
"พลพรรคนักชิงเมือง" รู้สึกอย่างไร?
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญให้ "นายกฯ ประยุทธ์" หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว
คำตอบคือ.....
ไม่ต่างหมา-แมวเห็นปลาเค็มแขวนบนขื่อ ส่งกลิ่นโชยเตะครึ่งปาก-ครึ่งจมูก
แหงนคอเคล็ด น้่ำลายไหลยืด
แต่งับไม่ถึง
จึงได้แต่พลุ่งพล่าน งุ่นง่าน แล้วเห่า....นายกฯ เถื่อน...นายกฯ เถื่อน!
ก็สมแล้ว ที่รองโฆษกฯ แกะกล่อง "ทิพานัน ศิริชนะ" ตบปากด้วยประโยคสั้นๆ แต่เพียบพูนด้วยตำแย และแสนสะใจ
"นายกฯ เถื่อนหนีไปอยู่ดูไบแล้ว"!
จบเลย...
ด้วยประโยคนี้ประโยคเดียวแท้ๆ "ทิพานัน" โป้งป้างดังเปรี้ยง แจ้งเกิดทางการเมืองทันที!
ที่ผมไม่คุยอะไรเกี่ยวกับเรื่องศาลฯ ให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ในช่วงวัน-สองวันที่ผ่าน ก็ด้วย ๒ เหตุผล
๑.ต้องการดูปฏิกิริยาสังคมประเทศ
๒.ต้องการดูตลาดเงิน-ตลาดทุน และท่าทีต่างประเทศอันมีผลต่อทิศทางการลงทุนและความเชื่อมั่นประชาธิปไตยไทย
๒ วันผ่านไป ผลที่ปรากฏออกมา.......
ทุกอย่าง "ปึ้ก...เหมือนเดิม"
ทั้งในและนอกประเทศ ยังคงเชื่อมั่นเสถียรภาพรัฐบาลและประเทศที่มี "พลเอกประวิตร" รักษาการนายกฯ ชั่วคราว
"ตลาดหุ้น" ตกใจแว็บ ชั่ว "ช้างกระดิกหู-งูแลบลิ้น" ก็เข้าสภาพปกติ นักลงทุนต่างชาติยังถาโถมทุ่มซื้อไม่หยุดจนผมหมั่นไส้
การประชุม APEC ระดับรัฐมนตรี ระดับปฏิบัติการเจ้าหน้าที่อาวุโส ๒๑ เขตเศรษฐกิจ ในด้านต่างๆ ประชุมกันคร่ำเคร่ง-คึกคักตามปกติ
ก่อนถึงวันระดับผู้นำสูงสุดทั้ง ๒๑ เขตเศรษฐกิจ จะมาพบกันที่กรุงเทพฯ ระหว่าง ๑๔-๑๙ พฤศจิกา
ส่วนท่าทีต่างประเทศ ทั้่งด้านการเมืองและการลงทุน สดับตรับฟังแล้ว "ชีพจรคงที่" ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ส่อไปทางด้านลบ
ก็พอสรุปได้ว่า......
สังคมโลก-สังคมไทยขณะนี้ มีความมั่นใจว่า
๑.แม้พลเอกประยุทธ์ "หยุดปฏิบัติหน้าที่" แต่รัฐบาลที่พลเอกประวิตรรักษาการ ยังมีความเหนียวแน่น และเดินตามแผนงานของนายกฯ ประยุทธ์
๒.เชื่อมั่นว่า สุดท้ายแล้ว พลเอกประยุทธ์ จะกลับมาปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม หลังจากศึกษาข้อกฎหมายจนตกผลึกแล้ว
๓.มั่นใจว่า ขบวนการ "ชังชาติ-ล้มสถาบัน" แค่แมลงหวี่ตอมติ่งช้าง ช้างเอาหางปัดที แมลงหวี่ก็บี้คาโคนหาง
ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ ยึดมั่นใน "ชาติ-ศาสน์-สถาบันกษัตริย์" หยั่งรากลึก ยากโยกคลอน
๔.มั่นใจว่า กองทัพไม่ทำรัฐประหารแน่ ไม่มีเหตุอันใดที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ-สถาบัน และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ, สังคม
๕.มั่นใจว่า การยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ไม่เกิดแน่ จนกว่าการประชุม APEC กลางเดือนพฤศจิกาผ่านไปแล้ว
๖.ทั้งห้าข้อนั้น อยู่บนฐานความเชื่อมั่นรัฐบาล "ประยุทธ์บริหาร" และวันงาน APEC จะได้เห็น พลเอกประยุทธ์ อยู่ในฐานะ "นายกรัฐมนตรี" เหมือนเดิม
และข้อสุดท้าย สำคัญมาก........
