มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 รายจากการโจมตีฆ่าตัวตายที่โบสถ์แห่งหนึ่งในกรุงดามัสกัสของซีเรีย คาดฝืมือกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม

ประชาชนและเจ้าหน้าที่กู้ภัยตรวจสอบความเสียหายที่จุดเกิดเหตุโจมตีฆ่าตัวตายที่โบสถ์เซนต์อีเลียส ในพื้นที่ดเวลลาของกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน (Photo by LOUAI BESHARA / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน 2568 กล่าวว่า เกิดเหตุกราดยิงและระเบิดฆ่าตัวตายที่โบสถ์ออร์โธดอกซ์แห่งหนึ่งในกรุงดามัสกัส มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยกระทรวงมหาดไทยของซีเรียกล่าวโทษสมาชิกกลุ่มรัฐอิสลามว่าอยู่เบื้องหลัง
ชุมชนนานาชาติประณามการโจมตีครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นการโจมตีครั้งแรกในเมืองหลวงของซีเรียนับตั้งแต่กองกำลังที่นำโดยกลุ่มอิสลามโค่นล้มประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และเป็นครั้งแรกที่โจมตีโบสถ์นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองซีเรียปะทุขึ้นในปี 2011 โดยโบสถ์อื่นๆ ได้รับความเสียหายหรือถูกโจมตีในบริเวณใกล้เคียงระหว่างความขัดแย้งช่วงนั้น แต่ไม่มีโบสถ์ใดถูกโจมตีโดยตรงเช่นนี้
ความมั่นคงยังคงเป็นหนึ่งในความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับทางการซีเรียชุดใหม่ ซึ่งชุมชนนานาชาติเรียกร้องมาโดยตลอดให้ปกป้องชนกลุ่มน้อยด้วย
กระทรวงมหาดไทยระบุในแถลงการณ์ว่า "มือระเบิดพลีชีพที่เชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายไอซิส (ISIS) ได้บุกเข้าไปในโบสถ์เซนต์อีเลียส ในเขตดเวลาของเมืองหลวงดามัสกัส จากนั้นจึงเปิดฉากยิงและจุดชนวนระเบิดตัวเอง"
ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีพบเห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังเคลื่อนย้ายผู้คนออกจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งเต็มไปด้วยเศษไม้จากอุปกรณ์ตกแต่งและม้านั่งในโบสถ์ รวมทั้งรูปเคารพที่ร่วงหล่นและเลือดนองพื้น ขณะที่กองกำลังรักษาความปลอดภัยได้ปิดล้อมพื้นที่ดังกล่าว
แถลงการณ์ของกระทรวงสาธารณสุขที่เผยแพร่โดยสำนักข่าว SANA ของซีเรีย ระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 22 ราย และบาดเจ็บ 63 คน
ลอว์เรนซ์ มามารี ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวกับเอเอฟพีว่า "มีบุคคลภายนอกคนหนึ่งเดินเข้ามาในโบสถ์พร้อมอาวุธและเริ่มยิงปืน ผู้คนพยายามหยุดเขา จากนั้นเขาจึงจุดชนวนระเบิดตัวเอง"
เกียร์ เปเดอร์เซน ทูตพิเศษของสหประชาชาติด้านซีเรีย แสดงความไม่พอใจต่ออาชญากรรมร้ายแรงนี้ และเรียกร้องให้มีการสืบสวนและดำเนินการอย่างเต็มที่โดยทางการ
ทอม บารัค ทูตพิเศษของสหรัฐฯ กล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันสนับสนุนซีเรียให้ต่อสู้กับผู้ที่พยายามสร้างความไม่มั่นคงและความหวาดกลัวในประเทศของตนและในภูมิภาคโดยรวม
