ก้าวแรก.. ‘ไทยก้าวใหม่’ ‘ดร.เอ้’ นำทัพ สร้างชาติสตรอง

มีคนถามเยอะว่าที่พรรคชูเรื่อง "การศึกษา" แล้วเรื่องการศึกษาจะมีเสน่ห์ ทำให้คนเลือกมากแค่ไหน เมื่อเทียบกับเรื่องอื่น ซึ่งบางครั้งต้องบอกว่าเราต้องเลือกทำสิ่งที่ถูกต้องก่อน และสิ่งที่ถูกต้องวันนี้ก็คือเริ่มจากการ "สร้างคน" เพราะคนคือปัจจัยชี้ขาด หากคนดี คนเก่ง ประเทศชาติก็เจริญ คนมีรายได้สูง ปัญหาเศรษฐกิจไม่มี การศึกษาจึงคือปากท้อง คือเศรษฐกิจ คืออนาคตทุกอย่าง

จากไทม์ไลน์การเมืองที่แน่ชัดว่า นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล จะยุบสภาภายในช่วงสิ้นเดือนมกราคม 2569 และจะมีการเลือกตั้งในช่วงวันที่ 29 มีนาคม 2569 จึงทำให้หลายพรรคการเมืองเริ่มขยับ เตรียมพร้อมสำหรับการเข้าสู่สนามเลือกตั้งในปีหน้าที่เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือน ซึ่งในเชิงการเมืองก็ไม่แน่ อาจจะมีการยุบสภาเร็วขึ้นก่อนสิ้นเดือนมกราคมปีหน้าก็ได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะยิ่งทำให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นเร็วตามไปด้วย จึงทำให้พรรคการเมืองต่างๆ ต้องเตรียมพร้อมตั้งแต่ตอนนี้

โดยหนึ่งในพรรคการเมืองน้องใหม่-ป้ายแดงที่เปิดตัวเมื่อต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา และได้รับความสนใจจากประชาชน นั่นก็คือ "พรรคไทยก้าวใหม่" ที่มี "ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์" เป็นหัวหน้าพรรค

สำหรับ ดร.สุชัชวีร์ เป็นบุคคลที่มีโปรไฟล์การทำงานทั้งแวดวงการศึกษาและการเมืองที่ทุกคนรู้จักกันดี อาทิ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, อดีตนายกสภาวิศวกร, อดีตนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, อดีตประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ส่วนในทางการเมืองก็เช่น อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.

โดยพรรคไทยก้าวใหม่ ชูธงเรื่อง "นโยบายการศึกษา" เป็นนโยบายหลักของพรรคในการหาเสียงและสื่อสารกับประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยได้เห็นกันมากนัก ทั้งที่เรื่องการศึกษาเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่ออนาคตของประเทศชาติอย่างยิ่ง

ไทยโพสต์" สัมภาษณ์พิเศษ "ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่” พร้อมด้วย "ดร.คเณศ วังส์ไพจิตร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคไทยก้าวใหม่ ที่มีประสบการณ์การทำงานในภาคธุรกิจ เช่น อดีตผู้ช่วยเลขาธิการด้านเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) ในสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)" เป็นต้น

เริ่มที่ "ดร.สุชัชวีร์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่" เล่าถึงการตั้งพรรคไทยก้าวใหม่ว่า เป็นเรื่องของ passion เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเจอวิกฤตที่เข้ามาแบบถาโถมมากขนาดนี้ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม รวมถึงความสามารถในการแข่งขัน จนประเทศไทยเหมือนจะสู้คนอื่นไม่ได้ วันนี้ประเทศไทยจึงรออีกไม่ได้ ที่หากถามว่าถ้าจะเปลี่ยนประเทศไทยให้กลับมาเข้มแข็ง ให้กลับมาสู้ได้ ก็ต้องทำการเมือง เมื่อรออีกไม่ได้ก็ต้องสร้างพรรคการเมืองสักพรรคการเมืองหนึ่ง ที่เป็นพื้นที่ของคนมีใจ คนมืออาชีพเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลง โดยเป็นพรรคการเมืองที่ชูเรื่อง "การศึกษา" เป็นธงนำ

 เพราะประเทศไทยมีปัญหาเยอะ แต่หากจะเลือกสักหนึ่งเรื่องเพื่อไปแก้ปัญหาหรือเป็นรากฐานของปัญหาอื่นๆ ไปด้วยจะแก้เรื่องอะไร เชื่อว่าเกือบทุกคนจะตอบว่าต้องเริ่มจากการสร้างคน ต้องเริ่มจากการศึกษา ก็เลยทำให้พรรคไทยก้าวใหม่ต้องเกิดขึ้น

 ...ก็มีคนถามเยอะว่าที่ชูเรื่อง "การศึกษา" แล้วเรื่องการศึกษาจะมีเสน่ห์ ทำให้คนเลือกกันมากแค่ไหนเมื่อเทียบกับเรื่องอื่น ซึ่งบางครั้งต้องบอกว่าเราต้องเลือกทำสิ่งที่ถูกต้องก่อน และสิ่งที่ถูกต้องวันนี้ก็คือเริ่มจากการ "สร้างคน" เพราะคนคือปัจจัยชี้ขาด หากคนดี คนเก่ง ประเทศชาติก็เจริญ คนมีรายได้สูง ปัญหาเศรษฐกิจไม่มี การศึกษาจึงคือปากท้อง  คือเศรษฐกิจ คืออนาคตทุกอย่าง

