ด้วยยินดี 'ผู้ว่าฯ ชัชชาติ'

วันนี้ "ไม่คุย" เรื่องสภา

คุยเรื่อง "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ดีกว่า

เมื่อวาน (๑ มิ.ย.๖๕) เข้า "ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร" ปุ๊บ ท่านก็ "ลุยงาน" ปั๊บ

คำสั่งแรกในนาม "ผูู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร" คือ....

แต่งตั้งทีมงาน "ครบกระบวนทัพ" แสดงว่า "พร้อมจับศึก" งาน กทม.ที่มีคนกว่า ๑๐ ล้าน แออัดกันอยู่เวลานี้

-รองผู้ว่าฯ กทม. ๔ ท่าน

๑.นายจักกพันธุ์ ผิวงาม ๒.รศ.วิศณุ ทรัพย์สมพล ดูแลผังเมืองและการโยธาฯ และโครงสร้างต่างๆ ๓.น.ส.ทวิดา  กมลเวชช ดูแลเรื่องภัยพิบัติ กลยุทธ์ต่างๆ และ ๔.นายศานนท์ หวังสร้างบุญ ดูแลงานชุมชน NGO และสิ่งแวดล้อม

-ที่ปรึกษา ๙ ท่าน

๑.นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษา ๒.นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ๓.พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ๔.พล.อ.ท.นพ.อนุตตร จิตตินันทน์

๕.พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ๖.นางวิลาวัลย์ ธรรมชาติ  ๗.นายอรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี ๘.นายภาณุมาศ สุขอัมพร และ ๙.นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์

-เลขาฯ ผู้ว่าฯ กทม. ๑ ท่าน

นายภิมุข สิมะโรจน์ เลขาฯ ผู้ว่าฯ กทม.

-ผู้ช่วยเลขาฯ ๔ ท่าน

๑.นายเอกวรัญญู อัมระปาล ๒.นางสาวศนิ จิวจินดา ๓.นายจิรัฏฐ์ ม้าไว ๔.นายสิทธิชัย อรัณยกานนท์ และ

-โฆษก กทม. ๑ ท่าน คือ นายเอกวรัญญู อัมระปาล

เห็นบรรดาขุนศึก-นายกองของท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติแล้ว เป็นไปตามปรัชญาการศึกของ "ซุนวู" เปี๊ยบ ที่ว่า

"ภายใต้ธงรบแม่ทัพ" ผู้แข็งแกร่งในปฐพี "ย่อมไม่มีทหารเลวปะปน"

มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ!

ผู้ว่าฯ ชัชชาติพูดหลายครั้งว่า ท่าน "เป็นผู้ว่าฯ กทม.ของคนกรุงเทพฯ ทุกคน"

ผู้ว่าฯ เท่ากับ "พ่อเมือง"

ดังนั้น ผม..ในฐานะ "ลูกเมือง" คนหนึ่ง ขอต้อนรับท่านและคณะด้วยยินดียิ่งครับ

ผมสังเกตว่า ทันทีที่ กทม.ได้คุณชัชชาติเป็นผู้ว่าฯ  บารมีท่าน "เปลี่ยนกรุงเทพฯ" เห็นผลทันตาเลย!

คือ อะไรที่ไม่ดี..ไม่ใช่..ใน กทม.กลายเป็นดี..เป็นใช่ แม้ไม่ดี-ไม่ใช่ ก็พร้อมเข้าใจได้ ให้อภัยได้ และรอคอยได้ ไปทุกเรื่อง

การก่อกวน-วุ่นวาย ชนิด "พังประเทศ-ขายเมือง" จางคลายไป

รุ่นใหม่-รุ่นเก่า กลายเป็น "พวกเรากันเอง" ห้อมหน้า ล้อมหลังผู้ว่าฯ คนใหม่ ที่เคยตื่นสาย ก็ตื่นแต่ตี ๔ ตี ๕ คว้ารองเท้าใส่ ก็รีบไปร่วมทีม วิ่ง..วิ่ง..วิ่ง, ทำงาน..ทำงาน..ทำงาน กับท่านผู้ว่าฯ

อะไรที่ว่า แก้ไม่ได้..ทำไม่ได้ แค่ผู้ว่าฯ ชัชชาติบอก แก้ได้ ทำได้ มันก็กลายเป็นง่ายไปแทบทุกเรื่อง

ที่ไม่ได้รับความร่วมมือ-ร่วมใจมาก่อน.........

