ทรัมป์ตราหน้าหลายเมืองในสหรัฐเป็นเขตสงคราม พร้อมส่งเจ้าหน้าที่พิเศษลงพื้นทึ่

รัฐบาลทรัมป์ตราหน้าชิคาโกว่าเป็นเขตสงคราม เพื่อเป็นข้ออ้างในการส่งทหารไปปฏิบัติภารกิจโดยท้าทายการบริหารท้องถิ่นของพรรคเดโมแครต ขณะที่ผู้พิพากษาได้สั่งห้ามทำเนียบขาวส่งทหารไปยังเมืองอื่นๆที่พรรคเดโมแครตบริหารเช่นกัน

ตำรวจรัฐอิลลินอยส์ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ผู้ประท้วงที่รวมตัวกันใกล้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (ICE) ในรัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม (Photo by OCTAVIO JONES / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม 2568 กล่าวว่า วิกฤตการเมืองที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วสหรัฐอเมริกาทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องเดินหน้าในการปราบปรามอาชญากรรมภาคสังคมและภาคการเมืองที่พรรคเดโมแครตฝ่ายค้านกล่าวหาว่าเขาใช้อำนาจแบบเผด็จการ

ประเด็นร้อนล่าสุดคือ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้อนุมัติการส่งกำลังทหารรักษาดินแดนแห่งชาติ 300 นายไปยังชิคาโก ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ แม้จะมีการคัดค้านจากผู้นำท้องถิ่นที่มาจากการเลือกตั้ง รวมถึงนายกเทศมนตรีและเจ.บี. พริตซ์เกอร์ ซึ่งเป็นผู้ว่าการรัฐอิลลินอย

คริสตี โนเอม รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ได้ออกมาปกป้องความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัฐบาลกลาง โดยอ้างกับสื่อมวลชนว่าชิคาโกเป็น "เขตสงคราม"

แต่พริตซ์เกอร์ได้กล่าวในรายการ "State of the Union" ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นว่า พรรครีพับลิกันตั้งใจจะสร้างความวุ่นวายในพื้นที่ของฝั่งตรงข้ามและต้องการสร้างเขตสงครามเพื่อที่จะส่งกำลังพลเข้ามาได้มากขึ้น

ผลสำรวจของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์พบว่าชาวอเมริกัน 58% คัดค้านการส่งกำลังทหารรักษาดินแดนแห่งชาติไปยังเมืองต่างๆ

ทรัมป์ซึ่งที่ผ่านมากล่าวถึงการใช้กองทัพเพื่อรับมือสงครามจากภายใน ยังไม่มีทีท่าว่าจะถอนตัวออกจากการกระทำเช่นนี้

ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาอ้างว่า "พอร์ตแลนด์กำลังมอดไหม้ และเต็มไปด้วยกลุ่มกบฏ"

ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน ได้สะท้อนวาทกรรมของประธานาธิบดี โดยกล่าวในรายการ "Meet the Press" ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีว่า กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติที่ประจำการในกรุงวอชิงตัน เมืองหลวงของสหรัฐฯ ได้ตอบสนองต่อ "เขตสงครามที่แท้จริง" ซึ่งเป็นลักษณะที่ขัดแย้งกับความเป็นจริง

อย่างไรก็ตาม การกระทำของทรัมป์ในการใช้กองทัพในแผ่นดินบ้านเกิด ประสบอุปสรรคเมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ที่เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน เมื่อศาลตัดสินว่าการส่งกำลังพลดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ทรัมป์เคยเรียกพอร์ตแลนด์ว่า "ถูกทำลายล้างด้วยสงคราม" หลายครั้ง แต่คาริน อิมเมอร์กัต ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งระงับการระดมพลชั่วคราว โดยกล่าวว่า "ความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง"

"นี่คือประเทศที่ใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่กฎอัยการศึก" อิมเมอร์กัตเขียนไว้ในคำตัดสิน

แม้ว่าเมืองพอร์ตแลนด์จะพบเห็นการโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางและทรัพย์สินอย่างในหลายกรณี แต่รัฐบาลทรัมป์กลับล้มเหลวในการแสดงให้เห็นว่า "เหตุการณ์ความรุนแรงเหล่านั้นอาจเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างเป็นระบบเพื่อโค่นล้มรัฐบาลโดยรวม" ซึ่งถือเป็นการอ้างเหตุผลในการใช้กำลังทหาร

ขณะที่สตีเฟน มิลเลอร์ ที่ปรึกษาคนสำคัญของทรัมป์ เรียกคำสั่งของผู้พิพากษาว่าเป็น "การก่อกบฏทางกฎหมาย"

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นแกนนำในการเคลื่อนไหวของพรรคเดโมแครตในการต่อต้านทรัมป์ กล่าวว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ส่งกองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติของไปยังรัฐโอเรกอน และเขาจะฟ้องร้องเกี่ยวกับการกระทำครั้งนี้

"การส่งกองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติแคลิฟอร์เนียไปยังรัฐโอเรกอนของเขาไม่ได้เกี่ยวกับอาชญากรรม แต่เกี่ยวกับอำนาจ เขากำลังใช้กองทัพของเราเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อสร้างอัตตาของตัวเอง" นิวซัมกล่าว

ปฏิบัติการของทรัมป์ได้รับการสนับสนุนจาก ICE (สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร) และหน่วยงานนี้กำลังขยายขอบเขตอย่างรวดเร็วทั้งในด้านบุคลากรและหน้าที่

การบุกจู่โจมของ ICE ทั่วประเทศซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเมืองที่บริหารโดยพรรคเดโมแครต พบกลุ่มชายสวมหน้ากากติดอาวุธในรถยนต์และรถหุ้มเกราะที่ไม่มีเครื่องหมายมุ่งเป้าไปที่ย่านที่อยู่อาศัยและธุรกิจต่างๆ

ทั้งนี้ เหตุการณ์ประท้วงตึงเครียดหลายวันในชิคาโกกลายเป็นความรุนแรงในวันเสาร์ เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางยิงผู้ขับขี่รถยนต์ ซึ่งกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) ระบุว่าพกพาอาวุธ และพุ่งชนรถสายตรวจคันหนึ่งของพวกเขา

เจ้าหน้าที่ DHS กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ ICE ยังได้ยิงและสังหารผู้อพยพวัย 38 ปี รายหนึ่งระหว่างการขอตรวจค้นรถยนต์เมื่อวันที่ 12 กันยายน โดยกล่าวหาว่าเขาพยายามหลบหนีและลากเจ้าหน้าที่ ICE ไปพร้อมกับรถยนต์คันดังกล่าว.

เพิ่มเพื่อน