...สิ่งที่เราสื่อไปอันดับแรกก็คือ "คุณเลือกเรา คุณได้เรา" คุณเลือกพรรคไทยก้าวใหม่ คุณได้ ดร.เอ้ สุชัชวีร์ คุณได้ ดร.คเณศ วังส์ไพจิตร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรค คุณได้เรา  ทุกคะแนนที่ประชาชนเลือกเราคือคะแนนแท้ๆ ทำให้เรามีคนจำนวนมากพอไปสร้างคน ไปสร้างเศรษฐกิจใหม่ ไปดูแลเรื่องการศึกษา-เศรษฐกิจ เช่นเดียวกัน พรรคการเมืองแม้จะชูธงเรื่องการศึกษา แต่ว่าเรื่องเศรษฐกิจปากท้องเป็นเรื่องสำคัญ เราจะอธิบายว่าการศึกษาคือปากท้อง และไม่ใช่เรื่องระยะยาว อย่างหากเราไปเรียนเรื่อง AI หนึ่งชั่วโมงเราก็ได้ความรู้ตอนเรียนเลย หรือไปเรียนการทำอาหาร เพื่อออกไปขายของได้ เรียนแล้วก็ได้ตอนนั้นเลย เป็นเรื่องที่ได้ทันที

...อย่างไรก็ตาม พรรคมีหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่เราเรียกว่าหัวหน้าทีมเศรษฐกิจไทยก้าวใหม่ คนไทยต้องมาก่อน โดยต้องเป็นเศรษฐกิจที่สู้กับโลกได้ ไม่ใช่เป็นเศรษฐกิจที่เน้นแต่การกระตุ้น แต่สุดท้ายก็ยังอยู่แบบนั้น มันไม่ได้มีอะไรพัฒนาขึ้นมา คนตัวเล็กก็เล็กลง ไม่ได้โตขึ้น พรรคการเมืองก็ต้องทำทุกเรื่องเช่นเดียวกัน

...พรรคไทยก้าวใหม่เกิดขึ้นเร็วมาก โดยหลังผมลาออกจากพรรคการเมืองเดิม (พรรคประชาธิปัตย์) แล้วประกาศว่าจะสร้างพรรคการเมืองที่ชูเรื่องการศึกษาเป็นเรื่องนำ และการสร้างเศรษฐกิจใหม่ ทำเรื่องคุณภาพชีวิตและแก้ปัญหาคอร์รัปชัน ผมก็มีเพื่อนรุ่นพี่ที่รู้จักกันมาเป็นสิบปี เราประทับใจซึ่งกันและกัน พรรคเราได้ ดร.คเณศ วังส์ไพจิตร ที่มีประสบการณ์ตรงกับนโยบายของพรรคไทยก้าวใหม่ คือมีความเป็นมืออาชีพ จับต้องได้ ทำงานด้านตลาดทุนมา 20-30 ปี ทำให้มีประสบการณ์ที่น้อยคนจะมี แล้วก็ไปทำงานที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทำให้ได้มีโอกาสพูดคุยกับนักลงทุนไฮเทคต่างชาติ ซึ่งการจะมาลงทุนในประเทศไทยก็เป็นการลงทุนที่มีมูลค่าสูง  เราได้ ดร.คเณศมาร่วมงานที่ถือว่าเป็นโชคดีของพรรคไทยก้าวใหม่ และจะเป็นโชคดีของประเทศไทยหากวันหนึ่งเขาได้เข้าไปดูแลงานด้านเศรษฐกิจ

ดร.คเณศ-ที่ผ่านมาไม่เคยมีความคิดจะแวะเข้ามาด้านการเมืองเลย ไม่มีเลยตั้งแต่เรียนหนังสือมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งผมเชื่อใน passion และความมุ่งมั่นของ ดร.เอ้ และผมมีความเชื่อจากด้วยตัวเองแบบไม่ลังเลยอยู่สองเรื่อง คือ 1.ชีวิตผมเปลี่ยนด้วยการศึกษา 2.ชีวิตผมเปลี่ยนด้วยพระพุทธศาสนา คือผมก็เป็นเด็กธรรมดา ที่ตอนเด็กก็เล่นฟุตบอลตั้งแต่เช้าจนเย็น แต่ตอนผมจบปริญญาตรี คุณแม่ก็ให้บวชที่วัดดอยธรรมเจดีย์ ที่สกลนคร ที่เป็นวัดซึ่งเน้นการปฏิบัติ ได้ใช้เวลา 7 เดือน ตรงนั้นผมคิดว่าเปลี่ยนชีวิตผม คือเปลี่ยนให้ผมมีสติ มีความอดทน หลังจากนั้นชีวิตการศึกษาผมเปลี่ยนไปเลย คือไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ก็ไปจบปริญญาโทด้าน International Business MBA แล้วกลับมาทำงานที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ประเทศไทย ก็ทำอยู่ประมาณ 7-8 ปี แล้วก็ได้รับทุนจากอังกฤษให้ไปเรียนปริญญาโทด้านการตลาด Master of Arts ซึ่งความอดทน สติสมาธิ ทำให้เรามีความมุ่งมั่น มีสติ วินัย

ดร.สุชัชวีร์-สำหรับโลโก้พรรคไทยก้าวใหม่ ที่เป็นรูปธนูที่สื่อสารแล้วเข้าใจง่าย  สีโลโก้พรรคเป็นสีเหลืองเลม่อน ที่เป็นสีของความคิดสร้างสรรค์ พลังความรู้ โดยตัดกับสีกรมท่าที่สื่อถึงความเป็นมืออาชีพ โดยรูปธนูก็คือการสื่อถึงนโยบายพรรค เรื่องธนูสี่ดอกที่พุ่งทะยานไปข้างหน้า ก้าวใหม่ ก้าวไปพร้อมกันอย่างมั่นคงและด้วยความคิดสร้างสรรค์อย่างมืออาชีพ

