
เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมเขียนเรื่อง ที่มาว่า ทำไมสหรัฐอยู่เคียงข้างอิสราเอลตลอดเวลา ในสัปดาห์นี้ผมจะเขียนเรื่อง เหตุผลว่าทำไมสหรัฐจึงอยู่เคียงข้างต่อครับ
อย่างที่เขียนคราวก่อน เมื่อเจอคำถาม ทำไมสหรัฐต้องอยู่เคียงข้างอิสราเอล? บางคนจะตอบทันทีว่า “ก็พวกยิวมันเป็นเจ้าของเงิน แล้วเงินซื้อการสนับสนุนได้ สหรัฐเลยต้องเกรงใจ ไม่เห็นต้องคิดอะไรมาก!!!” ถ้าตอบแบบนี้ก็ถูกส่วนหนึ่งครับ แต่ถูกแบบดิบๆ ถูกแบบไม่ต้องใช้อะไรคิด…แต่ก็ไม่ผิดนะครับ… แน่นอนคำตอบจะหมุนเวียนรอบๆ คำว่า “ผลประโยชน์” “อิทธิพล” และ “เงิน” อันนี้ผมไม่เถียง แต่มันลึกไปกว่าแค่ “ยิวเป็นเจ้าของเงิน”
ตั้งแต่หลังจากอิสราเอลชนะสงคราม Six Day War ในปี 1967 และแสดงพลังให้สหรัฐเห็นว่าเขาเป็นพันธมิตรที่พึ่งพาได้ เป็นพันธมิตรที่ยืนหยัดด้วยตนเองได้ และเป็นพันธมิตรที่มีกองกำลังต่อสู้กับศัตรูได้ดี โดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากใคร ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา สหรัฐกับอิสราเอลจึงมีความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นจนถึงวันนี้ อย่าลืมว่าก่อนหน้านั้น สหรัฐไม่ได้ถือหางอิสราเอล พันธมิตรถาวรและเหนียวแน่นของอิสราเอลหลังสงครามโลกครั้งที่สองคือฝรั่งเศส
หลังปี 1967 พันธมิตรแท้เปลี่ยนจากฝรั่งเศสมาเป็นสหรัฐแทน และความสัมพันธ์ทั้งการทูต การทหารและการเงิน แน่นกว่าเดิมโดยสิ้นเชิง แน่นอนทางสหรัฐอยากปกป้องผลประโยชน์ของตนเรื่องน้ำมันในภูมิภาค โดยมีพันธมิตรที่พึ่งพาได้ เช่น อิสราเอล แต่สิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ยั่งยืน และทำให้วาระของอิสราเอลต้องอยู่ลำดับต้นๆ ของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย (ของสหรัฐ) คือพลังของคนยิวทั่วสหรัฐ อันนี้จะรวมถึงพลังของเงินเขาก็ได้นะครับ แต่ไม่ใช่ว่าคนยิวทุกคนจะร่ำรวยและเป็นมหาเศรษฐี
ในสหรัฐมีสองกลุ่มที่มีพลังและอิทธิพลต่อสมาชิกคองเกรส คือกลุ่มที่นับถือศาสนาคริสต์ และกลุ่มคนยิว ย้ำอีกครั้งครับ ไม่ใช่เพราะเขาเป็นมหาเศรษฐีทุกคน ไม่ใช่เพราะอำนาจเงินของเขา แต่ด้วยเหตุผลว่าสองกลุ่มนี้มีบทบาทและคลุกคลีเรื่องการเมืองระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ต่อเนื่องและสม่ำเสมอ สองกลุ่มนี้จะใส่ใจและสนใจเรื่องการเมือง ทั้งที่เกี่ยวกับชีวิตของเขาโดยตรงกับเรื่องการเมืองระดับชาติ ดังนั้นพลังเสียงของสองกลุ่มนี้จึงมีอิทธิพลต่อบรรดานักการเมืองทุกระดับ ทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ เนื่องจากสองกลุ่มนี้ “อิน” เรื่องการเมืองเยอะ ดังนั้นพลังเสียงของเขาจึงมีน้ำหนักสูง
แน่นอนว่าคนยิวต้องเห็นชอบเรื่องราวสนับสนุนอิสราเอลอยู่แล้ว อันนั้นไม่เถียง แต่กลับกลายเป็นว่า ชาวคริสต์มีความเห็นไม่ต่างกับคนยิวที่จะต้องสนับสนุนอิสราเอล เลยมีพลังสูง 2 เท่าตัว ทำไมชาวคริสต์จึงสนับสนุนให้สหรัฐหนุนอิสราเอล? เหตุผลไม่ลึกซึ้งอะไรครับ เหตุผลเพียงเพราะอิสราเอลเหมือนเป็นประเทศและวัฒนธรรมเดียวในซีกตะวันออกกลางที่คล้ายๆ สหรัฐ หรือถ้าพูดแบบหยาบๆ อิสราเอลเป็นสังคมและประเทศที่ “เหมือน” พวกเขาที่สุด และเขา “คุ้นเคย” กว่าประเทศอื่นในภูมิภาค อย่าลืมนะครับ ผมไม่ได้พูดถึงกลุ่มมีอำนาจหรือมหาเศรษฐีทั้งหลาย ผมพูดถึงคนธรรมดาทั่วไป ทั้งคริสและยิว ที่ใส่ใจและสนใจเรื่องการเมือง เลยเป็นพลังเสียงในเขตเลือกตั้งทุกที่ในสหรัฐครับ
