกองทัพ” สหภาพนักศึกษาระบุในถ้อยแถลง
สหประชาชาติกำลังสืบสวนรายงานเกี่ยวกับเยาวชนนักเคลื่อนไหวทางการเมืองอีก 4 คนที่ถูกตัดสินประหารชีวิตในวันพฤหัสบดี
"กองทัพเมียนมายังคงดำเนินคดีในศาลลับโดยละเมิดหลักการพื้นฐานของการพิจารณาคดีอย่างยุติธรรม และขัดต่อการรับประกันความเป็นอิสระและความเป็นกลางของกระบวนการยุติธรรม" เติร์กกล่าว
เขากล่าวว่า การพิจารณาของศาลลับบางครั้งใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีและผู้ที่ถูกคุมขังมักไม่สามารถเข้าถึงทนายความหรือครอบครัวของพวกเขาได้
ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์จำนวนมากในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ร่วมต่อต้านโทษประหารชีวิตดังกล่าวด้วยการติดแฮชแท็ก เช่น "StopExecuteOurStudents"
การตัดสินประหารชีวิตครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม ซึ่งครั้งนั้นมีอดีตนักการเมืองและนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยรวมอยู่ด้วย ถือเป็นการใช้โทษประหารชีวิตครั้งแรกของรัฐบาลเมียนมาในรอบ 30 ปี และก่อให้เกิดเสียงประณามไปทั่วโลก
สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือ อาเซียน ซึ่งพยายามช่วยเหลือให้เกิดการฟื้นฟูสันติภาพในเมียนมามาตลอด ย้ำเตือนรัฐบาลทหารเมื่อเดือนสิงหาคมไม่ให้ดำเนินการประหารชีวิตนักโทษการเมืองอีกต่อไป
ทั้งนี้ มีรายงานว่าพลเรือนเสียชีวิตไปแล้วกว่า 2,280 ราย และอีก 11,637 คนยังคงถูกควบคุมตัวโดยกองทัพ ซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายปราบปรามผู้เห็นต่างของรัฐบาลทหาร ตามการระบุของกลุ่มเฝ้าติดตามในท้องถิ่น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ไทยเบฟ'หนุนช้างศึกชิงเจ้าอาเซียน เปิด'อะคาเดมี่'เป็นสนามซ้อม ตั้งเป้าคว้าทองซีเกมส์2025
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ “ไทยเบฟ” ผู้สนับสนุนหลักวงการฟุตบอลไทยมากว่า 25 ปี มุ่งมั่นสร้างรากฐานความยั่งยืนของกีฬาในทุกมิติ ตั้งแต่ระดับเยาวชน ผ่านโครงการต่างๆ พร้อมถ่ายทอดแนวคิด Sportsmanship เพราะ มากกว่ากีฬา คือ น้ำใจนักกีฬา พร้อมส่งทัพช้างศึกฟุตบอลทีมชาติไทยชุด U-23 และสนับสนุนสนามซ้อม “ไทยเบฟ ฟุตบอล อะคาเดมี่” ตั้งเป้าทวงบัลลังก์แชมป์ในการแข่งขันมหกรรมกีฬา “ซีเกมส์” ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดย “ไทยเบฟ” ร่วมผลักดันและพัฒนาวงการกีฬาของไทยบนเวทีนานาชาติ ในฐานะ Official Bronze Sponsor
‘เหวง’ ติดหล่มเผาเมือง ครวญเมื่อไหร่ศาลไทยจะประหาร ‘อภิสิทธิ์’
นพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำนปช. ช่วงเหตุการณ์คนเสื้อเผาบ้านเผาเมือง โพสต์ข้อความว่า ศาลบังกลาเทศตัดสินประหารนายกที่ก่ออ
อมตะจับมือ Day Oneขยายดาต้าเซ็นเตอร์ดันไทยสู่ ‘ฮับดิจิทัลอาเซียน’
อมตะ ประกาศความร่วมมือทางยุทธศาสตร์กับ Day One Data Centers จากสิงคโปร์ ทุ่มงบ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายฐานโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสเกลใหญ่ในนิคมฯ อมตะซิตี้ ชลบุรี โดยตั้งเป้ากำลังไฟฟ้ารวมทะลุ 1 กิกะวัตต์ รองรับดีมานด์จาก Cloud และ AI ในอนาคต หนุนไทยสู่ ฮับดิจิทัลอาเซียน
โฆษกรัฐบาล เผยผลสำเร็จประชุมสุดยอดอาเซียน 'อนุทิน' นำไทยกลับสู่จอเรดาร์โลก
โฆษกรัฐบาล เผยผลสำเร็จ “อาเซียน” เวทีระหว่างประเทศ นายกฯ อนุทินนำไทยกลับสู่จอเรดาร์โลก พบ 8 ผู้นำประเทศ/บุคคลสำคัญ ร่วมลงนามถ้อยแถลง (JD) คลี่คลายปมชายแดนไทย-กัมพูชา ก้าวแรกสู่สันติภาพและความมั่นคงอีกครั้ง


