แจกรางวัลต้องมีเป้าหมาย?

ได้รับเกียรติ..เชิญให้ไปร่วมงานด้วยแหละ!

แต่ด้วยสภาพ-บรรยากาศของกรุงเทพฯ ยามนี้ที่ฉ่ำไปด้วยฝน-ด้วยน้ำ เลยทำให้รู้สึกขี้คร้าน-รำคาญกับการขับรถบนท้องถนน ที่ไม่ว่าจะเป็นวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ รถก็ยังติดเป็นตังเม!

ผมเลยไม่ได้ไปร่วมแสดงความยินดีกับทั้ง “ประธาน-เลขาฯ สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ” คนใหม่ และทั้งผู้ที่ได้รับรางวัล “สุพรรณหงส์” ครั้งที่ 30 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

กระนั้น ก็ได้เฝ้านอนดูอยู่ทางหน้าจอช่องเวิร์คพอยท์ 23 ที่ได้เอาเทปมาแพร่ภาพตอนดึกจนจบรายการ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด..

ภาพยนตร์เรื่อง “ร่างทรง” โดย Showbox and Northern Cross Co., Ltd และบริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด กวาดไปเรียบถึง 13 รางวัล (จาก 16 สาขา)

ที่เหลือ..รางวัลผู้แสดงสมทบชายยอดเยี่ยม “ณัฏฐ์ กิจจริต” จาก 4 Kings รางวัลลำดับภาพยอดเยี่ยม “เอหิปัสสิโก” และรางวัลผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยม “อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี” จาก 4 Kings

ส่วนรางวัล “สุพรรณหงส์เกียรติยศ” ปีนี้ได้มอบให้กับหม่อมน้อย-หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล ซึ่งดวงวิญญาณของท่านคงจะปลื้มปีติอยู่บนสรวงสวรรค์โน่น!

อ้อ..อีกรางวัลพิเศษคือ รางวัล Most Popular Thai Film (ภาพยนตร์ไทยยอดนิยมประจำปี 2564) ได้แก่ “เพราะเราคู่กัน The Movie” และเชื่อเหอะปี 65..

 ผมทำนายไว้เลยว่า “บุพเพสันนิวาส ๒” ครองรางวัลแน่!

เท่าที่เห็นบรรยากาศงานผ่านจอทีวี ดูเหมือนจะเป็นงานที่ไม่ได้เน้นจัดโอ่อ่า อลังการเหมือนปีก่อนๆ ซึ่งก็พอจะเข้าใจได้ถึงเหตุผลที่บ้านเมืองไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติ

อีกอย่าง ภาพยนตร์ที่สร้างออกมาฉายในโรงในปี 2564 มีรวมเบ็ดเสร็จก็แค่ 17 เรื่อง จะจัดงานใหญ่โตอลังการก็ดูจะสิ้นเปลือง เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเปล่าๆ

และที่สร้างกันออกมาน้อยก็ไม่ใช่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยถดถอย หากแต่เป็นเพราะข้อห้าม-กฎระเบียบของ ศบค.

บริษัทผู้สร้างภาพยนตร์จึงไม่สามารถถ่ายทำหนังออกมาฉายได้ ทั้งๆ ที่มีเงินถุง-เงินถัง พร้อมจะลงทุน!

ปี 65 นี้ก็เถอะ หนังไทยก็ยังคงผลิตออกมาไม่มากสักเท่าไร แต่ในปริมาณที่น้อยก็หวังว่าคนไทยจะได้ดูหนังไทยคุณภาพกันมากขึ้น?

อย่าง “ร่างทรง” ก็ถือเป็นหนังคุณภาพ-โดดเด่นและเหมาะสมแล้วที่คณะกรรมการตัดสินได้เทรางวัลให้ ซึ่งในความคิดเห็นผมนั้น ยืนยันมาตลอด..

การมอบรางวัล “สุพรรณหงส์” ของสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์ฯ ซึ่งเป็นองค์กรของคนทำหนัง ควรที่จะให้ความสำคัญกับ “หนังตลาด”

หรือพูดง่ายๆ หนังที่สามารถทำให้ภาพรวมหนังไทยสามารถเติบโต สร้างรายได้ และผ่านสายตาคนดู-ผู้ชม มากกว่าจะยกย่อง-เชิดชูหนังแนวอินดี้ ที่มีคนดูยังไม่กว้างขวาง

ผมไม่ได้หมายแอนตี้หนังทางเลือก ซึ่งตรงข้ามผมเห็นด้วยที่ควรจะให้การสนับสนุน เพียงแต่ถ้าจำเป็นที่จะมอบรางวัลให้ ก็อยากให้ “แบ่งแยก” รางวัลเสียให้ชัดเจน!

