วาทะร้อนของมาครง: 'ยุโรปต้องไม่ใช่ลูกไล่ของสหรัฐฯ'

เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอื้ออึง หลังจากประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสเสร็จจากการเยือนประเทศจีนเมื่อสัปดาห์ก่อน...และเสนอแนวคิดให้ยุโรปถอยห่างจากสหรัฐฯ และสถาปนาตนเป็น “อำนาจขั้วที่ 3" ของโลก

คนชื่นชมบอกว่าผู้นำฝรั่งเศสมีวิสัยทัศน์ยาวไกล ต้องการให้ยุโรปมีความเป็น “ตัวของตัวเอง” มากขึ้น

ไม่ถูกมองว่าเป็นลูกไล่ของสหรัฐฯ

หรือที่เขาชอบใช้คำว่า strategic autonomy ซึ่งแปลตรงตัวว่า “ความเป็นอิสระทางยุทธศาสตร์”

คนที่ด่าก็บอกว่ามาครงถูก สี จิ้นผิง หลอกใช้ เพราะไปนั่งคุยกับผู้นำจีนได้ไม่เท่าไหร่ก็หลงเสน่ห์และต้องมนตร์ขลังของจีนเสียแล้ว

สี จิ้นผิง ตั้งใจจะบอกกับผู้นำฝรั่งเศสว่า ปักกิ่งให้ความสำคัญกับบทบาทของเขาเป็นพิเศษ เพราะมองว่าเขาสามารถเล่นบทบาทนำในยุโรปเพื่อจะคบหากับจีนได้โดยไม่จำเป็นต้องผูกติดกับสหรัฐฯ

จีนต้องการให้ยุโรปถอยห่างจากวอชิงตัน เพราะไม่ต้องการให้มีการ “รวมหัว” ของตะวันตกเพื่อกดดันจีนในรูปของการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่สหรัฐฯ ได้กระทำต่อจีนมาตลอด

มาครงไปเยือนจีนครั้งนี้ เดิมมีเป้าหมายจะขอให้สี จิ้นผิง แสดงบทบาทสำคัญในการเกลี้ยกล่อมให้ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียยอมเจรจาสงบศึกกับยูเครน

แต่ดูเหมือนมาครงจะไม่ได้อะไรเป็นน้ำเป็นเนื้อในเรื่องนี้

ขณะที่สี จิ้นผิง น่าจะถือว่าประสบความสำเร็จ ที่ทำให้มาครงเปิดใจให้สัมภาษณ์เกือบจะทันทีว่า “ยุโรปต้องระวังไม่ให้ถูกดึงเข้าไปอยู่ตรงกลางความขัดแย้งของมหาอำนาจ...เช่นกรณีไต้หวัน”

พอเขาบอกว่า “ไต้หวันไม่ใช่ประเด็นที่มีความสำคัญลำดับต้นๆ ของยุโรป” เท่านั้นแหละ ก็เกิดอาการ “ทัวร์ลง" จากผู้นำหลายประเทศที่มองว่ามาครงถูกปักกิ่งล้างสมองเสียแล้ว

นักการทูตและ ส.ส.ในสหรัฐฯ และยุโรปกลางกับยุโรปตะวันออกตำหนิมาครงที่ “อ่อนข้อ” ให้ปักกิ่งและวิพากษ์สหรัฐฯ เหมือนจะสร้างช่องว่างในความสัมพันธ์กับอเมริกา

คนที่ต่อว่ามาครงอ้างว่า วอชิงตันเป็นผู้สนับสนุนอย่างแข็งขันของยุโรปในการบริหารจัดการกับผลกระทบจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

มาครงถูกตำหนิว่าออกมายืนเคียงข้างจีน ขณะที่กองทัพจีนเปิดการซ้อมรบทางทหารขนาดใหญ่รอบๆ ช่องแคบไต้หวันเพื่อตอบโต้การไปเยือนสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีไต้หวันเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านั้น

