
เกือบ 2 สัปดาห์กับผลการเลือกตั้งในสหรัฐ ที่สร้างความประหลาดใจให้กับคนทั่วไป เว้นบรรดานักวิเคราะห์แม่นๆ….หลังผลออกมา พวกนี้ยังพูดเต็มปากเต็มคำว่า “Trump ชนะอยู่แล้ววววว ผมรู้ตั้งนานแล้ว” ทำให้ผมคิดในใจว่า “ก่อนผลออกมา มึงไม่เห็นพูดอะไรสักคำ” เอาเถอะครับ ปล่อยให้เขาเก่งของเขา
สำหรับคนทั่วไป ผมเชื่อว่าผลการเลือกตั้งยังเป็นประเด็นที่คนจะพูดถึงอีกสักระยะหนึ่ง และเมื่อผลออกมาแล้ว ใครวิเคราะห์อย่างไรก็ถูกหมดครับ ดังนั้นวิเคราะห์อะไร ถือว่าเสียเวลา แต่ข้อมูลที่น่าสนใจคือ ครั้งนี้ Trump ตั้งใจเจาะฐานเสียงพรรค Democrat ไม่ว่าจะเป็นคนผิวดำ ชนชั้นกลาง กลุ่มแรงงาน กลุ่มลาตินอเมริกัน และกลุ่ม Gen Z อายุระหว่าง 18-29 ปี โดยเฉพาะ Gen Z ผู้ชายครับ
ส่วนใหญ่กลุ่ม 18-29 ปีจะเอนไปทางเสรีนิยม และจะเอนไปทาง Democrat แต่ในครั้งนี้จำนวนไม่น้อยเลือก Trump กัน ซึ่งคะแนนกลุ่มนี้เรียกว่า Bro Vote
ขออธิบายนิดหนึ่ง Bro ย่อมาจากคำว่า Brother ใช้เรียกเพื่อน เรียกคนใกล้ชิด เรียกคนกันเอง จะเรียกว่า Brother ก็ได้ ถ้าเปรียบเทียบกับไทย เวลาผู้ชายสนิทกันมักจะใช้ “กูกับมึง” ใช่ไหมครับ? ความเป็น Brother อาจใกล้เคียงขั้นนั้น อาจอยู่ระดับเดียวกัน แต่ขั้น “กูกับมึง” จะต้องเป็นเพื่อนซี้มาก ประเภทเพื่อนตายกับเพื่อนรัก
การเป็น Brother ก็เป็นเพื่อนซี้ได้เหมือนกัน แต่ไม่เสมอไป ผมมีเพื่อนหลายคนที่ผมถือว่าเป็น Brother กัน คือเราซี้กัน กินเหล้ากัน ด่ากันเล่นได้ แต่มีความห่างนิดหนึ่ง จึงไม่สามารถใช้ “กูกับมึง” กับเขาได้ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับอายุที่ห่างกัน หรือเกี่ยวกับหน้าที่การงาน มันเป็นเพียงแค่ความจริงว่า เราเป็น Brother ซึ่งกันและกัน เอาเข้าจริง ถ้าใช้คำว่า “กูกับมึง” กับเขา มันจะรู้สึกเขินและแปลกๆ ครับ
ส่วนคำว่า Bro ในความหมายทั่วไป ไม่มีความหมายอื่นนอกจากคำว่า Brother บางคนอาจเลือกใช้คำว่า Bro แทน Brother เพราะอยากจะดูใกล้ชิด อยากดูกันเองกว่า เพราะ Brother ดูเป็นทางการไปหน่อย (ในความคิดหลายคน) ยกตัวอย่างง่ายๆ ครับ ถ้าบอกว่า Job is my bro ก็ฟังดูดี ความหมายตรงตัวแปลว่า “เราซี้กับไอ้จ๊อบ” แต่ถ้าบอกว่า Job is a bro ผมไม่ถือว่าเป็นคำชมครับ จะเป็นภาพพจน์ที่ออกมาทางลบมากกว่า