เหตุผลต่อจากนี้อาจตรงคำตอบ “ยิวเป็นเจ้าของเงิน” ก็ได้ครับ
นอกจากพลังเสียงคนยิวกับคนคริสต์ พลังคนยิวผ่านพวก Lobbyist มีสูงมากครับ และกลุ่ม Lobbyist ที่มีพลังสูงคือกลุ่ม the American Israel Public Affairs Committee (AIPAC) สังเกตไหมว่า ผมไม่ได้ใช้คำว่า “อิทธิพล” แต่ผมใช้คำว่า “พลัง” แทน เพราะมีข้อสังเกตว่า AIPAC ประสบความสำเร็จในการผลักดันให้สหรัฐถือหางอิสราเอล มากกว่าพลังเสียงคนยิวทั่วไปหรือไม่? ที่สหรัฐถือหางอิสราเอลมาจากแรงผลักดันของ AIPAC หรือเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำเองอยู่แล้ว โดยไม่ต้องมีกลุ่ม AIPAC คอยผลักดันตลอดเวลา?
อันนี้จะไม่มีคำตอบชัดเจน เพราะกลุ่ม AIPAC มีหน้าที่หลักคือผลักดันเรื่องอิสราเอลให้กับสมาชิกคองเกรสและรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งเขาทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีเยี่ยม แล้วเขามีเงินมหาศาลผลักดันเรื่องที่เขาอยากผลักดัน แต่เพราะผลงานของกลุ่มนี้จึงทำให้ความสัมพันธ์อิสราเอลกับสหรัฐใกล้ชิดขนาดนี้เหรอ? ถ้าตอบคำถามคอลัมน์นี้ตั้งแต่แรกว่า “ยิวเป็นเจ้าของเงิน” ก็คงตอบว่า “ใช่”
แต่อย่างที่บอกครับ คำตอบไม่ได้ดิบแค่นั้น ความจริงอาจจะมีหลายปัจจัยที่ทำให้สหรัฐต้องถือหางอิสราเอล แต่ 3 เหตุผลที่ผมเขียนในวันนี้น่าจะเป็นเหตุผลหลักครับ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
SEA Games แบบไทยๆ
คงไม่มีข่าวอะไรที่คนสนใจเท่ากับเรื่องผู้มีชื่อเสียง ผู้มีอำนาจหลายท่านมีรูปถ่ายกับเบน สมิธ ซึ่งถ้าโลกสวยเมื่อบุคคลเหล่านี้บอกว่าไม่รู้จักเขา เพียงถ่ายรูปเฉยๆ
ถ้าต้นไม้ล้มในป่าแล้วคนไม่ทำคอนเทนต์ ไม่ลงรูปลงโซเชียล…จะมีเสียงไหม?
“ต้นไม้ที่ล้มในป่าจะมีเสียงหรือไม่ หากไม่มีคนอยู่ในที่นั่น?” หรือเป็นภาษาอังกฤษคือ “If a tree falls in a forest and no-one is around to hear it, does it make a sound?”
'คำพูดเป็นนายเรา'ยังจริงไหม?
เรื่องการกลับลำของประธานาธิบดี Donald Trump เกี่ยวกับ Epstein Files ผมว่าตลกดี เพราะตั้งแต่เป็นประธานาธิบดี Trump พูดแล้วพูดอีกว่า
'Thailand. Taiwan? Thailand. Taiwan?' Ok, yes. Taiwan.'
วันนี้ขออนุญาตเขียนเรื่องที่คนไทยทุกคนที่เคยใช้ชีวิตในต่างแดนเจอทุกๆ คน ยิ่งต่างแดนที่เป็นเมืองฝรั่งๆ หน่อย ผมกล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่าคนไทย 100% ต้องเจอทุกคน
SNAP ดีหรือไม่ดี?
ในที่สุดท่าทีการยุติ Government Shutdown ในสหรัฐที่จะยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ อาจสิ้นสุดลงแล้ว ไม่ใช่เพราะความพยายาม หรือการประนีประนอม
Back to the Future…
กราบสวัสดีแฟนคอลัมน์ทุกท่านครับ ครั้งสุดท้ายที่เจอกันวันนี้ ชีวิตผมเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง เดี๋ยวผมค่อยเล่า วันนี้ขออนุญาตเป็นเรื่องเบาๆ ซึ่งหลายคนอาจบอกว่าไร้สาระ หรือน่าหมั่นไส้ก็ได้ แต่ขอสักวันละกัน

