การคาดการณ์ฝนครั้งใหม่ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเสียหายเพิ่มเติมในอินโดนีเซียและศรีลังกาซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 1,500 รายใน 4 ประเทศ

ผู้ประสบภัยเด็กที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมกำลังเดินไปตามถนนโคลนพร้อมถือขนมที่บรรจุหีบห่อ ในหมู่บ้านกัวลาซิมปัง ในอาเจะห์ตาเมียง จังหวัดสุมาตราเหนือ ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม (Photo by IWAN GUNADI BATUBARA / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม 2568 กล่าวว่า ในอินโดนีเซีย สำนักงานอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า 3 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดบนเกาะสุมาตราจะมีฝนตกปานกลางถึงหนักระหว่างวันพฤหัสบดีถึงวันศุกร์
ฝนเริ่มตกหนักตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่รุนแรงเท่ากับที่นำไปสู่น้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มที่สร้างความเสียหายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ 776 ราย, ยังมีผู้สูญหายมากกว่า 560 คน ขณะที่การสื่อสารและไฟฟ้าขัดข้องทำให้ยากต่อการยืนยันตำแหน่ง
แม้ว่ามรสุมตามฤดูกาลทั่วเอเชียจะนำพาฝนมาให้เกษตรกรที่ต้องพึ่งพา แต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังทำให้ปรากฏการณ์นี้แปรปรวน, คาดเดาไม่ได้ และเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ทั่วทั้งภูมิภาค
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบบสภาพอากาศสองระบบแยกกันทำให้เกิดฝนตกหนักทั่วศรีลังกา, สุมาตราของอินโดนีเซีย, ภาคใต้ของไทย และภาคเหนือของมาเลเซีย
ขนาดของภัยพิบัติทำให้ความพยายามในการบรรเทาทุกข์เป็นความท้าทายอันหนักอึ้ง
ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ที่เมืองบันดาอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย แถวเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งยาวถึง 4 กิโลเมตร
ผู้รอดชีวิตจากที่อื่นๆ รายงานปัญหาการขาดแคลนอาหาร, การขึ้นราคาสินค้า และการปล้นสะดม
ขณะที่นักพยากรณ์อากาศในศรีลังกากล่าวว่ามรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจะมาถึงในบ่ายวันพฤหัสบดี
มีการแจ้งเตือนภัยดินถล่มอีกครั้งในบางพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดของภาคกลาง และประชาชนได้รับคำแนะนำไม่ให้กลับเข้าบ้าน เนื่องจากความลาดชันของดินที่อิ่มตัวอยู่แล้วอาจพังทลายลงเมื่อมีฝนตกมากขึ้น
ทางหลวงสายหลักจากโคลัมโบไปยังแคนดี ระยะทาง 115 กิโลเมตร ได้เปิดให้บริการอีกครั้งวันละ 15 ชั่วโมง ขณะที่คนงานกำลังเคลียร์กองดินและก้อนหินจำนวนมาก
บนเส้นทางอื่นระหว่างภูมิภาค ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีเห็นการจราจรเคลื่อนตัวช้าๆ ขณะที่ยานพาหนะเคลื่อนตัวบนถนนลาดยางที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 479 รายในศรีลังกา และยังมีผู้สูญหายอีกหลายร้อยคน โดยประธานาธิบดีได้ร้องขอความช่วยเหลือจากนานาชาติ
ทางการประมาณการว่าจะต้องระดมทุนสูงถึง 7,000 ล้านดอลลาร์เพื่อฟื้นฟูบ้านเรือน, โรงงาน และถนน ซึ่งเป็นภาระหนักสำหรับประเทศที่ยังคงฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดเมื่อ 3 ปีก่อน.