ที่กลายเป็นเรื่องเป็นราวก็คือ บทให้สัมภาษณ์ของมาครงบนเครื่องบินระหว่างเดินทางในจีนสองสื่อคือ Politico ของสหรัฐฯ และ Les Echos ของฝรั่งเศส

เมื่อถูกถามว่า การที่จีนให้ความสำคัญกับการเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ รวมถึงไต้หวัน ทำให้จีนมองว่ายุโรปเป็น “ตัวหมากรุกระหว่างสองกลุ่ม” มาครงกล่าวว่า ยุโรปต้อง “จดจ่อเฉพาะกับเป้าหมายของตนเอง”

ในประเด็นไต้หวัน มาครงตอบว่า

“มันเป็นประโยชน์ต่อเราหรือเปล่าที่จะเร่งเร้าเรื่องไต้หวัน? คำตอบคือ...ไม่”

และย้ำว่า “สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ การคิดว่าชาวยุโรปต้องกลายเป็น 'ผู้ตาม' ในเรื่องนี้...และต้องปรับตัวให้เข้ากับจังหวะของอเมริกาและปฏิกิริยาเกินเหตุของจีน” มาครงกล่าว

นอกจากนี้ มาครงยังเตือนให้ระวัง “กับดักสำหรับยุโรป” หากยุโรป “จมอยู่ในวิกฤตที่ไม่ใช่ของเรา” ขณะที่ยุโรปพยายามเป็นอิสระมากขึ้นในประเด็นด้านความมั่นค' กลาโหม และเศรษฐกิจ

เขาเสริมว่า หากมีความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-จีน "สองขั้ว" ยุโรปจะ "ไม่มีเวลาหรือวิธีการสร้างเอกราชทางยุทธศาสตร์ของเรา"

หากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น มาครงเห็นว่ายุโรป “จะกลายเป็นข้าราชบริพารแทนที่จะเป็นเสาที่สาม...ถ้าเรามีเวลาสร้างมันสักสองสามปี”

นักวิเคราะห์ที่เห็นแย้งกับมาครงบอกว่า การที่ผู้นำฝรั่งเศสพูดอย่างนั้นดูหมือนจะกล่าวเป็นนัยว่าสหรัฐฯ มีส่วนผิดต่อไต้หวันมากเท่ากับปักกิ่ง

ทำให้เกิดข้อสงสัยถึงจุดยืนของฝรั่งเศส และบั่นทอนความพยายามของสหภาพยุโรปที่จะเจรจากับปักกิ่ง

ภาพที่ออกมาก็คือ โลกจะเห็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่เสร็จสิ้นการเยือนจีนด้วยความรู้สึกอิ่มเอม และฝ่ายจีนก็เปิดการซ้อมรบทางทหารรอบๆ เกาะไต้หวันทันที

เป็นภาพที่ตอกย้ำว่า มาครงพบสี จิ้นผิง แล้วก็วิพากษ์สหรัฐฯ ขณะที่แสดงความพึงใจกับปักกิ่งในนโยบายไต้หวัน

จังหวะที่มาครงมาเยือนจีนรอบนี้ตรงกับช่วงที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนถูกยกระดับขึ้นภายใต้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน

และในขณะที่นักการเมืองสหรัฐฯ ได้พบกับผู้นำไต้หวันบ่อยขึ้น รวมทั้งการเยือนแคลิฟอร์เนียครั้งประวัติศาสตร์ของประธานาธิบดีไต้หวัน ไช่ อิง-เหวิน

ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ปักกิ่งมองว่าเป็นการยั่วยุตน

นักการเมืองสหรัฐฯ บางคนออกมาต่อว่าต่อขานมาครงอย่างไม่เกรงใจและค่อนข้างฉับพลัน

ส.ส.สหรัฐฯ คนหนึ่งบอกว่า ถ้ามาครงคิดอย่างนั้นจริง  สหรัฐฯ ก็คงต้องทบทวนนโยบายสนับสนุนยูเครน ซึ่งวอชิงตันเห็นว่าเป็นการช่วยเหลือยุโรปในการสกัดกั้นภัยคุกคามจากรัสเซียด้วย

