อดีตนายกฯอับดุลลาห์ บาดาวี ของมาเลเซีย ถึงแก่อสัญกรรมด้วยวัย 85 ปี

อับดุลลาห์ อาหมัด บาดาวี อดีตนายกฯ มาเลเซียซึ่งรับตำแหน่งต่อจากมหาธีร์ โมฮัมหมัด ถึงแก่อสัญกรรมแล้วด้วยวัย 85 ปี

แฟ้มภาพ อับดุลลาห์ อาหมัด บาดาวี อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย (Photo by SAEED KHAN / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 15 เมษายน 2568 กล่าวว่า อดีตนายกรัฐมนตรีอับดุลลาห์ อาหมัด บาดาวี ของมาเลเซียถึงแก่อสัญกรรมแล้วด้วยโรคหัวใจ ในวัย 85 ปี

โดยก่อนหน้านี้เขารักษาตัวจากอาการป่วยเรื้อรังและเสียชีวิตลงเมื่อวันจันทร์ และร่างของเขาจะถูกดำเนินพิธีฝังในวันอังคาร ภายหลังเสร็จสิ้นรัฐพิธีศพ

อับดุลลาห์ บาดาวีซึ่งรู้จักกันในนาม "ปากลาห์" หรือลุงลาห์ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2003 สืบต่อจากมหาธีร์ โมฮัมหมัด ผู้นำที่ลาออกหลังจากดำรงตำแหน่งมานาน 22 ปี

เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 5 ของมาเลเซียจนถึงปี 2009 เมื่อเขาถูกบีบให้ลาออกหลังจากที่พรรคร่วมรัฐบาลของเขาทำผลงานได้ไม่ดีในการเลือกตั้งทั่วไป และยังโดนมหาธีร์วิจารณ์อย่างไม่ลดละพร้อมหันมาต่อต้านผู้สืบทอดตำแหน่งที่เขาเลือกเอง

อับดุลลาห์มีนิสัยเรียบร้อยและใจดีซึ่งเป็นบุคลิกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับผู้ดำรงตำแหน่งก่อนหน้าที่ชอบบงการผู้อื่น

หลายคนชื่นชมยินดีกับการเปลี่ยนผ่านจากการปกครองแบบเผด็จการไปสู่เสรีภาพที่มากขึ้น และสิ่งนี้ช่วยให้อับดุลลาห์นำพันธมิตรพรรคแนวร่วมแห่งชาติของเขาไปสู่ชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งปี 2004

หลังจากสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่ง อับดุลลาห์ยังคงวางตัวอย่างถ่อมตน

นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ยกย่องอับดุลลาห์ว่าเป็น "บุคคลที่มีจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ซึ่งได้ปลูกฝังแนวทางใหม่ให้กับการเมืองแห่งอำนาจของมาเลเซีย"

อันวาร์กล่าวถึงอับดุลลาห์ว่าเป็นเพื่อนและรัฐบุรุษที่มีคุณธรรมสูง โดยผู้นำคนปัจจุบันของประเทศกล่าวว่าอับดุลลาห์เป็นผู้นำด้วยใบหน้าที่ไม่โกรธเคือง, ไม่หิวอำนาจ และไม่เคยพูดจาหยาบคายแม้ถูกโจมตีไม่หยุดหย่อน

"เมื่อผมต้องดิ้นรนต่อสู้ในช่วงเวลาที่มืดมนในชีวิต อับดุลลาห์ไม่เคยซ้ำเติมความเจ็บปวดด้วยคำพูดดูหมิ่น" อันวาร์ซึ่งเคยถูกจำคุกภายใต้การปกครองของมหาธีร์กล่าว

"นั่นคือบุคลิกของปากลาห์ ผู้ซึ่งเลือกสันติภาพเสมอและอดกลั้นกับการตอบโต้" อันวาร์กล่าวบนโซเชียลมีเดีย

"ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เขามีส่วนสนับสนุนอย่างมากต่อการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของมาเลเซีย" ลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านกล่าว

เช่นเดียวกับลี เซียนลุง อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ที่ได้กล่าวว่า "ผมรู้จักเขามาตั้งแต่ก่อนที่เราจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี, เขาทำหน้าที่รับใช้ประเทศด้วยความทุ่มเทอย่างยิ่ง, ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อรับมือกับความท้าทายของมาเลเซียและยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน".