
ยุบแล้วครับ!
ไงต่อ?
ส.ส.ทุกคนสิ้นสภาพ กลายเป็นอดีต ส.ส. นับจากนี้จะไม่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร จนกว่าจะมีสภาผู้แทนฯ ชุดใหม่
รัฐบาล จะเป็นรัฐบาลรักษาการ มีอำนาจจำกัดจำเขี่ย
รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่ารัฐบาลรักษาการ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ ได้เท่าที่จำเป็น ภายใต้เงื่อนไข ๔ ประการ ดังนี้
๑.ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการ หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป เว้นแต่ที่กำหนดไว้แล้วในงบประมาณรายจ่ายประจำปี
๒.ไม่แต่งตั้งหรือโยกย้ายข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ หรือพนักงานของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่หรือพ้นจากตำแหน่ง หรือให้ผู้อื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทน เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน
๓.ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน
๔.ไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อกระทำการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้ง และไม่กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด
จากนี้ไปจนกว่าจะเลือกตั้งเสร็จสิ้น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะรับบทเป็นพระเอก
รัฐธรรมนูญกำหนด กรณีการยุบสภา กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งภายในกรอบเวลา ๔๕-๖๐ วัน
ภายใน ๕ วัน นับจากยุบสภา กกต.จะต้องออกประกาศวันรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งแบบเขตและบัญชีรายชื่อ
การยื่นบัญชีแคนดิเดตนายกฯ
และการกำหนดวันเลือกตั้ง
คร่าวๆ ไม่ ๗ ก็ ๑๔ พฤษภาคม
แต่แนวโน้มน่าจะเป็น ๑๔ พฤษภาคมมากกว่า
น่าจะได้รัฐบาลใหม่เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม
สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีก ๓-๔ เดือนหลังจากนี้ ก็ประมาณนี้ครับ
การยุบสภาโดยส่วนใหญ่มักมีสาเหตุจาก ฝ่ายบริหารขัดแย้งกับฝ่ายนิติบัญญัติ หรือไม่ก็รัฐบาลขัดแย้งกันเอง
รวมทั้งยุบสภาเพราะวิกฤตการเมือง ประชาชนออกมาขับไล่รัฐบาล
แต่การยุบสภาครั้งนี้ ด้วยเหตุผลที่พบไม่บ่อยนัก นั่้นคือ นายกรัฐมนตรีเลือกได้ว่าจะยุบวันไหน เพราะรัฐบาลบริหารประเทศจนใกล้จะครบเทอม
บนสถานการณ์เงียบสงบ
เหตุผลในพระราชกฤษฎีกายุบสภา โดย "ลุงตู่" นั้น ระบุไว้แบบนี้ครับ
...ด้วยนายกรัฐมนตรีได้นำความกราบบังคมทูลฯ ว่า ตามที่สภาผู้แทนราษฎรได้ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๖๒ และบัดนี้ได้ปิดสมัยประชุมสามัญประจำปีที่สี่อันเป็นปีสุดท้ายของอายุสภาผู้แทนราษฎรแล้วสมควรยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อันเป็นการคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมืองให้แก่ประชาชนโดยเร็วเพื่อให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง...
ถือว่าดูดี สวนทางกับสิ่งที่ฝ่ายค้านนำมาโจมตีว่า รัฐบาลเผด็จการ ไม่อาจปล่อยให้อยู่ในตำแหน่งได้แม้แต่วินาทีเดียว เพราะจะสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศมากมายมหาศาล
ถ้าอ่านแล้วเฉยๆ ลองดูเหตุผลประกอบการยุบสภาที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาโดย "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ครับ
...โดยที่นายกรัฐมนตรีได้นำความกราบบังคมทูลฯ ว่า ตามที่รัฐบาลได้เข้ารับหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดินตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๔ รัฐบาลได้มีความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความเท่าเทียมกันของประชาชนทั้งประเทศ นอกจากนั้น รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายและมาตรการต่างๆ ตามที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ซึ่งครอบคลุมทั้งภาคการเกษตร ภาคเศรษฐกิจอุตสาหกรรม รวมไปถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ สร้างสมดุลและความเข้มแข็งอย่างมีคุณภาพให้แก่ระบบเศรษฐกิจมหภาค เพื่อรองรับสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและนานาประเทศ
รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการปฏิรูปการเมืองโดยการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างกว้างขวาง แต่เนื่องจากปัจจุบันได้เกิดปัญหาความขัดแย้งและความแตกแยกของชนในชาติ ส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินตลอดจนชื่อเสียงของประเทศชาติ ทั้งนี้ รัฐบาลได้พยายามคลี่คลายปัญหาด้วยสันติวิธีและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและวิถีทางของรัฐธรรมนูญแล้วก็ตาม แต่ไม่อาจยุติปัญหาดังกล่าวได้ จึงเห็นสมควรยุบสภาผู้แทนราษฎร และจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมืองให้แก่ประชาชนทั้งประเทศ และให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง...
ร่ายยาว...
แต่เหตุผลที่ตรงประเด็นสุดคือ มีความขัดแย้งของคนในชาติ
ความขัดแย้งเกิดจาก "ยิ่งลักษณ์" จะออกพระราชกำหนดนิรโทษกรรมให้พี่ชายตัวเอง
นิรโทษกรรมจากคดีคอร์รัปชัน
มวลมหาประชาชนออกมาชุมนุมเรือนล้าน มากเป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทย
นั่นคือสาเหตุที่ "ยิ่งลักษณ์" ต้องตัดสินใจยุบสภา
ฉะนั้นเมื่อเทียบสถานการณ์บ้านเมืองในวันที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ และรัฐบาลประยุทธ์ยุบสภา จึงแตกต่างกันมาก
เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างไรถึงต้องหยิบยกขึ้นมา
สำคัญครับ
เพราะเมื่อรัฐบาลเป็นตัวจุดชนวนสร้างความขัดแย้ง จนต้องยุบสภา จะส่งผลไปถึงบรรยากาศในการเลือกตั้งโดยตรง
๒ ครั้งแล้วที่ต้องเลือกตั้งท่ามกลางความขัดแย้ง สุดท้ายกลายเป็นการเลือกตั้งโมฆะ
ครั้งแรก การเลือกตั้งวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๔๙ หลัง "ทักษิณ ชินวัตร" ประกาศยุบสภา เพราะการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประท้วงรัฐบาลโกงทั้งโคตร
พรรคฝ่ายค้าน ขณะนั้นประกอบด้วย ประชาธิปัตย์ ชาติไทย มหาชน คว่ำบาตรการเลือกตั้ง ไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง
และผู้สมัครจำนวนหลายสิบเขต ได้คะแนนน้อยกว่าคะแนนโหวตโน
ขณะที่ กกต.จัดคูหาเลือกตั้งแบบใหม่ หันออกนอกหน่วยเลือกตั้ง ทำให้การกาบัตรไม่เป็นอิสระ
สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
ครั้งถัดมา วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ หลัง "ยิ่งลักษณ์" ยุบสภา เพราะความขัดแย้งจากความพยายามออกกฎหมายนิรโทษโกง กลุ่ม กปปส.เข้าขัดขวางไม่ให้มีการลงคะแนนหลายเขตเลือกตั้ง เพราะต้องการให้มีการปฏิรูปประเทศก่อน
ก่อนจบที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะเช่นกัน จากสาเหตุการเลือกตั้งไม่ได้ทำวันเดียวกันทั่วประเทศ
จะเห็นว่าทั้ง ๒ ครั้งรัฐบาลเป็นฝ่ายสร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้ง
แต่ครั้งนี้บรรยากาศดี พรรคการเมืองเตรียมตัวไปเลือกตั้งมานานหลายเดือนแล้ว
นี่คือสิ่งที่เกิดหลัง "ลุงตู่" บริหารประเทศครบ ๘ ปี.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ว่าด้วยเรื่องเคลมผลงาน
มากันเพียบครับ...ผู้รู้ทั้งนั้น!สารพัดคำแนะนำและคำเหน็บแนม หลัง ปปง.ยุครัฐบาลอนุทิน อายัด-ยึดทรัพย์ของแก๊งสแกมเมอร์ระดับหัวโจกที่อยู่ในเมืองไทย บ้างเยาะเย้ยว่าแค่อายัด ไม่ใช่ยึด พอเรื่องเงียบก็คืน
ทำไมไม่ยึดยุค 'อุ๊งอิ๊ง'
เขย่าพอหอมปากหอมคอ “เบน สมิธ” ชื่อนี้ตอนนี้ เหม็นยิ่งกว่าขี้ ไม่มีใครอยากเข้าใกล้
'เพื่อไทย' ไม่ไปต่อ
พรรคเพื่อไทยจะยื่นซักฟอกรัฐบาลหรือไม่? คำถามนี้เกิดจากคำตอบของนายกฯ อนุทิน วานนี้ (๓ ธันวาคม) "...คาดเข็มขัดนิรภัย..."
รอวันส้มเป็นรัฐบาล
ราคาคุยเยอะจริงๆ... ไม่มีพรรคไหนเก่งไปกว่าพรรคส้มแล้วครับ ไม่ได้ประชด แต่ตามรูปการณ์มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
พันศพ! เละเป็นโจ๊ก
กู่ไม่กลับ... "บิ๊กโจ๊ก" กำลังจะเละเป็นโจ๊ก ไม่รู้ไปเอาข้อมูลมาจากไหนว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ จำนวนมากเกินหลักพัน เน้นนะครับ เฉพาะที่หาดใหญ่
ปรากฏการณ์อภิสิทธิ์
นั่นไง.... บอกแล้วว่าอย่าประมาท “ปรากฏการณ์อภิสิทธิ์” วานนี้ (๓๐ พฤศจิกายน)

