เรื่องของ 'ลุงป้อม' กับ 'พี่ตู่'

เรียกนายกฯ ว่า "ลุงตู่" ไม่ได้แล้วนะ ต่อจากนี้

ต้องเรียก "พี่ตู่"

เพราะล่องใต้ไป "ตรัง-พัทลุง-สงขลา" วานซืน  เกิดได้ยาดี ฟิตปึ๋งปั๋ง ถึงขั้นประกาศที่สงขลา

ต่อจากนี้ ให้เรียก "พี่ตู่"!

"ยาดี" ที่ว่า ไม่ใช่ "ยาพระ-ยาผีบอก" ที่ไหน

ก็พี่น้องชาวใต้ "แฟนคลับ" ที่มามะรุม-มะตุ้มแห่แหนลุงตู่กันนับหมื่น-นับแสนนั่นแหละ คือ "โอสถทิพย์"

จาก "ลุงตู่" ที่ตะลอนหาเสียงจนละห้อย-ละเหี่ย หมดเรี่ยวหมดแรง ตามประสาคน Gen B

พลันเห็นคลื่นมหาชนคนใต้ "มากันด้วยใจ" มาตะโกนให้กำลังใจ...ลุงตู่อยู่ต่อ..ลุงตู่สู้ๆ..ลุงตู่ เบอร์ ๒๒

เสียงตะโกนและคลื่นมหาชนสุดลูกหู-ลูกตานั้น

อย่างที่ลุงป้อมว่า "ใจบันดาลแรง" นั่นละ ใช่เลย!

จากหมดเรี่ยว-หมดแรง กลับฟิตปึ๋ง-แข็งปั๋ง จาก "ลุงตู่-Gen B" พลิกเป็น "พี่ตู่-Gen X" ไม่ทันข้ามวัน

เพิ่งไปทำเมืองใต้ "ตลาดแตก" มาหมาดๆ แท้ๆ

เมื่อวาน (๒ พ.ค.) ลุงตู่ไปแหวกทะเลเมืองชล ทำหนองมน "ตลาดแตก" มาอีก

"สุชาติ ชมกลิ่น" เจ้าถิ่นงี้ ปลื้มจนหุบยิ้มไม่ลง!

ปกติในยุทธจักร มี ๒ ลุง คือ "ลุงป้อม-ลุงตู่"

ตอนนี้ เหลือ "ลุงป้อม" ลุงเดียวแล้ว เพราะ "ไอ้ตู่" น้องเล็กของลุงป้อม

ลดน้ำหนักไปอยู่ในพิกัด "พี่ตู่" โดยมีพี่น้องใต้ที่สงขลาเป็นสักขีเรียบร้อย!

แต่จะว่าไป คนวัย ๖๐ สมัยนี้ เขาเรียก "หนุ่มฉกรรจ์" เป็นวัย "ชีวิตเพิ่งเริ่มต้น"

๗๐ ไปแล้ว นั่นเขาเรียก "หนุ่มใหญ่" ก็ยังไม่แก่อยู่ดี

๗๕-๗๙ นั่นแหละ เรียกว่า "รถไฟเข้าเทียบชานชาลา" คือแก่ได้ที่

พอ ๘๐ ปุ๊บ...อย่างผมเนี่ย จัดอยู่ในชั้น "แก่เกินแกง"!

แต่อย่าง "ลุงป้อม" น่ะ ยังหรอก....

ถึงเป็นรถไฟ ก็อีกตั้ง ๒-๓ สถานี กว่าจะเข้าเทียบชานชาลา ที่เห็นท่านตุ้มต๊ะ-ตุ้มตุ้ย เดินเหินช้านั้น ต้องเข้าใจให้ถูกว่าไม่ใช่เพราะอายุสังขาร

หากแต่ร่วมสิบปีก่อน ท่านไปผ่าตัด ไม่รู้หมอผ่าท่าไหน บังเอิญไปถูกเส้นประสาทบางเส้น ทำให้ท่านเดินดูเหมือนคนชรา

มีลูกน้องท่านมาเล่าให้ฟังนานแล้ว ผมก็ลืมไป เพิ่งมานึกขึ้นได้ตอนช่วงหาเสียงนี่แหละ

คือแรกๆ ผมก็ห่วงลุงป้อม คุยผ่านการเขียนเตือนคนในพรรคท่านตรงนี้ว่า อย่าให้ลุงป้อมตระเวนขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงมากนัก

เกิดพลาดพลั้ง "หกล้ม-หกลุก" ขึ้นมา จะเสียใจกันไปทั้งหมด!