๗.การปฏิบัติตามคำสั่งศาลฯ ด้วยเคารพ เคร่งครัด-ปฏิบัติตาม โดยไม่แสดงปฏิกิริยาโต้แย้ง หรือพูดจาใดๆ ในทางเสื่อมเสียต่อศาล
เหมือนบางคนที่อ้างประชาธิปไตย แต่กลับทำต่ำช้า-จัญไรในทุกครั้ง ที่ศาลตัดสินไม่เป็นดังใจ
ตรงข้ามกับ "นายกฯ ประยุทธ์" ที่ฝ่ายหนึ่งประณามว่าเป็นเผด็จการ
แต่ศาลว่าอย่างไร พลเอกประยุทธ์ ก็น้อมรับและปฏิบัติตามนั้น ทำให้ทุกคน ทั้่งในประเทศ-นอกประเทศ เห็นชัดทางเปรียบเทียบ ว่า
ไหน...คือ "สุภาพบุรุษประชาธิปไตย"
และไหนคือ "โจรอ้างประชาธิปไตย"?!
ตรงนี้แหละ.........
ตอกย้ำให้ "ต่างชาติ" มองความเป็นประชาธิปไตยของไทยผ่าน "สุภาพบุรุษ" ชื่อประยุทธ์
ว่าเดินถึงจุด "ประชาธิปไตย" แท้จริงได้สมบูรณ์ ทั้งรูปแบบและเนื้อหาเชื่อถือได้
ถ้าพลเอกประยุทธ์ มีเผด็จการอยู่ในหัวใจละก็
ด้วย powerful ขณะนี้...........
จะยอมเสียหน้า-เสียศักดิ์ศรี ให้ฝ่ายตรงข้ามหยามเย้ยกับการถูกสั่งให้ "หยุดปฏิบัติหน้าที่" ชั่วคราวหรือ?
จะไม่ปลุกปั่น ยุยง สร้างขบวนการออกมาต่อต้าน เขียนป้าย ชุมนุมหน้าศาล จลาจลเมือง อย่างที่ "นายกฯ เถื่อน" ที่หนีไปอยู่ดูไบเคยทำหรือ?!
แต่เพราะ พลเอกประยุทธ์ เป็นผู้มีประชาธิปไตยในหัวใจแท้จริง นั่นแหละ
ทั้งที่มีอำนาจเหลือเฟือ......
แต่ไม่ทำอะไรนอกลู่ประชาธิปไตย และในทางไม่เคารพกฎกติกาบ้านเมือง
ทั้งไม่ปลุกปั่นประชาชนมาใช้เป็นเครื่องมือไปทำในทางที่ชั่วร้ายต่อบ้านเมือง เพื่อตัวเอง
มีแต่บอกให้ประชาชนรักกัน สามัคคีกัน ให้ยึดมั่นในศาล เคารพศาล ศาลท่านว่าอย่างไร ต้องเป็นไปตามนั้่น
พลเอกประยุทธ์ แม้เป็นนายกฯ
แต่ "สร้างแบบอย่าง" ในฐานะประชาชนที่ "เท่าเทียมกันทางกฎหมาย" ให้ทุกคนเห็น ให้โลกเห็น
สรุปแล้ว การหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวของนายกฯ ในทางมุมกลับ ผลดีเกิดขึ้นมหาศาล
เท่ากับ "ส้นตีนสุภาพบุรุษเหยียบหน้าโมฆบุรุษ" พลิกภาพจริงให้เห็นทางมุมกลับ ระหว่างประยุทธ์กับทักษิณ
ใครคือ "เผด็จการจอมโกง" ตัวจริง
และใครคือ "สุภาพบุรุษประชาธิปไตย" ตัวจริง ระหว่าง ๒ คนนี้!
จากกรณีนี้.........
เป็นบทศึกษาให้ประชาชนได้เรียนรู้จากความเป็นจริงว่าแบบไหนโจร แบบไหนสุภาพบุรุษ
เพื่อการตัดสินใจเลือกพรรค-เลือก ส.ส.ในปีหน้า ถึงจะมีพลเอกประยุทธ์อยู่ หรือไม่มีก็ตาม
แต่ด้วยรากฐานประชาธิปไตยแท้จริงที่พลเอกประยุทธ์ถากถางนำทางมาถึงจุดนี้ แต่ละท่านน่าจะพอ "สำนึกได้" และเลือกพรรค-เลือกคนคุณภาพจริงๆ เข้าสภา
เพราะผมมองว่า เลือกตั้งครั้งหน้า ด้วยแลนด์สไลด์ ไม่ว่าพรรคไหน-ต่อพรรคไหน ต้องสู้กันสุดใจขาดดิ้น
และนั่นคือ การเมืองหมุนกลับสู่จุด "กึ่งพุทธกาล" สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ในการเลือกตั้ง ปี ๒๕๐๐ อีกครั้ง
การเลือกตั้งครั้งนั้น........