นโยบายธนูสี่ดอก ธนูดอกแรกคือ "สร้างคนใหม่ พลิกโฉมการศึกษาไทย" ที่เป็นอัตลักษณ์ของพรรค เพราะการสร้างคนใหม่ พลิกโฉมการศึกษา จะทำให้เกิดเศรษฐกิจก้าวใหม่ คนไทยต้องมาก่อน ที่เป็นธนูดอกที่สอง "สร้างเศรษฐกิจก้าวใหม่ คนไทยต้องมาก่อน" เพราะวันนี้เราจะไปขายแรงงานอย่างเดียวมันไม่ได้แล้ว แต่ต้องขายสมอง เพราะคนไทยก็เก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่ว่ายังไม่ได้รับการสนับสนุนที่ดีพอ ส่วนธนูดอกที่สาม "สร้างคุณภาพชีวิตใหม่ให้คนไทย ปลอดภัย สุขภาพดี มีความสุข" ไม่ใช่สะพานพัง ตึกถล่ม ถนนยุบ และก็จะมีปัญหาน้ำท่วมเกิดขึ้นมาทุกปี เป็นเรื่องที่เรารับไม่ได้

รวมถึงเรื่องสาธารณสุข ผมเองก็มีประสบการณ์สร้างโรงพยาบาลมา ผมรู้ว่าต้องสร้างหมอพยาบาลเพิ่มให้ได้ รวมถึงเรื่องเครื่องมือแพทย์ อุตสาหกรรมยา ต้องทำให้เจริญเติบโตในประเทศไทย แล้วทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้จะถูกลง และธนูดอกที่สี่ "สร้างค่านิยมใหม่ คนดีต้องมีที่ยืน" เป็นการสร้างค่านิยมใหม่ให้คนดีต้องมีที่ยืน ต้องเป็นบ้านเมืองที่สนับสนุนคนดี ที่เริ่มต้นจากการปลูกฝัง การให้การศึกษา ใช้เทคโนโลยีในการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน

"วันที่พรรคไทยก้าวใหม่เปิดตัวใหม่เมื่อ 3 ตุลาคม ก็คือการเปิดรับคนใหม่ๆ ที่มีใจ มีความเป็นมืออาชีพ ได้เข้ามาร่วมกันทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์"

-จะมีนโยบายอย่างไรให้ลูกหลานคนไทยสามารถได้รับการศึกษาที่ดีอย่างเท่าเทียม โดยไม่ต้องใช้เงินทุนอะไรที่มากมายแบบที่บางคนทำ เช่นต้องส่งไปโรงเรียนอินเตอร์ฯ หรือเรียนพิเศษ?

ดร.สุชัชวีร์-อันดับแรกต้องบอกว่าเรื่องนี้ผมเข้าใจ เพราะผมเป็นลูกครูอาชีวะ ผมเกิดในบ้านพักครู แล้วผมมีโอกาสได้ไปเรียนต่างประเทศเพราะได้ทุน กลับมาผมก็ทำงานเป็นครู เป็นหัวหน้าครู จนเป็นอธิการบดี เป็นประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ทำงานด้านการศึกษามาทั้งชีวิต เรื่องนี้ผมจึงเข้าใจ ซึ่งการแก้ปัญหาโดยมืออาชีพจะช่วยได้เยอะ เพราะการแก้ปัญหาด้านการศึกษา เราก็ต้องเข้าใจครู ไม่ใช่ว่าครูจะเป็นจำเลยทั้งหมด ไม่อย่างนั้นก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ผมเข้าใจครูจริงๆ แล้วผมก็เข้าใจผู้ปกครอง

ลูกผมคนเล็กอายุหนึ่งขวบ อีกคนหนึ่งอายุหกขวบ ก็มีค่าใช้จ่ายเยอะ และผมก็เข้าใจเด็ก เพราะอยู่กับเด็กจนคนเรียกพี่เอ้มาตลอด อันดับแรกหากเลือกพรรคไทยก้าวใหม่ ก็คือเลือกผมไปดูเรื่องการศึกษา ก็แก้แบบนี้ คือต้องยอมรับว่าเรื่องงบประมาณการศึกษาที่เคยพูดกันว่ามีงบเยอะ แต่ปัจจุบันไม่เหมือนเดิมแล้ว ไม่ได้เยอะอย่างที่เคยว่ากัน มันก็มีข้อจำกัดอยู่ว่าจะทำอย่างไรถึงจะใช้ให้คุ้มค่า        

ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่าย ระบบการศึกษาเหมือนโรงงาน ผลิตของออกไป ก็เหมือนผลิตคน ผลิตบัณฑิตออกไป ครูก็เหมือนวิศวกร หากโรงงานเก่า ไม่มีคนมาซ่อมแซม ไม่มีคนดูแล คนที่เป็นวิศวกรคือครู ไม่ได้รับการอัปเกรดเลย แล้วระบบเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในโรงงาน เทียบกับการผลิตคนของเราก็ไม่ได้มีการนำมาใช้เลย แล้วจะไปผลิตคนผลิตของที่มีคุณภาพได้อย่างไร

เปรียบเทียบกับโรงงานเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม มีการอัปเกรดครู มีการใช้ระบบเทคโนโลยีต่างๆ เมื่อเจอข้อจำกัดตรงนี้ ก็ต้องการคนที่เป็นมืออาชีพที่จะใช้ทรัพยากรที่จำกัดตรงนี้ ผมเชื่อว่าพรรคไทยก้าวใหม่มีความเป็นมืออาชีพ เรารู้ว่าเราจะเข้าไปปรับเครื่องกลเครื่องยนต์อย่างไร เพราะเครื่องยนต์โรงงานเอาออกไม่ได้  เราจะไปทิ้งครูอะไรไม่ได้ เราจะปรับอย่างไรให้ดูสมบูรณ์ แล้วจะเติมเครื่องจักรใหม่อย่างไร ตรงนี้ก็เป็นความเชี่ยวชาญของเรา