เออ...แต่ก็แปลก ทีแรกนึกว่าลุงป้อมพูดเล่น ที่ว่า "ใจบันดาลแรง" พอมาเห็น "พี่ตู่" ใส่เกียร์ ๕ เร่งเครื่องระยะนี้

เมื่อเทียบกับ "ลุงป้อม"

ปรากฏว่า "พี่ตู่" ดูบักโกรกกว่า "ลุงป้อม" ที่ว่าป้อแป้ซะอีก!

คิดๆ ก็จริงแฮะ "ใจบันดาลแรง"

พระพุทธองค์ตรัส "ใจเป็นประธานทุกสิ่ง ทุกสิ่งสำเร็จที่ใจ"

ที่ "ลุงป้อม" นำทัพพลังประชารัฐตระเวนใต้-ตระเวนเหนือ ขึ้นเวทีปราศรัยต่อเนื่อง

ไม่ทิ้งลาย "ผู้นำทัพ" ไม่แสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยล้ายากลำบากแม้แต่น้อย

นี่...เท่ากับ "ตอกย้ำ-ยืนยัน" ใจบันดาลแรงอย่างหนึ่ง, ลุงป้อมยังไม่แก่อย่างที่เข้าใจกันอย่างหนึ่ง

อีกอย่างที่ได้ใจผม คือ "ภาวะผู้นำ" ของลุงป้อม!

เปรียบการศึก ช่วงนี้ คือช่วง "รบประจัญบาน" ลุงป้อมทำให้ "ตำราพิชัยสงครามของซุนวู" ขลังยิ่งขึ้น

ในกองทัพที่ผู้นำทัพอ่อนแอ "ทัพนั้นแพ้ตั้งแต่ยังไม่รบ"

ดังนั้น จึงไม่เห็น "ลุงป้อม" แสดงอาการท้อ อาการถอดใจ ตรงกันข้าม ลุงป้อมอยู่ในบท "แม่ทัพใหญ่" ผู้ฮึกเหิม

นำลูกทัพ "พลังประชารัฐ" ตะลุย ๘  ทิศ ผมเห็นแล้วต้องขอคารวะ นับถือ..นับถือ!

"พี่ตู่" ก็ไม่ต่างกัน แบกทั้งงานหลวงในฐานะ "ผู้นำรัฐบาล" ทั้งงานราษฎร์ในฐานะ "แคนดิเดตนายกฯ พรรค"

ต้อง "กินตอนนอน-นอนตอนกิน" ประมาณนั้น นอกจากใจที่แกร่งแล้ว การตรากตรำ "พักผ่อนไม่พอ" ทำให้ซูบผอม จนตาโหล โหนกแก้มสูง

ซ้ำมือที่ถูกของจาก "มนตร์ดำ" ก็ยังไม่หาย!

เดิมพันของ "พี่ตู่" ในเลือกตั้ง ๑๔ พฤษภา.เป็นเดิมพัน "Do or die" คือ ถ้าไม่นายกฯ ก็กลับบ้านสถานเดียว

นับแต่ระฆังเลือกตั้ง "ยกแรก" ดัง

จนวันนี้ เข้า "ปลายยกที่ ๔" วัดจากโพล ไม่ปรากฏมีโพลไหนที่ "พี่ตู่" นำเลย

ลึกๆ ในใจแล้ว เป็นใครก็เหนื่อยในเหนื่อย  แต่พลันพี่ตู่นำทัพลงพื้นที่เอง

การได้พบหน้า เห็นแววตา ได้สัมผัสบรรยากาศในหมู่พี่น้องประชาชนด้วยตัวเองแล้ว

โพลในกระดาษกับบรรยากาศที่สัมผัสเอง จากใจถึงใจนั้น ทำให้พลเอกประยุทธ์รับรู้สัญญาณจากชาวบ้านด้วย "จิตวิญญาณ" ทันที ว่า

สิ่งที่คิด มิใช่สิ่งที่เป็น สิ่งที่เห็น มิใช่สิ่งที่สัมผัส มือที่กอดรัด เสียงที่ร้องเรียกลุงตู่..ลุงตู่ สู้ๆนะ และดวงตาที่ฉายแวว รัก-จริงใจของชาวบ้าน อันมิใช่สินจ้างให้เสแสร้ง

นั่นคือ "พลังงานสะอาด"

เท่ากับพลังคลื่นจิตจักรวาลชาวบ้านชาร์จกระตุกพลเอกประยุทธ์ให้ตื่นรู้พลังศรัทธามหาชนที่มีกับตนว่ามากล้นขนาดไหน?!

คลื่น "จิตจักรวาล" ถ้าแปลเป็นคำบ้านๆ ก็คือ "พลังเงียบ"

ผมว่า ตอนนี้ คลื่นจิตจักรวาลระหว่างนายกฯประยุทธ์กับประชาชนในฝ่าย "พลังงานสะอาด" จูนกันติดแล้ว!

