ความเห็นของต่างชาติต่อการเมืองหลังการประกาศพระราชกฤษฎีกาวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476: (69) : การยึดอำนาจวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476-กบฏบวรเดช (คณะกู้บ้านกู้เมือง)

 

ไชยันต์ ไชยพร

หลังเหตุการณ์กบฏบวรเดช (คณะกู้บ้านกู้เมือง) เซอร์ รอเบิร์ต ฮอลแลนด์ และ นายแบกซ์เตอร์ ได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และทั้งสองได้บันทึกพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นการที่พระองค์ทรงทบทวนสถานการณ์ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อปีก่อนหน้านั้น

อัครราชทูตอังกฤษได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับพระราชดำรัสนี้ว่า “….จากข้อมูลที่ข้าพเจ้ามีอยู่นั้น การทบทวนสถานการณ์ (review of the situation) ตั้งแต่การปฏิวัติเมื่อปีที่แล้วไม่เพียงแต่มิได้เป็นการขยายความจนเกินจริง (exaggerate) เท่านั้น หากแต่ยังอาจถือได้ว่า เป็น การเล่าเรื่องที่เชื่อถือได้โดยสมบูรณ์ (absolutely authentic account) ของสิ่งที่ได้เกิดขึ้น ที่น่าสนใจเป็นการเฉพาะ หากพิจารณาการวิพากษ์วิจารณ์ที่ได้เกิดขึ้นในตอนนั้น คือพระราชดำรัสเกี่ยวกับสภาวการณ์ที่ทำให้พระองค์ตัดสินพระทัยเสด็จพระราชดำเนินไปสงขลา (เรื่องเดียวกัน)  ดังนั้น ในที่นี้ จึงจะขอนำบันทึกของ เซอร์ รอเบิร์ต ฮอลแลนด์ มาเสนอไว้ทั้งฉบับมิใช่เพียงเพราะความน่าสนใจทางประวัติศาสตร์ แต่เพื่อเป็นการปกป้องพระเกียรติยศแห่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ต้องได้รับความกระทบกระเทือนจากเหตุการณ์ในช่วงนั้นด้วย (Inclosure in Doc. 116, “Notes on Sir R. Holland’s Audience with His Majesty the King of Siam” อยู่ใน เรื่องเดียวกัน หน้า 131-132 ส่วน “Notes on Mr. Baxter’s Audience with His Majesty the King’s of Siam” อยู่ในรายงานฉบับเดียวกันนี้ หน้า 132-135 บันทึกทั้ง 2 ฉบับลงวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2476)                                           

ข้อความต่อไปนี้เป็นบันทึกพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีต่อบุคคลทั้งสองนี้ตามที่บันทึกไว้โดย เซอร์ รอเบิร์ต ฮอลแลนด์ (ต่อจากตอนที่แล้ว)

“………ส่วนของข้าพเจ้านั้นเป็นส่วนของความยากลำบากอย่างยิ่งยวด (great difficulty) ข้าพเจ้าถูกตำหนิอย่างขุ่นเคืองใจรุนแรง (bitterly reproached) ที่ไม่ได้กลับมากรุงเทพฯ และขึ้นเป็นผู้นำฝ่ายที่เรียกกันว่า ฝ่ายนิยมเจ้า (Royalist party) หากทำเช่นนั้นแล้วจะได้อะไรขึ้นมา [หากทำเช่นนั้น] ข้าพเจ้าเองก็คงจะเป็นเบี้ย (pawn) ในมือของคณะใดก็ตามที่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของข้าพเจ้าได้  ข้าพเจ้าคงจะลงไปในเวทีการเมือง ข้าพเจ้าอาจจะทำให้เกิดผลคุกคามต่อการดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ การตัดสินใจของข้าพเจ้าที่จะไปสงขลาเกิดขึ้นในชั่วขณะสั้นๆ เท่านั้น ข้าพเจ้าคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้พิสูจน์แล้วว่าถูกต้อง แต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากและบีบคั้นอย่างที่สุด (the most trying and wearing time)  ข้าพเจ้าถูกตำหนิโดยทุกฝ่าย ทั้งตำหนิในสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ทำไป และตำหนิในสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำ ในประเทศอังกฤษเขากล่าวกันว่า พระมหากษัตริย์ไม่ทรงสามารถทำอะไรผิด (“The King can do no wrong”) ในสยามดูเหมือนว่า พระมหากษัตริย์ไม่ทรงสามารถทำอะไรได้ถูกเลย  รัฐบาลระแวงสงสัยข้าพเจ้าทุกฝีก้าว และปัดข้อเสนอของข้าพเจ้าที่จะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยอย่างไม่แยแส (discourteously discarded) รัฐบาลคงจะรับข้อเสนอหากสถานการณ์ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นใจต่อฝ่ายเขา แต่ทันทีที่เขารู้สึกว่าเป็นฝ่ายได้เปรียบ เขาก็ไม่ต้องการให้ข้าพเจ้ามาเกี่ยวข้อง แต่ข้าพเจ้าคิดว่า สิ่งที่ได้เกิดขึ้นได้ขจัดเมฆหมอกต่างๆไปแล้ว สภาพโดยทั่วไปดีขึ้น พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นผู้ที่จงรักภักดี และมีเหตุผลที่จะรู้สำนึกว่าอะไรเป็นอะไร (loyal and sensible) แต่เขาถูกแวดล้อมด้วยคนหนุ่มที่มีความกระตือรือร้นจนคลั่งไคล้ (fanatical young men)

