'ส.ส.เจือ' จี้รัฐบาลควบคุมอาวุธปืน ลงโทษรุนแรงสูงสุด ควบคู่กับการแก้ปัญหายาเสพติด

'ส.ส.เจือ ราชสีห์' ร่วมไว้อาลัยและแสดงความเสียใจกับโศกนาฏกรรม จ.หนองบัวลำภู แนะรัฐบาลจัดการปัญหาการควบคุม เข้าถึง และครอบครองอาวุธปืนส่วนบุคคล - จี้รัฐควรใช้ลงโทษรุนแรงสูงสุด ควบคู่กับการแก้ปัญหายาเสพติด

7ต.ค.2565 - นายเจือ ราชสีห์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาปัตย์ กล่าวว่าจาก เหตุการณ์โศกนาฏกรรมคนร้ายกราดยิงผู้บริสุทธิ์ภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของ อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 6 ตุลาคม 2565 ทำให้มีผู้เสียชีวิตซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็กมากถึง 38 คน และได้รับบาดเจ็บ 12 คน นับเป็นฝันร้ายที่สุดอีกครั้งหนึ่งของประเทศไทย จากการรายงานข่าวของสื่อมวลชนว่า ผู้ก่อเหตุเป็นอดีตตำรวจที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและถูกให้ออกจากราชการ นั้นหมายถึงมูลเหตุจูงใจอาจมาจากความเครียดสะสม ประกอบกับฤทธิ์ของยาเสพติด แต่ข้อเท็จจริงข้อหนึ่งซึ่งไม่สามารถปฎิเสธได้เลย พบว่าโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ เหมือนกับเหตุสลด 2 ครั้งล่าสุดที่ผ่านมา ตั้งแต่เหตุกราดยิงที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อต้นปี 2563 และเหตุกราดยิงในกรมยุทธศึกษาทหารบกกรมยุทธศึกษาทหารบก เมื่อต้นเดือน ก.ย. 2565 ที่ผ่านมา นั้นคือ ผู้ก่อเหตุเป็นหรือเคยเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งใกล้ชิดและสามารถเข้าถึงอาวุธได้ง่ายมาก

นายเจือ กล่าวว่า แน่นอนว่า ถึงเวลานี้รัฐบาลควรทบทวนบทบาทหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นภัยคุกคามกระทบต่อความมั่นคงของสังคมและคนไทยมาช้านาน แต่ปัญหาซึ่งรัฐบาลไม่อาจจะละเลยได้เลยอีกต่อไป ประการหนึ่งในขณะนี้ คือ ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ประเทศไทยจะต้องควบคุมการเข้าถึง - ครอบครองอาวุธปืนส่วนบุคคล โดยมีรายงานซึ่งเผยแพร่โดย เว็บไซต์ bbc news ไทย ระบุว่า ประเทศไทยซึ่งมีประชากรราว 70 ล้านคน มีการครอบครองอาวุธปืนส่วนบุคคลมากถึงราว 10 ล้านกระบอก เมื่อเปรียบเทียบระหว่างอัตราส่วนประชากรกับประเทศเกาหลีใต้ซึ่งมีประชากรใกล้เคียงกันประมาณ 50 ล้านคน แต่มีการครอบครองอาวุธส่วนบุคคลเพียงราว 79,000 กระบอก เท่านั้น

"และอย่างที่ผมได้กล่าวไว้ในตอนต้นนั้น ว่าเหตุการณ์เศร้าสลดที่เกิดขึ้น 3 ครั้งล่าสุด ผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แน่นอนว่าสามารถเข้าถึงและใช้อาวุธได้อย่างชำนาญ และโศกนาฏกรรมครั้งล่าสุดที่ จ.หนองบัวลำภู คนไทยทุกคน ยิ่งตระหนกขึ้นไปอีกเมื่อ พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.4 ในฐานะโฆษกตำรวจภูธรภาค 4 ได้สรุปเหตุการณ์ ว่า "คนร้ายซึ่งเป็นอดีตตำรวจเดินทางไปที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของ อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง พร้อมด้วยปืนยาว ปืนลูกซอง ปืนสั้น และมีด" ยิ่งเป็นภาพสะท้อนให้รัฐบาล "

โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทย พร้อมทั้งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการรับผิดชอบดูแล ควบคุม การเข้าถึงและการครอบครองอาวุธปืนส่วนบุคคลในประเทศไทย ต้องเข้มงวดในการจำหน่าย การโอน การขอใบอนุญาต ทุกขั้นตอนอย่างจริงจัง และหลังจากนี้ต้องเร่งตรวจสอบว่ามีการผ่อนปรน หรือปล่อยปละละเลย ไม่เข้มงวดกวดขันในการบังคับใช้กฎหมายในลักษณะดังกล่าวนี้ หรือไม่ ถึงได้ปล่อยให้อดีตข้าราชการตำรวจซึ่งมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดครอบครองอาวุธหลายชนิด หลายขนาด จนนำไปสู่การนำมาใช้ก่อเหตุเศร้าสลดในครั้งนี้ได้

นายเจือ กล่าวต่อว่า และถึงเวลาแล้วหรือยัง รัฐบาลจะสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบ ปราบปราม และบังคับใช้กฎหมายลงโทษที่รุนแรงสูงสุดกับบุคคลที่ครอบครองอาวุธโดยไม่มีเหตุจำเป็นอันควร และไม่ควรมีการลดหย่อนผ่อนโทษกับคนร้ายที่ใช้อาวุธก่อเหตุสะเทือนขวัญ เช่น ผู้ก่อเหตุต้องได้รับโทษประหารชีวิตสถานเดียวไม่สามารถอ้างเหตุลดโทษได้ เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างและจะสามารถยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุโศกนาฏกรรมขึ้นอีกกับสังคมไทยในอนาคต

"ผมขอร่วมไว้อาลัยและแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้บริสุทธ์ซึ่งสูญเสียชีวิต - ผู้ได้รับบาดเจ็บ ในเหตุการณ์โศกนาฏกรรมในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของ อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู อีกครั้งหนึ่ง ครับและผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความเศร้าสลดจากการสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้ ในเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นที่ จ.หนองบัวลำภู ในครั้งนี้ จะทำให้รัฐบาลและสังคมไทย ตระหนักและทบทวนถึงแนวทางการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุร้ายแรงในลักษณะนี้ขึ้นอีก ไม่ว่าจะพื้นที่ใดในสังคมไทย"นายเจือ กล่าว