พรรคไทยก้าวใหม่ที่เราจะดูแลเรื่องการศึกษาได้ และนโยบายที่เราประกาศไว้เมื่อ 3 ต.ค. ก็คือเด็กไทยต้องเรียนฟรีจริงๆ ตั้งแต่อนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัย เพราะอย่างอดีต คนเกิดกันหนึ่งล้านสองแสนคน แต่ตอนนี้ไม่ถึงห้าแสนคน  พูดง่ายๆ หากงบประมาณเท่าเดิม เท่ากับควรได้เงินสนับสนุนต่อหัวเพิ่มขึ้นสามเท่า มหาวิทยาลัยตอนนี้ก็โล่งมาก เด็กน้อยมากจริงๆ จึงเป็นจังหวะโดยธรรมชาติที่ต้องเรียนฟรี และในสาขาสำคัญๆ เช่น ด้านวิศวะ การแพทย์ ควรไปถึงระดับปริญญาเอกได้ ทางด้านวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี และการอุดหนุนต้องถึงมือผู้ปกครองโดยตรง ตอนนี้ยังไม่ถึง ผู้ปกครองต้องนำใบเสร็จอะไรต่างๆ ไปให้ฝ่ายธุรการของโรงเรียนที่ก็มีงานเยอะอยู่แล้ว

"ทุกอย่างที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงคือ เรามีความเป็นมืออาชีพ ในข้อจำกัดเดิมๆ เราสามารถทำได้ดีกว่า"

เศรษกิจก้าวใหม่ สนับสนุสตาร์ทอัป-เอสเอ็มอี ให้แข็งแรง แข่งขันได้

 ดร.คเณศ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคไทยก้าวใหม่-เราแยกไม่ได้ระหว่างการศึกษากับเศรษฐกิจ หากมองในระยะยาว หากเราไม่ปูการศึกษาให้รองรับเศรษฐกิจในอนาคต จะยิ่งก่อให้เกิดปัญหา จะเป็นหลุมดำที่ไม่ขึ้นมาเลย  ยกตัวอย่างเช่นเรื่อง AI กำลังจะเปลี่ยนโลกการทำงาน หลายตำแหน่งหลายงานมันอาจจะหายไปจากโลกการทำงาน อย่างเรื่องการศึกษา เราอาจมีเด็กอัจฉริยะ เป็นเกรดเอ เอบวก เราจึงต้องมีหลักสูตรสนับสนุนให้เขาเป็นนักคิด ในการสร้างเทคโนโลยี สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อแก้ปัญหาในปัจจุบันเพราะหากเขาเป็นนักคิด เขาก็จะแก้ปัญหาได้ และจริงๆ เป็นหน้าที่ของรัฐด้วยที่ต้องสนับสนุนเขาให้สุด คือเด็กเก่ง ต้องดันให้สุด

 ส่วนเด็กที่อาจกลางๆ อย่างลูกผมคนหนึ่งชอบฟุตบอล  เขาก็มีความใฝ่ฝัน คือเด็กสมัยนี้มีความชัดเจนในตัวเองมาก  เขาอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ภรรยาผมก็สนับสนุน ตอนแรกเราก็ยังเถียงกัน แต่ในที่สุดผมก็ยอมให้ทำ ดันให้สุด ถึงแม้สุดท้ายหากเขาเป็นไม่ได้ แต่เมื่อเขาได้เข้าสนามรบ ได้เข้าสนามจริงๆ ว่าการเป็นนักฟุตบอลอาชีพยากแค่ไหน ตอนนี้เขาจบปริญญาตรีที่ ม.เกษตรศาสตร์ แล้วก็ไปทำสปอร์ตมาร์เก็ตติงของคาราบาวกรุ๊ป ที่ทำคาราบาวคัพ ความฝันของเด็กอาจไปเจอของจริงได้ก็ด้วยการศึกษา

นอกจากนี้ บริบทการทำงานในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไป การศึกษาจึงต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อรองรับการทำงานในอนาคต เด็กอัจฉริยะอย่าง ดร.เอ้ต้องดันไปให้ได้ไกลที่สุด ส่วนกลางๆ อย่างลูกผมที่อยากเป็นนักฟุตบอล และอีกคนอยากเป็นศิลปิน เราต้องสนับสนุนให้เขามีความคิดที่จะเป็นผู้ประกอบการ ให้เขาได้ใช้เทคโนโลยี ได้ใช้ AI ที่เป็นเหมือนเครื่องมือประจำชีวิต เพราะเมื่อเขาเรียนจบมา เขาต้องใช้สิ่งเหล่านี้ในการ survive เอาชีวิตรอด เพราะในอนาคตเลี่ยงไม่ได้ที่งานหลายงานมันจะหายไป และเลี่ยงไม่ได้ที่นักธุรกิจจะลดต้นทุนเพื่อเอาสิ่งเหล่านั้นมาทดแทน

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือเรื่องของ "อาชีวะ" เพราะหากเราต้องการจะเป็นฮับของการลงทุน โดยเฉพาะการมีนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเน้นเชิญชวนนักลงทุนจากต่างประเทศ กลุ่มอาชีวะจะมีทักษะที่จะเข้าไปช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจตรงนี้ได้  และเศรษฐกิจระยะยาวมันจะดันได้ตรงนี้ โดยระยะสั้นตอนนี้เป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องลงทุนในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม คือทำเครื่องมือที่จะทำให้ผู้ประกอบการทั้งกลุ่ม SME-Startup ให้เขาได้ใช้ประโยชน์ เช่นอาจจะมีแพลตฟอร์มสักแพลตฟอร์มหนึ่งเพื่อให้เขาได้ใช้ประโยชน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเขา เช่นเรื่องบัญชีหรือเรื่องการบริหารคลังสินค้า โดยหากมีการทำระบบกลางสักหนึ่งระบบที่ทำให้ SME หรือกลุ่มผู้ประกอบการรายเล็กเข้ามาใช้ได้ฟรีหรือมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำที่สุด ก็จะทำให้เขาลดต้นทุนการผลิตและมีเวลาที่จะไปคิดเรื่องอื่นๆ เช่นเรื่องนวัตกรรม