ไปเขตไหน ถิ่นไหน มีแต่คนกุลี-กุจอ ร่วมมือ-ร่วมใจ "ผู้ว่าฯ ใหม่" เปลี่ยนกรุงเทพฯ ไปได้ถึงขนาดนั้น

ขนาดยังไม่ได้รับงานนะ.......

แล้วนี่ เป็นผู้ว่าฯ เต็มตัวแล้ว รับงานแล้ว ทีมงานพร้อมแล้ว สตาร์ทพรึ่บ ตั้งแต่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๕ กรุงเทพฯ จะฟ้าอมรขนาดไหน?

อานิสงส์ชัชชาติ ส่งผลถึงนายกฯ ประยุทธ์ด้วย!

จากที่ขี้ไม่ออก-เยี่ยวไม่ออกใน กทม.ก็โทษ ก็ด่า ว่าเพราะนายกฯ เฮงซวย เพราะรัฐบาลเฮงซวย

ตอนนี้ แยกแยะได้ ว่าเป็นหน้าที่รับผิดชอบใคร?

บกพร่อง-ผิดพลาด ฝนตกน้ำท่วม ก็ไม่เป็นไร เพราะผู้ว่าฯ ของเรา เพิ่งเข้ามารับงานใหม่ ต้องให้โอกาสท่าน

เห็นมั้ย ผู้ว่าฯ คนใหม่ ท่านมีรัศมีสามัคคี-สมานใจคนกรุงได้เห็นผลทันตาจริงๆ

ท่านพูดถึงงานที่ต้องลุยเฉพาะหน้า ๓-๔ เรื่อง ก็ไม่หนี น้ำท่วม รถติด แต่ที่น่าสนใจ คือ...

วันนี้ (๒ มิ.ย.) จะเชิญ "บริษัทกรุงเทพธนาคม" ก็ธุรกิจการค้าหาเงินของ กทม.นั่นแหละ มาหารือเรื่องสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่เป็นยักษ์ประสานเขี้ยวกันอยู่ตอนนี้

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ แก้เรื่องนี้ได้สำเร็จเรื่องเดียว ผมว่าเลือกตั้งอีกสมัย ครั้งหน้า กว่า ๓ ล้านเสียง เอาไปเลย!

ผมว่านะ........

เลือกตั้งก็ผ่านไปแล้ว ผลก็แน่นอนแล้ว คน กทม.กว่า  ๑.๓ ล้านเสียง "มากที่สุด" ในจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์ เลือกให้คุณชัชชาติเป็นผู้ว่าฯ

เราจะเลือกท่านหรือไม่ได้เลือก ยังไงก็ต้องยินดีกับท่าน ควรมีสปิริต เปิดใจกว้าง ยอมรับบุคคลที่คนส่วนใหญ่เลือก      และพร้อม "ร่วมมือ-เป็นกำลังใจ" สนับสนุนการทำงานท่าน

เพราะอะไรที่ผู้ว่าฯ กทม.ทำ.....

แน่นอน ท่านไม่ได้ทำเพื่อคนที่เลือกท่านเท่านั้น หากแต่ท่านทำเพื่อทุกคนใน กทม.ในความเป็นเมืองหลวงหน้าตาของประเทศไทย

ฉะนั้น ใครก็ไม่ควรใช้ความคับแคบทางจิตใจ แสดงปฏิกิริยาปฏิปักษ์ต่อการเป็นผู้ว่าฯ ของคุณชัชชาติ

เลือกตั้่งจบ ก็ต้องจบ

ไม่ควรมีอารมณ์ค้าง ไปกระแนะ-กระแหน พลิกตะเข็บ หาช่องร่องรู เพื่อจับผิด-จับถูก โดยตั้่งแง่ ท่านเป็นฝ่ายโน้น-ฝ่ายนี้ เป็นเหตุให้กินแหนงแคลงใจในหมู่คนไทยด้วยกันไปไม่รู้จบ

"ชั่ว-ดี" อยู่ที่แต่ละตัวบุคคลทำ

ต้นไม้มีราก คนทุกคน มีที่มา-ที่ไป "ปัจจุบันเป็นผลมาจากอดีต" ก็จริง แต่นั่น เป็นสิ่งผ่านไปแล้ว

ที่สำคัญคือ.......