เพื่อประชาชน-คนดูจะได้ไม่ต้องสงสัยมีคำถาม..ทำไมหนังเรื่องนี้ได้รางวัล? ด้วยหนังทางเลือก-หนังอินดี้นั้น ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้ชมส่วนใหญ่ไม่ได้ดู-ไม่ได้ผ่านตา..

เป็นแต่เพียง “หนังดี” ในสายตาคณะกรรมการตัดสิน (บางคน) แต่ในเชิงธุรกิจแล้ว หนังอาจเข้าโรงได้แค่ไม่กี่วัน เพราะไม่เป็นที่นิยมของคนดู!

ฉะนั้น..ถ้าจะแจกรางวัลในคราวเดียว ก็อยากให้แยกประเภท “ตลาด” กับ “อินดี้” ให้ชัด เพิ่มรางวัลขึ้นมาอีกหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไร ไม่จำเป็นต้องยึดตาม “ออสการ์” เป๊ะๆ เลยก็ได้นี่

ก่อนหน้านี้..เดือนกรกฎา. “ชมรมวิจารณ์บันเทิง” ได้มอบรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี 2564 และหนังเรื่อง “เอหิปัสสิโก” ได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม มีหลายคนถามผมว่า หนังดีจริงหรือ?

“ดีสิ” ผมตอบทั้งๆ ที่ไม่ได้ดู เพราะผมให้เกียรติในสายตา-ทัศนะของคณะกรรมการตัดสิน แต่ถึงจะบอกว่าดี คนถามก็ดูจะไม่ได้ยินดียินร้าย กลับรุกถาม..ดีกว่า “บุพเพสันนิวาส ๒” ไหม?

นั่นแสดงว่าคนถามได้ดูหนังบุพเพฯ ซึ่งเป็นหนังตลาดที่สร้างออกมาเพื่อหวังผลทางธุรกิจ แต่ก็ไม่ได้ละเลยในเรื่องของคุณภาพ ก็..ขอฝากไว้พิจารณา (ต่อๆ ไป)

แจกรางวัลเพื่ออะไร..ต้องมีเป้าหมาย?.

 

สันต์ สะตอแมน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใครที่เดือดร้อน?

แรกเห็น-แรกอ่าน.. ก็..คิดเอาว่าเป็นใครก็ไม่รู้เขียน เพราะไม่เชื่อว่าจะเป็นถ้อยคำจาก “เสก โลโซ” ร็อกเกอร์คนดัง ซึ่งผู้อ่านหลายท่านก็น่าจะได้ผ่านตา

ระวังจะโดนย้อนศร

เรื่องนี้ต้องขยาย.. ผมหมายถึง “ยอดคนตาย” จากมหาอุทกภัยหาดใหญ่น่ะ เพราะหลังจาก นพ.ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลง..

ต่างฝ่ายต่างโกง?

ดารา-นักแสดงถูกเบี้ยวค่าตัว! ความจริงก็ใช่ว่าเพิ่งมาเกิดเอายุคปัจจุบัน-ตอนนี้..สมัยนู้นนน ในยุคพระเอก-นางเอกคู่ขวัญ “มิตร ชัยบัญชา-เพชรา เชาวราษฎร์” และ “สมบัติ เมทะนี-อรัญญา นามวงศ์”..

ความคิดหลุดโลก?

แค่นายกฯ อนุทินหยอดมุก.. “อยากนามสกุล ‘หลีกภัย’ แต่เจอเข้าไป 4 ภัย ทั้งภัยเศรษฐกิจ ภัยความมั่นคง ภัยสังคม และภัยธรรมชาติ”

‘ตลก’ไม่ทิ้งกัน!

“เต็มที่แล้ว เต็มที่จริงๆ ผมทำดีที่สุดแล้ว” นี่.. “นายกแป้น” คุณณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ ได้บอกผู้สื่อข่าว หลังจากที่ประกาศก่อนหน้าว่า..

เขต 8 แดนเจอรัส?

น้ำลด..เขต 8 โผล่! ทีนี้ ก็เป็นหน้าที่ของ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” แล้วล่ะ จะปฏิบัติการกวาดล้างพวก “มนุษย์ขยะ” เฮงซวย-เส็งเคร็ง ที่สร้างความเสื่อมเสียให้ชาวเมืองหาดใหญ่กันอย่างไร?