...ขณะเดียวกันในส่วนของ Startup กับ SME จะมีธรรมชาติที่ไม่เหมือนกัน Startup อาจจะใช้ Data Analytics เยอะ และการวิเคราะห์ Data อาจจะใช้ Cloud เยอะ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ซึ่งหากภาครัฐเข้าใจและมีเครื่องมือไปช่วยเขา ก็จะทำให้เขาสร้างเศรษฐกิจให้ได้

...เรื่องที่น่าห่วงมากเพราะเกิดมาแล้วไม่รอดส่วนใหญ่ คือเรื่อง "การเข้าถึงแหล่งเงินทุน" รวมถึงกฎหมายไม่ได้รองรับ เช่นการจะได้รับเงินทุนจากแต่ละหน่วยงาน จะมี commitment ว่าต้องจ่ายเงินคืน คุณออกไปก่อนแล้วจ่ายคืน  ซึ่งเป็นหลักคิดที่ไม่ได้ผิด เพราะเงินของรัฐคือเงินของประชาชน การใช้จึงต้องมีความรอบคอบ แต่ธรรมชาติของ Startup มันมีความเสี่ยง จึงต้องมีกลไกบางอย่างที่สามารถนำมารองรับความเสี่ยงตรงนี้ได้ โดยรัฐเป็นผู้ดูแล โดยอาจต้องมีการมานั่งคิดระบบกลไกต่อไป

นอกจากนี้เรื่องการปฏิรูปกฎหมาย ซึ่งผมเคยได้ไปร่วมงานกับนักวิชาการของทีดีอาร์ไอและจากจุฬาฯ ทำงาน เรียกว่า Regulatory Guillotine ซึ่งเป็นโปรเจกต์ที่ทีดีอาร์ไอและกลุ่มที่ร่วมกันทำโปรเจกต์ดังกล่าว ทำเพื่อรื้อฟื้นกฎหมายทั้งหมด ว่ามีกฎหมายอะไรที่เป็นอุปสรรคบ้าง ซึ่งเป็นโปรเจกต์ที่ได้ทำสำเร็จ ถือว่ามีคู่มือไว้แล้ว หากเรานำสิ่งนี้มาทำจริง มาทำการแก้ไข ทำการตัดหรือทำการลดก็จะช่วยได้ เพราะข้อมูลที่ได้จากการทำเอกสารดังกล่าวได้มาจากตัวผู้ประกอบการ เพราะเป็นการสัมภาษณ์โดยตรงกับนักลงทุน

นอกจากนี้ เราจะสนับสนุนการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัป ซึ่งกำลังมีการทำกันอยู่ หากสำเร็จได้ก็จะโชคดีมาก แต่หากไม่สำเร็จเราก็จะดันต่อ เพื่อให้กลุ่มสตาร์ทอัปมีกฎหมายเฉพาะในการจะเดินหน้าต่อไป

ดร.สุชัชวีร์-กลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัปจำเป็นต้องใช้ High Technology ซึ่ง Super Ai Computer เป็นร้อยล้านทั้งนั้น ไปซื้อไม่ไหว ก็เป็นนโยบายของพรรคไทยก้าวใหม่ รัฐจะเป็นผู้สนับสนุนเทคโนโลยีเหล่านี้ ซึ่งจริงๆ แล้วมีอยู่ในมหาวิทยาลัยชั้นนำ แต่ไม่ได้เปิดให้คนภายนอกเข้าไปใช้อย่างมีระบบ เพราะการชนะไม่ได้ชนะด้วยสมองอย่างเดียว ต้องมีเครื่องมือที่ดีด้วย คิดเก่งแต่ไม่มีเครื่องมือก็สู้ไม่ได้ จุดนี้เป็นนโยบายของพรรคไทยก้าวใหม่ คือให้ภาครัฐเป็นผู้ซื้อ เป็นผู้สนับสนุน จะทำให้กลุ่มสตาร์ทอัปได้แต้มต่อ

เช่นเดียวกัน กลุ่ม SME จากที่ต้องคอยมานั่งทำบัญชี ก็ไม่ต้องไปทำมาหากินกัน แต่ปัจจุบันมีระบบซอฟต์แวร์บัญชีที่ใช้ง่าย รัฐก็ต้องเข้าไปสนับสนุน หรือเรื่องเทคโนโลยีด้านการเกษตร เกษตรกรอยากได้โดรนทุกคน แต่ถามว่าซื้อไหวหรือไม่ อยากได้เครื่องตัดอ้อยทุกคน ของแบบนี้รัฐบาลต้องทำพูลรวม จะทำให้เกิดประสิทธิภาพประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น

นโยบายธนูสี่ดอกของพรรคไทยก้าวใหม่ ทั้งเรื่อง "สร้างคนใหม่ พลิกโฉมการศึกษาไทย" "สร้างเศรษฐกิจก้าวใหม่ คนไทยต้องมาก่อน" มันจะพุ่งออกไป มันคือเรื่องเดียวกัน การศึกษาสร้างคน กับการสร้างเศรษฐกิจใหม่มันคือเรื่องเดียวกัน ที่พรรคไทยก้าวใหม่ให้ความสำคัญ และทำไปพร้อมกัน

ในช่วงท้าย "ดร.สุชัชวีร์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่" กล่าวถึงการเตรียมพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งในปีหน้า 2569 ว่า พรรคไทยก้าวใหม่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน ในช่วงแรกก็จะต้องเน้นเรื่องการสื่อสาร ต้องสื่อสารให้ชัดว่าพรรคไทยก้าวใหม่เกิดขึ้นมาเพื่ออะไร แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นอย่างไร ที่ก็ต้องบอกว่าเกิดขึ้นมาเพื่อ "สร้างการเปลี่ยนแปลงประเทศ" เป็นพรรคการเมืองที่เปิดพื้นที่สำหรับ "คนมืออาชีพ"