"ปัจจุบันเป็นตัวบ่งบอกอนาคต"

ตรงนี้ตะหาก ที่เราทุกคนควรใช้เป็นทัศนคติในการมองการทำงานของคุณชัชชาติ และเราเรียกทัศนคตินี้ว่า

"การให้โอกาส"!

ทุกคน-ทุกฝ่าย ต้องให้โอกาสผู้ว่าฯ ชัชชาติและทีมงานได้ทำงานก่อน อย่าไปเพ่งเอาร้อยเรื่อง-พันประเด็น ตอนหาเสียงมาเค้นคอเขาเป็นรายข้อไปเลย

แบบนั้น มิใช่การตรวจสอบเยี่ยงคนมีประสบการณ์ในการทำงาน หากแต่มันเป็นการ "จ้องจับผิด" ด้วยริษยา หวังเข่นฆ่ากันมากกว่า

ความเป็นจริง "เท่าที่เป็นไปได้" ภายใต้เหตุปัจจัยในการทำงานจริงใจ นั่นคือ "ความพอดี" ที่เราจะหาได้ในสังคมงานจริง

ถ้าเรา "ไม่ให้ใจ" ใครก่อน แล้วใครล่ะจะมา "ให้ใจ" กับเรา นี้่เป็น ๑ ในวิถีมรรค ๘ ที่ว่าด้วยสัมมาทิฐิ คือแนวคิดที่ถูกต้อง

ช่วงคุณชัชชาติรอการรับรองผลจาก กกต.มีเรื่องกล่าวขานกันมากอยู่เรื่อง คือที่ตอบคำถาม "รุ้ง-ปนัสยา" ที่สวนครูองุ่น คุณชัชชาติ ตอบว่า....

"ผมก็อดทนมา ๘ ปี ตั้งแต่วันที่ปฏิวัติ แต่เราต้องมียุทธศาสตร์ในการเดิน การแก้แค้นที่ดีที่สุด ตอนที่มันเย็นแล้ว และเวลาอยู่ข้างเรา

ในนาทีนี้ การยกเลิกมาตรา ๑๑๒ ไม่ง่าย แต่ขออย่าเอามาเป็นเครื่องมือทางการเมืองพูดประเด็นนี้ก่อนดีไหม แล้วเดี๋ยวก็มีขั้นตอนต่อไป" นั่นน่ะ

ผมไม่ติดใจคำตอบคุณชัชชาติ

แต่ติดใจ ด้วยหลงเสน่ห์ "คมคิด-คมเขียน" ของผู้ใช้นามว่า "Padipon Apinyankul" ผมก๊อปปี้โพสต์ท่านเก็บไว้หลายวันแล้ว วันนี้ขออนุญาตนำมาแชร์นะครับ

.............................

Padipon Apinyankul

ลักษณะการตอบคำถามของคุณชัชชาติ ..

กล่าวได้ว่า .. เป็นแบบฉบับ .. ของ

"บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น

ทุ่นไม่ให้จม ขยะไม่ให้ลอย"

คุณชัชชาติ มีความเป็นลีลา "นักการเมือง" เต็มตัว

ส่วนวลีที่คุณชัชชาติ กล่าวเอาใจกลุ่มคะแนนของตนเองว่า

 ⚫️ "การแก้แค้นที่ดีที่สุด ควรทำตอนที่เย็นแล้ว"

มันเป็นสำนวนหนึ่งในเรื่อง เดอะก็อดฟาเธอร์ ..

ที่ ดอน วีโต คอร์เลโอเน ได้พูดขึ้นหลังจากปัญหาต่างๆ ของคนในตระกูลถูกรุมเร้า

แต่สำนวนนี้ .. ไม่ได้เริ่มต้นมาจาก ปลายปากกาของ มาริโอ พูโซ (ผู้เขียน เดอะก็อดฟาเธอร์)

แต่มาจากนักการทูตฝรั่งเศส ที่กล่าวไว้ว่า ..

"La vengeance est un plat qui se mange froid."

แล้วถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษอีกทีว่า

"Revenge is a dish best served cold"

มาริโอ พูโซ .. จึงนำมาเขียนในเดอะก็อดฟาเธอร์

ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา .. ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง  The Godfather .. จึงนำมาให้ตัวละครพูด

ความหมายของ การแก้แค้นควรทำ (เสิร์ฟ) ตอนที่มันเย็นแล้ว ..