เช่นเดียวกับจอร์แดนที่แสดงความสนับสนุนต่อความพยายามของรัฐบาลซีเรียในการต่อต้านการก่อการร้ายและปกป้องความมั่นคงของประเทศ
กระทรวงต่างประเทศของฝรั่งเศสประณามการโจมตีครั้งนี้ว่าเลวร้าย และย้ำถึงความมุ่งมั่นของฝรั่งเศสที่จะเปลี่ยนผ่านในซีเรียเพื่อให้ชาวซีเรียไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ตามสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติและปลอดภัยในประเทศที่เสรี, เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างหลากหลาย, มั่งคั่ง, มั่นคง และมีอำนาจอธิปไตย
กระทรวงต่างประเทศของซีเรียกล่าวถึงการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็นความพยายามที่จะทำลายการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของคนในชาติและทำให้ประเทศไม่มั่นคง
พยานคนหนึ่งบอกกับเอเอฟพีโดยขอสงวนนามว่าระเบิดดังกล่าวจุดชนวนให้เกิดความตื่นตระหนกและความกลัวในโบสถ์ ซึ่งเต็มไปด้วยผู้มาสักการะบูชา รวมทั้งเด็กและผู้สูงอายุ
มีรายงานว่ามีผู้สูญหายหลายคน โดยครอบครัวต่างๆ กำลังค้นหาคนที่ตนรักอย่างสิ้นหวัง
อดีตผู้นำอัสซาดได้วาดภาพตัวเองเป็นผู้ปกป้องชนกลุ่มน้อย ซึ่งระหว่างสงครามกลางเมืองซีเรียที่กินเวลานานเกือบ 14 ปี พวกเขาตกเป็นเป้าหมายการโจมตีหลายครั้ง โดยหลายกรณีเป็นฝีมือของกลุ่มญิฮาด รวมถึงกลุ่มไอเอสด้วย
หลังจากที่ทางการชุดใหม่เข้ายึดอำนาจ ชุมชนระหว่างประเทศและทูตที่เดินทางมาเยี่ยมเยียนได้เรียกร้องให้รัฐบาลใหม่ปกป้องชนกลุ่มน้อยและอนุญาตให้คนเหล่านั้นได้มีส่วนร่วมในกระบวนการเปลี่ยนผ่านของซีเรีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ความรุนแรงระหว่างศาสนาปะทุขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ
อนัส คัตตับ รัฐมนตรีมหาดไทยซีเรียแสดงความเสียใจต่อผู้ประสบเหตุและระบุว่าทีมผู้เชี่ยวชาญจากกระทรวงได้เริ่มสืบสวนเกี่ยวกับสถานการณ์ของอาชญากรรมนี้แล้ว
"การก่อการร้ายเหล่านี้จะไม่หยุดความพยายามของรัฐซีเรียในการสร้างสันติภาพ" คัตตับกล่าวตามแถลงการณ์
ในการให้สัมภาษณ์เมื่อต้นเดือนนี้ คัตตับกล่าวถึงความท้าทายด้านความปลอดภัยที่ซีเรียเผชิญ และกล่าวว่ากลุ่มก่อการร้ายได้เปลี่ยนไปโจมตีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์แทนด้วยการโจมตีชุมชนคริสเตียนและชีอะห์ ซึ่งทางการได้ขัดขวางไว้แล้ว
เมื่อเดือนที่แล้ว กลุ่มรัฐอิสลามอ้างว่าได้โจมตีกองกำลังรัฐบาลใหม่ของซีเรียเป็นครั้งแรก
กลุ่มนี้ได้ยึดครองพื้นที่ขนาดใหญ่ของซีเรียและอิรักในช่วงปีแรกของสงครามกลางเมือง และประกาศตั้ง "รัฐเคาะลีฟะฮ์" ข้ามพรมแดนในปี 2014
กองกำลังชาวเคิร์ดในซีเรียที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ เคยเอาชนะรัฐดั้งเดิมนี้ได้ในปี 2019 แต่กลุ่มฯยังคงรักษาสถานะไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทะเลทรายอันกว้างใหญ่ของซีเรีย.