"สิ่งที่พรรคไทยก้าวใหม่แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นก็คือ เราชูเรื่องการศึกษา เป็นธงนำของพรรค เพราะหากเราสร้างคนไม่สำเร็จ อย่าไปหวังว่าจะทำอย่างอื่นสำเร็จ ต้องเริ่มจากตรงนี้ ดังนั้นในช่วงแรกคือการสื่อสารต้องชัด และต้องตอบคำถามกับความลังเลของคนที่จะกา (ลงคะแนน) เพราะอย่าคิดว่าเราสองคนจะมีแฟนคลับเยอะแล้วจะแปลงเป็นคะแนนได้เยอะ เพราะคนเวลาจะกาบัตรในคูหา เขาก็คิดว่าคะแนนเขาจะเสียหรือไม่ ซึ่งการสื่อสารของพรรคไทยก้าวใหม่ชัดเจนว่า ทุกคะแนนเสียงทำให้ผมและ ดร.คเณศได้เข้าไปทำงานให้ ไปทำเรื่องการสร้างคน เรื่องการศึกษา ดูแลลูกหลานท่าน ดูแลเรื่องเศรษฐกิจก้าวใหม่คนไทยต้องมาก่อน  ช่วงแรกพรรคก็จะเน้นเรื่องการสื่อสาร"

 ...ขณะเดียวกัน ทีมงานเบื้องหลังทีมพื้นที่ตอนนี้ทำงานกันเรียกว่า ทุกวินาทีเพื่อจะดูพื้นที่เป้าหมาย ตอนนี้ก็กำลังรับสมัครสมาชิกและคนที่จะลงสมัคร สส.ระบบเขต ที่ตอนนี้ก็มีคนสนใจมาสมัครเยอะมาก โดยติดต่อกับพรรคผ่านช่องทางต่างๆ เช่นเฟซบุ๊กของพรรคไทยก้าวใหม่ หรือที่เว็บไซต์ของพรรคไทยก้าวใหม่ โดยสมัครผ่านระบบออนไลน์ได้ ตอนนี้ทีมงานหลังบ้านของพรรคไทยก้าวใหม่ก็ทำงานกันเร็วมาก โดยมีสโลแกนพรรคคือ "พรรคไทยก้าวใหม่ ก้าวใหม่ให้ไทยสตรอง"

ด้าน "ดร.คเณศ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคไทยก้าวใหม่" ที่จากอดีตทำงานภาคธุรกิจ แต่วันนี้เข้าสู่ถนนการเมืองกับพรรคไทยก้าวใหม่ย้ำว่า พรรคไทยก้าวใหม่จะทำงานอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งเราก็ได้เห็นตัวอย่างที่ดีและที่ควรปรับปรุง ที่เห็นได้จากจอโทรทัศน์ ซึ่งที่ผ่านมาผมทำงานเพื่อส่วนรวมตั้งแต่ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือที่ EEC ก็ทำหน้าที่ชักชวนนักลงทุนซึ่งก็ประสบความสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ งานตรงนี้ก็ไม่ได้หวั่นใจ โดยจะพยายามทำให้ดีที่สุด

พรรคไทยก้าวใหม่เกิดขึ้นมาเพื่ออะไร แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นอย่างไร ที่ต้องบอกว่าเกิดขึ้นมาเพื่อ "สร้างการเปลี่ยนแปลงประเทศ" เป็นพรรคการเมืองที่เปิดพื้นที่สำหรับ "คนมืออาชีพ"...สิ่งที่พรรคไทยก้าวใหม่แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นก็คือ เราชูเรื่องการศึกษา เป็นธงนำของพรรค เพราะหากเราสร้างคนไม่สำเร็จ อย่าไปหวังว่าจะทำอย่างอื่นสำเร็จ ต้องเริ่มจากตรงนี้

ลงลึกนโยบายธนูสี่ดอก

อนึ่ง ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 ต.ค. พรรคไทยก้าวใหม่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่อาคารทรูดิจิทัลพาร์ค กรุงเทพมหานคร

วันดังกล่าว "ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่" แถลงข่าวเปิดตัวพรรคไทยก้าวใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมแถลงวิสัยทัศน์พรรคไทยก้าวใหม่

โดย ดร.สุชัชวีร์กล่าวว่า ทุกชาติที่พัฒนาแล้วในโลก ยกระดับคนจากความยากจนสู่ความมั่งดั่งจากการสร้างคนด้วยการศึกษา เพราะการศึกษาคือปากท้อง คือเศรษฐกิจ อนาคต ยาแก้จน อาวุธที่มีอานุภาพสูงสุด ดังนั้นสิ่งที่จะฟื้นฟูประเทศไทย ต้องเริ่มต้นจากการสร้างคน เริ่มต้นจากการศึกษา พรรคไทยก้าวใหม่จึงประกาศชูการศึกษาเป็นธงนำการพัฒนาประเทศไทย เพื่อพาคนไทยพ้นความยากจน

...พรรคไทยก้าวใหม่เกิดขึ้นภายใต้สโลแกน "พรรคไทยก้าวใหม่ ก้าวใหม่ให้ไทยสตรอง" เราต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นชาติที่อยู่ด้วยมันสมองมากกว่าแรงงาน  สามารถส่งออกนวัตกรรม มีความคิดสร้างสรรค์ สร้างชาติที่ทั่วโลกอยากมาลงทุน และเราต้องการสนับสนุน SMEs ไทย ไม่ให้ถูกเอาเปรียบในประเทศ สามารถผงาดขึ้นเป็นบริษัทที่มั่นคง ทันสมัย และสร้างเศรษฐกิจใหม่ รวมทั้งเรายังต้องการสนับสนุนเกษตรกรไทย อุตสาหกรรมไทย เด็กไทย โดยมีเป้าหมายว่าคนไทยต้องมาที่หนึ่ง และประเทศไทยต้องก้าวใหม่เป็นประเทศโลกที่หนึ่ง

