
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีสารพัดเรื่องที่น่าสนใจและน่าเขียนถึง
เรื่องแรกต้องเป็นเรื่องประกาศกฎอัยการศึกในเกาหลีใต้ เพราะเป็นเรื่องไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้น และถือว่าเป็นการประกาศฟ้าผ่าทีเดียว ซึ่งทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง (และไม่เกี่ยวข้อง) ตะลึงและตกใจกันเป็นแถว ถึงแม้ตอนนี้สถานการณ์คลี่คลายและสงบลงแล้วก็ตาม ณ เวลาที่ผมเขียนคอลัมน์นี้อยู่ (5 ธันวา.) ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ยังอยู่ในตำแหน่ง ซึ่งถ้าเขายังอยู่ในตำแหน่งในวันที่แฟนคอลัมน์อ่านบทความนี้ ผมจะแปลกใจมาก ผมเลยยังไม่อยากเขียนเรื่องนี้ เพราะกว่าจะถึงวันอาทิตย์ ทุกอย่างอาจเปลี่ยนแปลงก็ได้
อีกเรื่องคือครบ 40 ปี (เมื่อวันที่ 2 ธันวา.) เหตุการณ์โศกนาฏกรรม Bhopal ที่มีก๊าซพิษ (Methyl Isocyanate) รั่วไหลออกจากโรงงานของ Union Carbide India Limited ทำให้มีผู้บาดเจ็บและผู้กระทบถึง 500,000 ราย มีผู้เสียชีวิตกว่า 25,000 ราย ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากความประมาทของมนุษย์แท้ๆ ความประมาทบวกกับเห็นแก่ผลกำไรมากกว่าเห็น คุณค่าของชีวิตผู้คนรอบๆ โรงงาน
สรุปย่อๆ ก๊าซพิษดังกล่าวรั่วไหลออกจากโรงงานเพราะคุณภาพของถังเก็บต่ำกว่ามาตรฐานเกินคำอธิบาย ทางโรงงานก็รู้ บริษัทแม่ก็รู้ แต่ตราบใดที่ไม่มีเหตุอะไรเกิดขึ้น ไม่มีความกระตือรือร้นจะเข้าไปแก้หรือปรับ ตราบใดที่โรงงานมีผลกำไร ทางเจ้าของและบริษัทแม่ผลัดการแก้ไขออกไปเรื่อยๆ จนเกิดเหตุเมื่อคืนวันที่ 2 ธันวาคม 1984 ที่ก๊าซพิษรั่ว และทำให้ผู้คนที่อยู่ในชุมชนรอบๆ โรงงานต้องสูดอากาศที่เต็มไปด้วยพิษ
จนถึงบัดนี้ผลจากก๊าซพิษรั่วยังมีผลอยู่ครับ เด็กรุ่นหลังเกิดมาพิการทางร่างกายและสมองเป็นรุ่นๆ เนื่องจากชุมชนรอบโรงงานเป็นชุมชนแออัด ผู้คนยากจน และเป็นกลุ่มชนชั้นในอินเดียที่ต่ำสุด (กลุ่ม Dalit) เงินทอง การศึกษา และการดูแลจากหน่วยงานรัฐมีแบบพื้นๆ มีก็เหมือนไม่มี มีเพื่อบอกว่ามี หรือจะพูดตรงๆ ก็คือ มีเป็นพิธีเฉยๆ
เมื่อเห็นภาพและรื้อฟื้นความทรงจำเหตุการณ์ Bhopal มันมีแต่ความสะเทือนใจ
อีกเรื่องที่หนีไม่พ้นคือเรื่องการอภัยโทษลูกตัวเองของประธานาธิบดี Joe Biden