เป็นเลือกตั้่ง "ปิดฉาก" คณะราษฎร ๒๔๗๕ ที่ยึดอำนาจพระมหากษัตริย์ไปแย่งชิงกันเองในหมู่แกนนำคณะราษฎร
ซึ่ง "จอมพล ป. พิบูลสงคราม" เป็นผู้สืบต่ออำนาจคนสุดท้าย ด้วยเลือกตั้งที่ "แพ้ไม่ได้" ต้องแลนด์สไลด์ หวังสืบต่ออำนาจคณะราษฎรสถานเดียว
เลือกตั้ง ปี ๒๕๐๐ จึงถูกบันทึกเป็นประวัติศาสตร์เลือกตั้งที่สกปรกเลวร้ายที่สุด มีทั้งพลร่ม ไพ่ไฟ นักเลง-อันธพาล นับๆ อยู่ไฟดับ ยกหีบหายทั้่งใบ......
เปิดมาอีกที มีแต่บัตรกาผู้สมัครพรรคเสรีมนังคศิลา ที่จอมพล ป.เป็นหัวหน้า พลตำรวจเอกเผ่า เป็นเลขาฯ พรรค
และนั่น จุดจบของฝ่ายประชาธิปไตย "แพ้ไม่ได้" ตามสโลแกนจอมพล ป.ก็มาถึง ด้วยนักศึกษา-ประชาชน สนับสนุนให้จอมพลสฤษดิ์ "ยึดอำนาจ"!
"แพ้ไม่ได้" เมื่อปี ๒๕๐๐ ของจอมพล ป. .........
ดูท่า "แลนด์สไลด์" ปี ๒๕๖๖ ของฝ่ายประชาธิปไตย คณะราษฎรแดงส้มสามนิ้ว จะเจริญรอยตามซะละมั้ง?
พลร่ม ไพ่ไฟ จะมาปรากฏในรูปธนบัตร เงินจะสะพัดท่วมทุกจังหวัด นักเลง อันธพาล ทั้ง ๓ นิ้ว ๕ นิ้ว จะกระจายเป็นหัวคะแนน คุกคามไปทั่ว
นี่แหละ ประยุทธ์ "อยู่-ไม่อยู่" ผมไม่กลัว
แต่ผมกลัวตรง "แพ้ไม่ได้" ที่แปลกลับเป็นภาษาต่างด้าวว่า "แลนด์สไลด์" นั่นแหละ
เลือกตั้ง ปี ๖๖.......
จะทำให้บ้านเมืองกลับสู่สถานการณ์ "ผกผัน" เหนือคาดหมาย ไปสู่อีกมิติหนึ่งเลยก็ได้!?
ที่เรียก "อิทัปปัจจยตา" ควรศึกษา "เพื่อปลง" กันเนิ่นๆ
เพราะมีสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงมี-จึงเกิด มันเป็นผลที่มาจากเหตุ ด้วยตัวอวิชชา โง่เขลา ลุ่มหลงนี้แหละ หมุนกงล้อแห่งกรรมสัมภเวสี
จากตัวคนเดียว "เหนี่ยวนำ" ทั้งคอก-ทั้งโคตร "คืนนรก" เป็นการ "ปิดฉาก"!
วันเสาร์ที่ปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
๕ ธันวา ‘ฟ้าอวยชัย’
๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๐ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”
ประณีต 'ข้าวแบรนด์โลก'
เมื่อ ๘๐-๙๐ ปี ที่แล้ว.... ในหนังสือเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ ครูให้ท่อง “สินค้าส่งออกที่ขึ้นหน้า-ขึ้นตาของไทย" ไม่ใช่ “ดินสอพอง” หรือ “แป้งผัดหน้า”
เงิน ‘ประชามติ’ แจกน้ำท่วม
มันเป็น “ความสุขอย่างหนึ่ง” ของคน “บางจำพวก” ที่ได้อาศัย “ความทุกข์” ชาวบ้าน จากน้ำท่วมหาดใหญ่และหลายๆ จังหวัดในภาคใต้ ยกเป็นเหตุ ขยี้ขยำ ตำกระทืบ “นายกฯ อนุทิน”
“มิตรในยามยาก”
“หาดใหญ่”...มันใหญ่ที่ไหน รู้มั้ย? มันใหญ่ที่ “ใจ” นั่นไง! มหาอุทกภัยครั้งนี้ ก็เข้าใจ ว่ามันรากเลือดหนักหนา-สาหัส แต่ทำไงได้
‘ดี-ร้าย’ อยู่ที่ ‘มุมมอง’
แล้วก็มาถึง “เดือนสุดท้ายของปี ๒๕๖๘ จนได้! นึกย้อนไปเมื่อ ๒๑ ปีที่แล้ว ๒๖ ธันวา.๔๗ “สึนามิ” ถล่ม ๖ จังหวัดใต้ ภูเก็ต, พังงา, ระนอง, กระบี่, ตรัง และสตูล ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เสียชีวิต ร่วม ๖,๐๐๐ คน เจ็บประมาณ ๘,๐๐๐ คน และสูญหายจำนวนมาก
🛑LIVE อุทกภัยโซเชียล!! | จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์
อุทกภัยโซเชียล!! จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์ : วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568