งานวันดังกล่าว "ดร.สุชัชวีร์" ชูนโยบายธนู 4 ดอก เปลี่ยนแปลงประเทศพรรคไทยก้าวใหม่ วางนโยบายหลัก 4 ประการ ที่เสมือนธนู 4 ดอก ที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้สตรอง ก้าวพ้นความยากจน ก้าวล้ำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ก้าวหน้าปราบทุจริตคอร์รัปชัน

ธนูดอกที่หนึ่ง "สร้างคนใหม่ พลิกโฉมการศึกษาไทย" เพราะเด็กไทยทุกคนเป็นเหมือนลูก การลงทุนกับเด็กไทยจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดทางเศรษฐกิจ คือ 1.การศึกษาฟรีจริงๆ ถึงระดับปริญญา เงินอุดหนุนต้องถึงพ่อแม่โดยตรง  เด็กจบมาไม่เป็นหนี้มีโอกาสตั้งตัวได้ทุกคน 2.ปลดล็อกโรงเรียนให้มีอิสระ ปลดล็อกครูจากงานธุรการ ลดประกัน ลดประกวด ลดประเมิน เพิ่มทักษะเพิ่มรายได้ เพิ่มคุณภาพครู 3.ภาษาอังกฤษจะเป็นภาษาที่สอง เด็กไทยได้เรียน AI Coding เป็นภาษาที่สาม เพิ่มความสามารถให้เด็กไทยแข่งขันได้ ไม่แพ้ชาติใดในโลก 4.ขจัดปัญหายาเสพติดในโรงเรียนและชุมชน ที่ทำร้ายลูกหลานไทย

ธนูดอกที่สอง "สร้างเศรษฐกิจก้าวใหม่ คนไทยต้องมาก่อน" เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจปัจจุบันไม่ได้เอื้อให้คนสร้างฐานะ ไม่ได้เอื้อให้ธุรกิจแข่งขันได้ รัฐต้องสร้างโอกาสให้คนส่วนใหญ่ในสังคม คือ 1.ลงทุนในวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัดกรรม อย่างมีเป้าหมาย เพื่อสร้างเศรษฐกิจใหม่ 2.สนับสนุนให้คนไทย จากผู้ซื้อเป็นผู้สร้างเทคโนโลยี เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้สร้างเศรษฐกิจก้าวใหม่ ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัดกรรม สนับสนุนการสร้างตลาดทั้งในและต่างประเทศ 3.ปฏิรูปกฎหมาย เพื่อเอื้อต่องานสร้างสรรค์ และงานนวัตกรรมของคนไทย 4.ผลักดันให้รัฐลงทุนในเครื่องมือทางเทคโนโลยีระดับสูง เพื่อให้ SMEs และ Startup ไทยได้ใช้ เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน 5.สร้างระบบนิเวศทางการลงทุน เพื่อดึงดูดเงินทุนและเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เพื่ออุตสาหกรรมมูลค่าสูง จ้างงานคนไทยในแผ่นดินไทย

ธนูดอกที่สาม "สร้างคุณภาพชีวิตให้คนไทย ปลอดภัย สุขภาพดี มีความสุข" เพราะความปลอดภัยและสุขภาพดี คือ สิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทย และแผ่นดินไทยคือมรดกของลูกหลานไทย คือ 1.ผลักดันกฎหมายเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ เพื่อมีเจ้าภาพคนกลาง หยุดปัญหาภัยพิบัติสะพานพัง ตึกถล่ม ถนนยุบ คนผิดต้องรับผิดชอบ เปิดเผยต้นตออย่างโปร่งใส 2.แก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง-น้ำทะเลหนุนอย่างเบ็ดเสร็จ ด้วยการรวมศูนย์เทคโนโลยี ไม่ให้เกิดซ้ำซาก การบริหารซ้ำซ้อน 3.รักษาแผ่นดินของชาติและสิ่งแวดล้อม ด้วย AI และเทคโนโลยีอวกาศ เพื่อแก้ปัญหาพื้นที่อ้างสิทธิ แก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่า แก้ปัญหาการอนุญาตก่อสร้างผิดกฎหมาย ตรวจสอบต้นตอปล่อยมลพิษโดยไม่เกรงใจใคร 4.สนับสนุนการสร้างบุคลากรทางการแพทย์ให้เพียงพอต่อการบริการประชาชน ปลดล็อกกฎหมายที่กดทับอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์และการผลิตยาของไทย

ธนูดอกที่สี่ "สร้างค่านิยมใหม่ คนดีต้องมีที่ยืน" เพราะคนดี สังคมดี เทคโนโลยี ลดโอกาสคอร์รัปชัน คือ 1.ปลูกฝังค่านิยมใหม่ด้วยการศึกษา เด็กไทยมีวินัย ยึดผลประโยชน์ของชาติ ไม่โกง ไม่ทนกับการทุจริต คอร์รัปชัน ส่งเสริมคนดี ให้ทำงานเพื่อสังคม 2.สร้าง Open Data เพื่อประชาชน ข้อมูลโครงการรัฐ เงินงบประมาณต้องเปิดเผย เข้าถึงง่าย แบบ Real Time 3.ป้องกันการคอร์รัปชันในการจัดซื้อจัดจ้าง ด้วยระบบดิจิทัล Blockchain และ AI 4.สร้างระบบราชการอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ ทุกขั้นตอนต้องผ่านระบบออนไลน์ ปิดช่องคอร์รัปชัน