พอพูดถึงภาพพจน์ของ a bro จะนึกถึงเด็กอเมริกันผิวขาว อายุระหว่าง 18-30 ปี นุ่งขาสั้น เสื้อยืด และมีเสื้อคลุม ซึ่งจะเป็นเสื้อแขนยาวปล่อย หรือจะเป็นเสื้อประเภท sweatshirt หรือ hoodie แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือจะใส่หมวกกลับด้าน พอนึกภาพออกไหมครับ? ส่วนใหญ่เวลาพวกเราใส่หมวก เรามักจะใส่ป้องกันตัวเองจากแดดใช่ไหมครับ? แต่วิธีการใส่หมวกของ a bro จะเอาส่วนที่บังแดดข้างหน้าอยู่ด้านหลังคอ (เพื่ออะไรผมไม่รู้) ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเขา ส่วนเรื่องการแต่งตัวจะใส่กางเกงขาสั้นหรือใส่ขายาว ใส่เสื้อยืดหรือจะใส่เสื้อปล่อย ก็แล้วแต่ ภาพที่ติดหัวอันดับแรกเวลานึกถึง a bro คือใส่หมวกกลับด้าน
ภาพพจน์ความเป็น a bro จะนึกถึงเด็กผิวขาวที่ไม่ยากจน อยู่ชนชั้นกลางขึ้นไป ส่วนใหญ่เรียนมหาวิทยาลัย และชอบ Party นอกจากหมวกกลับด้านที่เป็นสัญลักษณ์ อีกสิ่งที่จะคู่กับ a bro คือเบียร์ และไม่รู้ทำไมเวลานึกถึง Party ตามมหาวิทยาลัย จะนึกถึงบรรดา bros ทั้งหลายกินเบียร์ แต่ไม่ได้กินจากกระป๋องหรือขวด จะกินจากแก้วพลาสติกมากกว่า
ความเป็น a bro จะเปรียบเสมือน “คุณหนู” บ้านเราก็ได้ ทั้งสองกลุ่มนี้มีส่วนคล้ายกัน “คุณหนู” ติดหรูนิดๆ มีความเป็นอำเภอเมืองสูง ถ้าจะให้ลุย ลุยได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าให้เลือกขออยู่ในห้างติดแอร์ a bro ก็มีความเป็น “คุณหนู” แต่ในบริบทฝรั่ง คือเขาสามารถดูแลตัวเองได้ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และมีความมั่นใจในตัวเอง ถ้าเปรียบเทียบแล้ว a bro ยังดิ้นรน อยากสร้างตัว มากกว่าพึ่งพาพ่อแม่
แต่ทั้งสองกลุ่มมีส่วนคล้ายกันคือ ถ้าเจอจิ๊กโก๋ปากซอยจะดูถูกเขาพอสมควร แต่ถ้าเจอจิ๊กโก๋ปากซอยพร้อมยกพวกตีเขา บรรดา bros กับคุณหนู ไปไม่เป็นเหมือนกัน
ดังนั้นภาพพจน์ของความเป็น a bro ไม่ได้ทำให้คนรู้สึกชื่นชอบ ชื่นชมอะไรทั้งสิ้น ถ้าว่ากันตรงๆ ภาพพจน์ของ a bro ออกมาในทางน่ารำคาญ และเป็นภาพลบเสียมากกว่า ซึ่งไม่ต่างกับ “คุณหนู” หรือกลุ่มเด็กแว้นบ้านเรา ดังนั้น เวลาใครเรียกผมว่า Bro ผมเข้าใจว่าเขาพยายามจะบอกว่าผมเป็น Brother เขา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและผมยินดีมากๆ เพียงแต่อยากให้รู้ว่า bro มีความหมายที่ออกไปทางลบด้วย
แต่สำหรับการเลือกตั้งสหรัฐครั้งนี้ Bro Vote ออกมาสนับสนุน Trump เป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว การเจาะฐานเสียงกลุ่มนี้คือให้ออกบรรดา Podcast ที่เข้าถึงไม่ว่าจะผ่าน Podcast ของ Joe Rogan (ซึ่งถือว่าเป็นราชากลุ่ม Bros) Theo Von และ Logan Paul
