รถรางไฟฟ้าตกรางในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของเมืองหลวงโปรตุเกส ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 15 ราย และบาดเจ็บ 18 คน ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด
ตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังทำงานในพื้นที่ประสบอุบัติเหตุรถรางไฟฟ้าพลิกคว่ำตกรางในกรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เมื่อวันที่ 3 กันยายน (Photo by PATRICIA DE MELO MOREIRA / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2568 กล่าวว่า เกิดอุบัติเหตุกับรถรางไฟฟ้าชื่อดังในกรุงลิสบอน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 15 ราย และบาดเจ็บ 18 คน
รถรางกลอเรียสีเหลืองซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของเมืองหลวงโปรตุเกส เกิดพลิกคว่ำเมื่อเวลา 06.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น ใกล้กับถนนลิเบอร์ตี
"โศกนาฏกรรมที่เมืองของเราไม่เคยประสบมาก่อน" คาร์ลอส โมเอดาส นายกเทศมนตรีเมืองลิสบอนกล่าว
เจ้าหน้าที่ได้ประกาศให้วันพฤหัสบดีเป็นวันไว้อาลัยทั่วประเทศ
ติอาโก ออกุสโต เจ้าหน้าที่หน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่า ผู้ประสบเหตุทั้งหมดได้รับการช่วยเหลือออกมาจากซากรถรางแล้ว พร้อมเสริมว่ามีชาวต่างชาติอยู่ในจำนวนนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวตนของผู้เสียชีวิต
ภาพที่เผยแพร่บนโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นรถรางปรากฏขึ้นท่ามกลางกลุ่มควันและเศษซากจากการกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรง นักท่องเที่ยวและผู้ที่เฝ้าดูต่างตะลึงงัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากมารวมตัวในที่เกิดเหตุ
พยานให้ข้อมูลว่า รถรางซึ่งสามารถรองรับคนได้ประมาณ 40 คน พุ่งชนอาคารขณะที่มันกำลังแล่นลงจากถนนลาดชันด้วยความเร็วสูง
ผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะของกรุงลิสบอนกล่าวว่าได้ปฏิบัติตามระเบียบการซ่อมบำรุงทั้งหมด, ทุกอย่างได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน และการบำรุงรักษารถรางนี้ดำเนินการโดยผู้รับเหมาภายนอกมาเป็นเวลา 14 ปีแล้ว
แถลงการณ์จากสำนักงานนายกรัฐมนตรีหลุยส์ มอนเตเนโกร ระบุว่า "โศกนาฏกรรมครั้งนี้นำมาซึ่งความโศกเศร้าแก่ครอบครัว และสร้างความหวาดผวาแก่ประเทศ"
ทั้งนี้ รถรางสามขบวนของกรุงลิสบอนเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นในการโดยสารขึ้นลงบนถนนที่ลาดชันของลิสบอน นอกจากนี้รถรางสีเหลืองยังเป็นภาพที่พบเห็นได้ทั่วไปบนของที่ระลึกในร้านขายของที่ระลึกของเมือง
รถรางกลอเรียเป็นรถรางที่มีชื่อเสียงที่สุดของลิสบอน โดยเริ่มให้บริการครั้งแรกในปี 1885, เชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าในปี 1915 และได้รับการซ่อมบำรุงทั่วไปทุก 4 ปี ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของอนุสรณ์สถานแห่งชาติโปรตุเกส.