"วันนี้ประเทศไทยอยู่ในสภาพสิ้นหวัง ไม่มีทิศทาง ไม่รู้อนาคต ไม่รู้จะสู้ชาติอื่นอย่างไร เราจึงคล้ายคนอ่อนแรงใกล้เข้าขั้นวิกฤตในทุกด้าน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความสามารถในการแข่งขัน ประเทศไม่ได้ต้องการยากระตุ้นชั่วคราว แต่ยารักษาที่ดีที่สุดคือการศึกษา ที่จะทำให้ประเทศก้าวออกจากหลุมดำทางเศรษฐกิจ แก้จน แก้ปัญหาปากท้อง เราต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงขับเคลื่อนการเมืองด้วยอุดมการณ์ ความกล้าหาญพลังของความรู้ จะทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นและกลับมาแข็งแรงสตรองได้" ดร.สุชัชวีร์ระบุ

"ดร.สุชัชวีร์" กล่าวไว้ในวันแถลงข่าวเปิดตัวพรรคว่า เราจะเป็นพรรคการเมืองที่ตั้งใจจะเปิดพื้นที่ให้คนมีใจ คนมืออาชีพ คนมีฝีมือ และคนไทยทุกคนได้เข้ามาทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ และพร้อมทำงานกับทุกฝ่าย รับฟังเสียงของประชาชน พรรคไทยก้าวใหม่เกิดขึ้นมาเพื่อไม่ทำแบบเดิม ไม่สร้างความขัดแย้ง แต่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง เราเชื่อว่าหากพรรคการเมืองขับเคลื่อนด้วยอุดมการณ์ ความกล้าหาญ พลังความรู้ประเทศไทยสามารถเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีกว่า และกลับมาสตรองได้ ขอให้ทุกคนสนับสนุนพรรคไทยก้าวใหม่ เพื่อให้เราดูแลคนไทยทุกคน ไม่มีท่าน ไม่มีเรา เราขออาสาได้ดูแลตัวท่านและลูกหลานท่าน เพื่ออนาคตของประเทศไทย เราเชื่อว่าประเทศไทยจะก้าวใหม่  ประเทศไทยจะเป็นประเทศโลกที่หนึ่ง ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่พัฒนาได้แล้วจริงๆ มาร่วมกับเราพรรคไทยก้าวใหม่ ก้าวใหม่ให้ไทยสตรอง

ทั้งนี้ รายชื่อตําแหน่งอื่นๆ ภายในพรรค ประกอบด้วย คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประธานพรรค นายวราวิช กำภู ณ อยุธยา รองหัวหน้าพรรค อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดร.คเณศ วังส์ไพจิตร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ผู้ช่วยเลขาธิการด้านเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) นายก้องเกียรติ กรสูต เลขาธิการพรรค ผศ. ดร.ศักย์ ทับพลี รองหัวหน้าพรรค พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองหัวหน้าพรรค นายชยพงศ์ สายฟ้า รองหัวหน้าพรรค นายอนุพงษ์ มาคำ รองหัวหน้าพรรค นายกิติ วงษ์กุหลาบ รองหัวหน้าพรรค นายณัฐวัฒน์ บูรณะกนก รองหัวหน้าพรรค นางสาวจิตติกานต์ แจ้งเจนจิต เหรัญญิกพรรค นายภคภณ เทพอินทร์ชัย นายทะเบียนสมาชิกพรรค นางสาวธัญชนก นานา กรรมการบริหารพรรค นายธนกร บรรพศิริ กรรมการบริหารพรรค นายธีรคุปต์ ธรรมมณีวงศ์ กรรมการบริหารพรรค น.ต.ปวิณ ปีตะวรรณ กรรมการบริหารพรรค

 โดยพรรคไทยก้าวใหม่มีสัญลักษณ์พรรค มีลักษณะเป็นลูกศร สีเหลืองเลมอน ชี้ขึ้นทางขวา โดยสีเหลืองเลมอน แสดงถึงพลังงาน ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์และความหวัง สีกรมท่าหมายถึง ความมั่นคงสุขุม และความเป็นมืออาชีพ  โดยโลโก้ไทยก้าวใหม่ สื่อสารการก้าวใหม่ การพัฒนาด้วยพลังความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ บนรากฐานที่มั่นคงและความเป็นอาชีพ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดร.ณัฏฐ์ ผ่าเกมแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 3 คือดักทาง ยุบสภาปี 68 เป็นศูนย์

นักกฎหมายมหาชนชี้ แก้รัฐธรรมนูญแม้ผ่านวาระ 2 ไม่ยาก แต่ต้องแช่แข็งร่าง 15 วันก่อนขึ้นวาระ 3 ทำเกมยุบสภาไร้ทางเกิดขึ้นภายในปีนี้ ขณะตัวแปรชี้ชะตาอยู่ที่เสียง สว. สีน้ำเงิน ในขั้นสุดท้ายก่อนประชามติ

รัฐสภาประชุมแก้ รธน. 10-11 ธ.ค. เชื่อผ่านวาระสาม สภาสูงไม่ตีตก

ในช่วงวันที่ 10-11 ธันวาคม จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา อันเป็นการประชุมรัฐสภาในช่วงการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ

🛑LIVE ‘ดร.สุวิชา’ เปิดชัดๆ นิด้าโพล เลือกตั้ง’69 พลิกล็อก.!? พรรคต่อพรรค-ภาคต่อภาค | อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร

‘ดร.สุวิชา’ เปิดชัดๆ นิด้าโพล เลือกตั้ง’69 พลิกล็อก.!? พรรคต่อพรรค-ภาคต่อภาค อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร : วันเสาร์ที่ 06 ธันวาคม พ.ศ.2568

การเรียนประวัติศาสตร์ สำคัญต่อเรื่องการเมือง-นโยบายหรือไม่ 'เอ็ดดี้' มีคำตอบ

ไม่มีชาติใดกำหนดอนาคตได้ ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองเดินมาจากไหน ประเทศที่มองอดีตไม่ออก จะถูกครอบงำโดยผู้นำที่อ้างประวัติศาสตร์ผิดๆ