มิได้มีความหมายเดียว อันหมายถึงจะมุ่งทำลายอีกฝ่ายหนึ่ง ให้ย่อยยับ

ถ้าอ่านหนังสือนวนิยาย .. จะเห็นความคิดของ ดอน  คอร์เลโอเน .. ว่า

   การแก้แค้น แน่นอนบางครั้งมันหมายถึงการทำลายล้าง ..

  แต่ส่วนใหญ่ ดอนฯ จะใช้การแก้ปัญหาแบบสันติ

ดอนฯ จะใช้ยึดถือในมิตรภาพ มากกว่าอาวุธปืน. / ดอนฯ หลีกเลี่ยงการทำผิดกฎหมายร้ายแรง .. โดยเฉพาะ การค้ายาเสพติด  การตั้งแก๊งกลุ่มมือปืนรับจ้าง การประท้วงทำลายชุมชนสาธารณะ

สิ่งที่ ดอนฯ ทำผิดกฎหมายในเวลานั้น .. ก็คือ การค้าเหล้า การพนัน บ่อนกาสิโน ..

การแก้แค้นที่ ดอนฯ ทำ ..คือการสร้างอาณาจักรของตนเองให้ถูกกฎหมาย ด้วยการผลักดันนโยบายทางการเมือง

  ดอน คอร์เลโอเน ต้องการให้ครอบครัวของตนอยู่ร่วมในสังคมแบบมีเกียรติ ..

นั้นคือ การแก้แค้นที่ควรเสิร์ฟ เมื่อมันเย็นลงแล้ว

แต่กระนั้น ..

หากจะนำประโยคนี้ .. ไปใช้ตีความในแง่ การแก้แค้นทางการเมือง การแก้แค้นส่วนตัว .. ก็ย่อมได้

ทบทวนอีกครั้ง

⚫️ การแก้แค้นที่ดีที่สุด ควรทำมันตอนที่เย็นแล้ว

นั้นคือประโยค วลี ของฝรั่ง ..

อนึ่ง : ประโยค วลี .. เหมือนมีดที่มีความคมกริบทั้ง 2 ด้าน .. ขึ้นอยู่กับผู้ที่จับถือใช้มัน

.. ถือมันดีๆ อย่าได้พลาดบาดตัวเองเข้า

เพราะมีประโยค วลี ..ของจีน ที่เตือนใจไว้ ว่า

🔴  ถ้าคุณต้องการแก้แค้น ..

คุณจงขุด หลุมศพสองหลุม เอาไว้ 🔴

................................

ครับ....

เป็น "คมเขียน-คมคิด" ที่ขอบอกว่า

"น้อย" แต่ "มาก" จริงๆ!

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

๕ ธันวา ‘ฟ้าอวยชัย’

๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๐ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”

ประณีต 'ข้าวแบรนด์โลก'

เมื่อ ๘๐-๙๐ ปี ที่แล้ว.... ในหนังสือเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ ครูให้ท่อง “สินค้าส่งออกที่ขึ้นหน้า-ขึ้นตาของไทย" ไม่ใช่ “ดินสอพอง” หรือ “แป้งผัดหน้า”

เงิน ‘ประชามติ’ แจกน้ำท่วม

มันเป็น “ความสุขอย่างหนึ่ง” ของคน “บางจำพวก” ที่ได้อาศัย “ความทุกข์” ชาวบ้าน จากน้ำท่วมหาดใหญ่และหลายๆ จังหวัดในภาคใต้ ยกเป็นเหตุ ขยี้ขยำ ตำกระทืบ “นายกฯ อนุทิน”

“มิตรในยามยาก”

“หาดใหญ่”...มันใหญ่ที่ไหน รู้มั้ย? มันใหญ่ที่ “ใจ” นั่นไง! มหาอุทกภัยครั้งนี้ ก็เข้าใจ ว่ามันรากเลือดหนักหนา-สาหัส แต่ทำไงได้

‘ดี-ร้าย’ อยู่ที่ ‘มุมมอง’

แล้วก็มาถึง “เดือนสุดท้ายของปี ๒๕๖๘ จนได้! นึกย้อนไปเมื่อ ๒๑ ปีที่แล้ว ๒๖ ธันวา.๔๗ “สึนามิ” ถล่ม ๖ จังหวัดใต้ ภูเก็ต, พังงา, ระนอง, กระบี่, ตรัง และสตูล ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เสียชีวิต ร่วม ๖,๐๐๐ คน เจ็บประมาณ ๘,๐๐๐ คน และสูญหายจำนวนมาก