ถึงแม้สมาชิกสภาคองเกรสจะบอกว่า “หากมาครงเป็นตัวแทนของยุโรปทั้งหมด และจุดยืนของพวกเขาในตอนนี้ก็คือจะไม่เลือกข้างระหว่างสหรัฐฯ และจีนกรณีไต้หวัน บางทีสหรัฐฯ ก็ไม่ควรเข้าข้างใครเช่นกัน...และปล่อยให้พวกเขา จัดการกับยูเครน และปล่อยให้ยุโรปแก้ปัญหายูเครนเอง...”

แต่ทำเนียบขาวยังไม่พร้อมที่จะปะฉะดะกับผู้นำฝรั่งเศส โดยออกแถลงการณ์ว่าสหรัฐฯ มี “ความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ยอดเยี่ยม” กับฝรั่งเศส

"ฝรั่งเศสกำลังมีบทบาทที่คึกคักในอินโด-แปซิฟิก" จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าว “เช่นปฏิบัติการทางเรือในย่านอินโด-แปซิฟิก ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับความพยายามร่วมกันของพวกเราทุกคน...เพื่อให้มั่นใจว่าเรากำลังยืนหยัดเพื่อความมั่นคงและความปลอดภัย ความเจริญรุ่งเรือง และอินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง”

นักการทูตอาวุโสของสหภาพยุโรปบอกว่า ความเห็นของมาครงจะส่งผลกระทบต่อทั้งยุโรปและยูเครน และมีผลทางลบต่อความสัมพันธ์ของยูเครนกับสหรัฐฯ

และนั่นอาจจะทำให้สหภาพยุโรปแสดงจุดยืนที่เป็นเอกภาพต่อปักกิ่งได้ยากขึ้น

นักการทูตยุโรปบางคนบอกว่านี่ไม่ใช่ชัยชนะสำหรับใคร  “ยกเว้น สี จิ้นผิง”

               ชัดเจนว่ามาครงได้พยายามอย่างยิ่งยวด ที่จะยกบทบาทของตนให้โดดเด่นในการเจรจาทางการทูตที่ซับซ้อนระหว่างสหรัฐฯ จีน และรัสเซีย

มาครงไม่ได้เล่นบทนี้เฉพาะในฐานะผู้นำฝรั่งเศสเท่านั้นแต่ยังต้องการจะถูกมองว่าเป็นผู้นำของสหภาพยุโรปด้วย

มีผลทำให้พันธมิตรบางราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรปตะวันออกที่รู้สึกขุ่นเคืองกับท่าทีของมาครง ที่พยายามจะกีดกันผู้นำชาติอื่นในยุโรปบางคนไม่ให้มีบทบาทมา “แย่งซีน” ของตน

สมาชิกสภานิติบัญญัติของลิทัวเนียคนหนึ่งบอกว่า มาครงมีปัญหาในการประเมินสถานการณ์

เขาบอกว่าผู้นำฝรั่งเศสคนนี้อาจจะมีปัญหา “ตาบอดทางภูมิรัฐศาสตร์”

และทำอะไรที่ “ขัดต่อผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ของสหภาพยุโรปและนาโต”

เพราะผู้นำยุโรปบางคนเปรียบการที่ปักกิ่งกระทำต่อไต้หวันนั้น มีความละม้ายกับสิ่งที่รัสเซียกำลังกระทำต่อยูเครน...และอดีตประเทศคอมมิวนิสต์หลายแห่งในยุโรปตะวันออกก็รู้สึกถึงภัยคุกคามนั้น

มาครงกลับจากจีนครั้งนี้ต้องมาชี้แจงกับพรรคพวกเพื่อนฝูงในยุโรปกันยกใหญ่

และต้องยกหู “เคลียร์ใจ” กับโจ ไบเดน ที่ทำเนียบขาวกันอีกหลายรอบทีเดียว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’

ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon  โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