ประเด็นอยู่ว่า "คณะบริหารรวมไทยสร้างชาติ" จะผนึกกำลังทัพให้เป็นหนึ่งอยู่ใต้ธงรบพลเอกประยุทธ์ผู้นำทัพได้ขนาดไหน?

และในยุทธศาสตร์ด้านไหน ภายใต้เงื่อนไขเวลา ๑๑ วันที่เหลือตอนนี้!

คุย "เรื่องพี่-เรื่องลุง" ก็ติดลม พาพัดออกอ่าว-ออกทะเลไปไกล เข้าเรื่องซักนิดนะ เดี๋ยวจะว่ามีแต่น้ำ

คือเมื่อวาน กกต. ๒ ท่านแถลงข่าว ตอนหนึ่งบอกว่า

"กรณีมีข่าวว่าจะมีการยุบพรรคก่อนการเลือกตั้ง ขอย้ำ "ไม่มีสัญญาณเรื่องการยุบพรรค"

แต่อาจจะมีอะไรเกิดขึ้นในช่วง ๑-๒ วันนี้ ซึ่งเรื่องอะไรที่ไม่ถูกต้องจะแจ้งให้ทราบ"

แล้วแย้มเป็นนัยๆ ว่า....

"(กกต.) จะมีการพิจารณาถึงการดำเนินคดี เบื้องต้นมี ๒ เรื่อง กรณีการจัดดีเบตที่ จ.ชลบุรี

ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ใช้คำพูดระบุว่า “ปี ๖๒ กกต.เปลี่ยนแปลงสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ" และ

กรณี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช แกนนำพรรคเพื่อไทย ดีเบตในเวทีเนชั่น ระบุว่า "กกต.เปลี่ยนสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ"

ทั้งที่ "ศาลรัฐธรรมนูญ" มีคำวินิจฉัยว่าการดำเนินการของ กกต.ชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็ยังใช้คำพูดเหล่านี้ เพื่อให้ตนได้คะแนนนิยม

ซึ่ง กกต.จะพิจารณาเรื่องนี้ "หลังการเลือกตั้ง" เพราะถ้าทำตอนนี้ จะมีผลต่อคะแนนเสียง

เบื้องต้นให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมข้อมูล ซึ่งการจะดำเนินคดีกับใครนั้น จะเป็นมติของ กกต."

อืมมมม.........

ก็เอาให้จริงซะทีเถอะ หลายอย่างมันตำหู-ตำตา เห็น กกต.เฉย ก็ได้ใจ ตีค่า กกต.เป็นอย่างนั้น-อย่างนี้ ไม่เกรงกันเลย

ก็ลองดูนะ เมื่อแถลงออกไป

มันจะ "ชูแต่หางเองอ้า อวดอ้างฤทธี" อีกขนาดไหน?

 

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

๕ ธันวา ‘ฟ้าอวยชัย’

๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๐ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”

ประณีต 'ข้าวแบรนด์โลก'

เมื่อ ๘๐-๙๐ ปี ที่แล้ว.... ในหนังสือเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ ครูให้ท่อง “สินค้าส่งออกที่ขึ้นหน้า-ขึ้นตาของไทย" ไม่ใช่ “ดินสอพอง” หรือ “แป้งผัดหน้า”

เงิน ‘ประชามติ’ แจกน้ำท่วม

มันเป็น “ความสุขอย่างหนึ่ง” ของคน “บางจำพวก” ที่ได้อาศัย “ความทุกข์” ชาวบ้าน จากน้ำท่วมหาดใหญ่และหลายๆ จังหวัดในภาคใต้ ยกเป็นเหตุ ขยี้ขยำ ตำกระทืบ “นายกฯ อนุทิน”

“มิตรในยามยาก”

“หาดใหญ่”...มันใหญ่ที่ไหน รู้มั้ย? มันใหญ่ที่ “ใจ” นั่นไง! มหาอุทกภัยครั้งนี้ ก็เข้าใจ ว่ามันรากเลือดหนักหนา-สาหัส แต่ทำไงได้

‘ดี-ร้าย’ อยู่ที่ ‘มุมมอง’

แล้วก็มาถึง “เดือนสุดท้ายของปี ๒๕๖๘ จนได้! นึกย้อนไปเมื่อ ๒๑ ปีที่แล้ว ๒๖ ธันวา.๔๗ “สึนามิ” ถล่ม ๖ จังหวัดใต้ ภูเก็ต, พังงา, ระนอง, กระบี่, ตรัง และสตูล ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เสียชีวิต ร่วม ๖,๐๐๐ คน เจ็บประมาณ ๘,๐๐๐ คน และสูญหายจำนวนมาก