อย่างไรก็ตาม แม้กระทั่งคนเหล่านี้ก็ยังรับรู้ว่า ขณะนี้พระมหากษัตริย์เป็นส่วนที่จำเป็นส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญ และข้าพเจ้าคิดว่า ความเชื่อมีมากขึ้นแล้วว่า ข้าพเจ้าต่อต้านอย่างที่สุด (absolutely opposed) ต่อความพยายามใดๆก็ตามที่จะรื้อฟื้นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ขึ้นมาใหม่ นั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แล้ว  มีหลายสิ่งซึ่งแสดงให้เห็นถึงการมีความหวังในสถานการณ์ปัจจุบัน การเลือกตั้งได้ดำเนินไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม และข้าพเจ้าก็เชื่อว่า ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนจากการเลือกของประชาชน (the people’s choice) จริงๆ  พวกเขาได้แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ได้ถูกผลักดันให้เคลื่อนไหวโดยความคิดสุดขั้วด้านประชาธิปไตย และแม้กระทั่งผู้ที่ยึดถือในตัวหลวงประดิษฐ์มนูธรรมคนหนึ่ง ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรของกรุงเทพฯ ก็ยังได้ประกาศว่า เขามุ่งที่จะเป็นผู้แทนความคิดของประชาชนผู้ที่เลือกเขาและจะไม่เดินตามคำสั่งของหลวงประดิษฐ์มนูธรรมเสมือนทาส มีความรู้สึกต่อต้านหลวงประดิษฐ์มนูธรรมอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่นี้อยู่ไม่น้อย  โดยเฉพาะในบรรดานายทหาร เพราะพวกเขาหวั่นเกรงว่า หลวงประดิษฐ์มนูธรรมอาจขัดขวางข้อเรียกร้องด้านงบประมาณให้แก่กองทัพบก และในบรรดาสมาชิกคนอื่นๆ เพราะคนเหล่านี้ยังคงระแวงสงสัยทัศนะแบบคอมมิวนิสต์ของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม

ดังนั้น เมื่อเห็นว่ากลุ่มของตนเป็นเสียงข้างน้อย หลวงประดิษฐ์มนูธรรมจึงขอให้มีการไต่สวนอย่างเป็นทางการเพื่อจะตัดสินว่า เขาเป็นคอมมิวนิสต์หรือไม่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งคนหนึ่ง คือ พระยาเทพหัสดิน (ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) (พลเอก พระยาเทพหัสดิน เป็น ส.ส. จังหวัดพระนคร ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 – 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2480 และเคยเป็นหัวหน้าคณะทหารไทยที่เข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ต่อมาต้องมรสุมทางการเมืองสมัยที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม ขึ้นมามีอำนาจแทน พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา จนกลายเป็นนักโทษประหาร และแม้จะได้รับพระรชทานอภัยโทษในที่สุด แต่ลูกชาย 2 คนก็ถูกประหารชีวิต)  ได้แสดงให้เห็นแล้วถึงความสามารถที่จะมีความคิดอิสระและทำให้มีผู้เข้ามาร่วมกลุ่มความคิด ไม่เพียงแต่จากสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งด้วยกันเท่านั้น แต่มีที่มาจากสมาชิกประเภทแต่งตั้งด้วย นั่นจึงทำให้ข้าพเจ้าคิดว่าลู่ทางได้ดีขึ้นตั้งแต่มีสภาผู้แทนราษฎรใหม่ ถึงขณะนี้ข้าพเจ้าคิดว่า สถานการณ์จะผ่อนคลายลง หากข้าพเจ้าจะออกไปจากสยามสักชั่วระยะหนึ่ง หากข้าพเจ้ายังอยู่ในประเทศ แต่มิได้อยู่ในกรุงเทพฯ  ข้าพเจ้าไม่สามารถจะควบคุมหรือมีอิทธิพลใดๆได้ และชื่อของข้าพเจ้าก็อาจจะถูกนำไปใช้โดยเปล่าประโยชน์โดยผู้ที่คบคิดต่อต้านรัฐบาลปัจจุบัน หากข้าพเจ้าอยู่ในกรุงเทพฯ ข้าพเจ้าก็อาจเป็นเป้าสำหรับการร้องเรียนและสำหรับบุคคลที่ไม่พอใจก็จะพยายามคบคิดกันโดยนำข้าพเจ้าไปเป็นศูนย์รวม หากข้าพเจ้าจากไปสักชั่วระยะหนึ่ง อาจจะมีโอกาสที่จะทำให้สิ่งต่างๆ ลงเอยได้ ข้าพเจ้าควรจะมีคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (Regency) ประกอบด้วย สมเด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์  กรมพระยาชัยนาทนเรนทร โดยข้าพเจ้าสามารถติดต่อได้ไม่ว่าข้าพเจ้าจะอยู่ที่ไหนในยุโรป โดยทางโทรเลขหรือโทรศัพท์ และจริงๆแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกว่า ข้าพเจ้าไม่สามารถที่จะทนกับสภาพนี้ได้อีก ความตึงเครียดกดดัน (strain) ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเลวร้ายมาก ตาของข้าพเจ้าต้องได้รับการผ่าตัดต้อกระจก (cataract)  ภายในเร็ววันและนายแพทย์โนเบิล (Dr. Noble) ก็ได้แจ้งแก่ข้าพเจ้าว่า จำเป็นจะต้องใช้เวลาพักผ่อนและฟื้นฟูสุขภาพร่างกาย (recuperation) 2 เดือนก่อนจะทำการผ่าตัด

ข้าพเจ้ารู้สึกว่า อนาคตจะขี้นอยู่กับชะตากรรมของผู้ที่ได้รับเคราะห์กรรมจากผลของการก่อการกบฏเมื่อเร็วๆนี้เป็นสำคัญ ข้าพเจ้าได้เรียกร้องอย่างเร่งด่วนให้มีการยกเลิกโทษประหาร พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนาได้ตกลงในเรื่องนี้ แต่ก็ยังมีพวกเลือดร้อนหัวรุนแรง (hot-heads) จำนวนมากที่ยืนยันว่าจะต้องมีการประหารชีวิต (อัครราชทูตอังกฤษระบุว่า “จากที่ข้าพเจ้าได้ยินได้ฟังมานั้น เป็น พันโท หลวงพิบูลสงครามและกองทัพบกเป็นสำคัญ ที่ยืนยันจะให้ใช้มาตรการปราบปรามรุนแรง (severe repressive measures) อันเป็นมาตรการที่กำลังใช้อยู่ขณะนี้” [F 7458/21/40] “Sir J. Crosby to Sir

การดำเนินงานเช่นนี้จะมีผลชี้ชะตาในอนาคต (fatal move) การแก้แค้น (vengeance) จะตามมาจัดการในระยะยาวกับผู้ที่รับผิดชอบ และผลก็คือ เราจะได้เห็นเพียงแต่การปฏิวัติที่จะเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า (a vista of revolutions) โดยที่แต่ละครั้งก็จะสูญเสียเลือดเนื้อ (sanguinary) มากกว่าครั้งที่ผ่านมา...

(แหล่งอ้างอิง: ฝรั่งมองไทยในสมัยรัชกาลที่ 7: ตะวันออกที่ศิวิไลซ์ ?, ธีระ นุชเปี่ยม)

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'กัณวีร์' โร่แจงโดนปลดพ้นเลขาฯพรรคเป็นธรรม

นายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตามที่พรรคเป็นธรรมได้ออกแถลงการณ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งภายในพรรค และมีมติปลดผมออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค ผมขอเรียนชี้แจงต่อสาธารณชนและพี่น้องประชาชนดังต่อไปนี้