ลูกชายของ Trump วิงวอนให้คุณพ่อหันมาสนใจและใส่ใจคะแนน Bro Vote เพราะเขาเห็นว่ากลุ่มนี้ไม่ได้พึงพอใจอะไรกับทิศทางความเป็นอยู่และอนาคตของสหรัฐ ภายใต้การดูแลของ Joe Biden กลุ่ม Bros มีความรู้สึก พลังเสียงกลุ่ม “ดัดจริตชน” มีบทบาท และเริ่มดังกว่าพวกเขา พวกเขาเห็นว่าสังคมอเมริกันออกมาในทางซับซ้อนไปหน่อย เรื่อง Transgender เรื่อง Non-binary เรื่อง Political correct ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ดีก็ตาม แต่มันล้นสังคมเกิน และสิ่งสำคัญกว่านั้นคือ เหมือนเรื่องเหล่านี้จะถูกยัดใส่มือและปากเขา เหมือนบังคับต้องกลืนเข้าไป
Bros รู้สึกว่าสหรัฐจะออกเสรีเกินไป และพวกเขาเหมือนไม่รู้จุดยืน เขาจะอยู่ที่ไหน เขารู้สึกว่าพรรคเดโมแครตไม่ตอบโจทย์เขาแล้ว และประเทศเสียหลัก พอ Trump หันมาคุยกับพวกเขา เขารู้สึกว่า Trump เข้าใจพวกเขา และเป็นตัวแทนพวกเขาได้
อย่างที่บอกครับ ตอนนี้ผลออกมาแล้ว ใครวิเคราะห์อย่างไรถือว่าถูกหมด แต่เรื่องของ Bro Vote เป็นเรื่องน่าสนใจ เพราะความห่วงใยของ Bros จะสะท้อนความรู้สึกของคนอเมริกันจำนวนไม่น้อยทีเดียว
วันนี้เนื้อหาคอลัมน์จะมาจากข้อมูลที่ผมค้นคว้า (บ้าง) แต่สารภาพว่าข้อมูลหลักๆ มาจากความคิดเห็นลูกหลานที่อยู่สหรัฐ ที่บังเอิญเป็นกลุ่ม Bros กับเพื่อนฝูงเขาครับ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
SEA Games แบบไทยๆ
คงไม่มีข่าวอะไรที่คนสนใจเท่ากับเรื่องผู้มีชื่อเสียง ผู้มีอำนาจหลายท่านมีรูปถ่ายกับเบน สมิธ ซึ่งถ้าโลกสวยเมื่อบุคคลเหล่านี้บอกว่าไม่รู้จักเขา เพียงถ่ายรูปเฉยๆ
ถ้าต้นไม้ล้มในป่าแล้วคนไม่ทำคอนเทนต์ ไม่ลงรูปลงโซเชียล…จะมีเสียงไหม?
“ต้นไม้ที่ล้มในป่าจะมีเสียงหรือไม่ หากไม่มีคนอยู่ในที่นั่น?” หรือเป็นภาษาอังกฤษคือ “If a tree falls in a forest and no-one is around to hear it, does it make a sound?”
'คำพูดเป็นนายเรา'ยังจริงไหม?
เรื่องการกลับลำของประธานาธิบดี Donald Trump เกี่ยวกับ Epstein Files ผมว่าตลกดี เพราะตั้งแต่เป็นประธานาธิบดี Trump พูดแล้วพูดอีกว่า
'Thailand. Taiwan? Thailand. Taiwan?' Ok, yes. Taiwan.'
วันนี้ขออนุญาตเขียนเรื่องที่คนไทยทุกคนที่เคยใช้ชีวิตในต่างแดนเจอทุกๆ คน ยิ่งต่างแดนที่เป็นเมืองฝรั่งๆ หน่อย ผมกล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่าคนไทย 100% ต้องเจอทุกคน
SNAP ดีหรือไม่ดี?
ในที่สุดท่าทีการยุติ Government Shutdown ในสหรัฐที่จะยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ อาจสิ้นสุดลงแล้ว ไม่ใช่เพราะความพยายาม หรือการประนีประนอม
Back to the Future…
กราบสวัสดีแฟนคอลัมน์ทุกท่านครับ ครั้งสุดท้ายที่เจอกันวันนี้ ชีวิตผมเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง เดี๋ยวผมค่อยเล่า วันนี้ขออนุญาตเป็นเรื่องเบาๆ ซึ่งหลายคนอาจบอกว่าไร้สาระ หรือน่าหมั่นไส้ก็ได้ แต่ขอสักวันละกัน

