
อี แจ-มย็อง อดีตผู้นำฝ่ายค้านและผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ (Photo by JUNG YEON-JE / AFP)
ความวุ่นวายทางการเมืองของเกาหลีใต้ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากศาลสูงสั่งให้แก้ไขคำพิพากษากรณีตัวเต็งประธานาธิบดีคนใหม่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎหมายการเลือกตั้ง และบุคคลสำคัญสองคนในรัฐบาลลาออกกะทันหัน
การลงคะแนนเสียงในวันที่ 3 มิถุนายนจะตัดสินว่าใครจะมาแทนที่อดีตประธานาธิบดียุน ซ็อก-ยอลซึ่งถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งจากกรณีประกาศกฎอัยการศึกโดยมิชอบเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
ศาลสูงเกาหลีใต้พลิกคำตัดสินที่เคยระบุว่าอี แจ-มย็อง อดีตผู้นำฝ่ายค้านไม่มีความผิดฐานให้การเท็จในช่วงหาเสียงเลือกตั้งครั้งก่อน และความเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจทำให้โอกาสลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีของเขาต้องสูญไป
คำตัดสินดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่ฮัน ด็อก-ซู รักษาการประธานาธิบดีจะประกาศลาออกเมื่อวันพฤหัสบดี โดยเขาเคยแย้มว่าตนอาจลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เช่นเดียวกับ ชเว ซัง-มก รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีในช่วงที่ฮันถูกรัฐสภาลงมติถอดถอน
การตัดสินใจของศาลสูงในการสั่งให้พิจารณาคดีใหม่กรณีอี แจ-มย็องซึ่งผลสำรวจความนิยมนำโด่งมาก อาจทำให้เขาถูกห้ามลงเลือกตั้งได้
ศาลตัดสินว่ามีความเข้าใจผิดทางกฎหมายเกิดขึ้น จึงส่งผลให้อี แจ-มย็องพ้นผิดก่อนหน้านั้น
ขณะที่การลาออกพร้อมกันอย่างกะทันหันของอดีตรักษาการประธานาธิบดีทั้งสองคน ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนทางการเมืองของประเทศ โดยขณะนี้ตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีตกเป็นของอี จูโฮ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งจะมีหน้าที่จัดการกระบวนการเลือกตั้งเพื่อลงคะแนนเสียงเลือกประธานาธิบดีคนใหม่
อี จูโฮสั่งให้กองทัพยกระดับความพร้อมขึ้นสู่ระดับสูงสุด และเรียกร้องให้การเลือกตั้งดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบและยุติธรรม
ในการพลิกคำพิพากษาที่เคยระบุให้อี แจ-มย็องพ้นผิด ศาลสูงสุดของประเทศกล่าวว่า คำปราศรัยของเขาระหว่างหาเสียงในปี 2022 นั้น ถือเป็นการกล่าวเท็จเกี่ยวกับเรื่องสำคัญซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจผิด
หากศาลอุทธรณ์นำคำตัดสินของศาลสูงมาพิจารณาแล้วพบว่าเขามีความผิดจริงตามนั้น เขาอาจได้รับโทษจำคุกหรือปรับเงิน 1 ล้านวอน หรือมากกว่านั้น เขาอาจโดนสั่งห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี
พรรคประชาธิปไตยของอี แจ-มย็องออกมาโจมตีคำตัดสินดังกล่าว โดยใช้คำว่า "การแทรกแซงการเลือกตั้ง"
"ศาลกำลังพยายามแทรกแซงการตัดสินใจของประชาชนในการกำหนดอนาคตของประเทศหรือไม่" พรรคฯกล่าวในแถลงการณ์ และเสริมว่า "ฝ่ายตุลาการกำลังพยายามลิดรอนสิทธิของประชาชนในการเลือกผู้นำ"
ขณะที่พรรคพลังประชาชนของอดีตประธานาธิบดียุน ซ็อก-ยอลยินดีกับคำตัดสินดังกล่าวและเรียกร้องให้อี แจ-มย็องถอนตัวจากการลงสมัคร
"การที่เขาจะถอนตัวจากการลงสมัครหรือไม่ เป็นเรื่องของสามัญสำนึกในฐานะนักการเมืองที่มีความรับผิดชอบ" ควอน ซ็องดง หัวหน้าพรรคพลังประชาชนกล่าวกับผู้สื่อข่าว
แม้ว่าคำตัดสินของศาลสูงจะส่งผลกระทบต่ออี แจ-มย็อง แต่ยู จองฮุน นักวิจารณ์การเมืองและทนายความกล่าวกับเอเอฟพีว่า "โดยปกติแล้ว ศาลอุทธรณ์จะใช้เวลาประมาณสามเดือนในการพิจารณาคดีที่ศาลสูงส่งกลับ ซึ่งเป็นการยากมากที่กระบวนการจะชัดเจนก่อนการเลือกตั้งที่กำหนดไว้แล้วในหนึ่งเดือนข้างหน้า ถึงแม้โอกาสรอดของอี แจ-มย็องจะมีอยู่บ้าง แต่ระยะเวลาของการเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามา อาจทำให้เขาแพ้ตั้งแต่ยังไม่ลงแข่งก็ได้"
นอกเหนือจากคดีละเมิดกฎหมายการเลือกตั้งแล้ว อี แจ-มย็องยังต้องเผชิญกับการพิจารณาคดีอื่นๆ อีกหลายคดีในข้อกล่าวหาทุจริต
หากเขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนมิถุนายน การพิจารณาคดีเหล่านี้อาจถูกระงับภายใต้เอกสิทธิ์คุ้มครองของประธานาธิบดี และจะเริ่มดำเนินการอีกครั้งเมื่อครบวาระ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ต่อสาย 'ผู้นำเกาหลีใต้' สะเทือน 'ไทยเทา' ออกมาเคลื่อนไหว
นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า คุณอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ต่อสายถึงผู้นำประเทศเกาหลีใต้