ผมเข้าใจคนที่ออกมาประณามและด่า Biden ยับเยิน เพราะตามหลักตามเกณฑ์ Biden ควรโดนด่า และสหรัฐ (รวมถึงโลกซีกตะวันตก) คงไม่ต้องมาเทศน์พวกเรา เวลาเขาเห็นว่าเราทำอะไรไม่เหมาะไม่สม หวังว่าโลกฝรั่งทั้งหลายจะไม่ได้มาสั่งสอนพวกเราเรื่องจริยธรรม เรื่องประชาธิปไตย เรื่องความถูกต้องต่อไป เพราะเรื่องที่ Biden อภัยโทษลูกตัวเองนั้นมันทุเรศจริงๆ ครับ
แต่ในฐานะพ่อ…ผมเข้าใจ
ย้ำอีกครั้งครับ ที่ Biden ตัดสินใจออกคำสั่งอภัยโทษลูกตัวเองตามอำนาจเต็มของประธานาธิบดีนั้น มันน่าประณาม มันน่าด่า และเอาตรงๆ มันหน้าด้านสุดๆ ถ้าผมเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต ผมไม่รู้จะเอาหน้าไว้ไหน ถ้าผมเป็นผู้สนับสนุน Biden และทีมงานที่ต้องออกมารับเรื่องนี้แทนนั้น ผมจะลำบากใจมาก เพราะจะปกป้องเต็มที่ก็ไม่สามารถพูดด้วยความเชื่อและความเต็มใจ ผมเห็นใจผู้เป็นโฆษกรัฐบาล Biden ที่ต้องออกมารับไฟล์เต็มๆ
แต่ในฐานะพ่อ…ผมเข้าใจ
เนื่องจากวันนี้ (วันที่เขียน) เป็นวันพ่อแห่งชาติ ทั้งวันในวันนี้ผมมีแต่เรื่องนี้อยู่ในหัว ผมรำลึกถึงรัชกาลที่ 9 ผมนึกถึงและคิดถึงคุณพ่อผม และผมภาคภูมิใจที่ผมเป็นพ่อของลูกผม และขอแถมอีกนิดหนึ่ง ผมดีใจแทนน้องผมคนหนึ่งที่พยายามมีลูกมานาน แต่ไม่สำเร็จสักที ลองทางธรรมชาติแล้วก็ไม่สำเร็จ ปรึกษาหมอหลายรอบก็ไม่สำเร็จ จนท้อและเครียด และใกล้ทำใจว่าในชีวิตนี้คงไม่มีลูก แต่จักรวาลของเรามีวิธีทำงานที่เหนือคำอธิบาย พอเขาถึงจุดยอมแพ้และยอมรับสภาพ อยู่ๆ แฟนท้องขึ้นมา และเพิ่งคลอดเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ทำให้เขาได้เป็นพ่อมือใหม่ในวันพ่อแห่งชาติครั้งแรก ผมเลยดีใจกับน้องครับ
เหมือนปีแรกที่ผมได้ฉลองวันพ่อในฐานะพ่อของลูกเมื่อ 9 ปีที่แล้ว
สารภาพเลยว่า ตอนหนุ่มๆ ก่อนแต่งงาน ก่อนมีครอบครัว ผมค่อนข้างจะแคร์ว่าใครติชมผม ผมตั้งใจทำความดีโดยไม่ได้หวังว่าใครจะชื่นชมออกนอกหน้าขนาดนั้น แต่เวลาใครชื่นชม ผมก็ชอบและรู้สึกปลาบปลื้ม แต่ในยุคนี้ผมบอกได้เลยว่า จะไม่มีอะไรทำให้ผมรู้สึกภาคภูมิใจหรือปลาบปลื้มเท่ากับเวลาใครบอกว่าลูกผม “ดี”
อย่าเข้าใจผมผิดครับ ผมไม่ได้เป็นคนบ้ายอ ไม่เฟ้นหาคนมาชื่นชมผมเล่นๆ ผมไม่ใช่คนหูเบา และบ้าบอขนาดให้คนมายกย่องผมเป็นวันๆ (ซึ่งมันไม่มีอยู่แล้ว) แค่อยากจะเน้นว่าผมไม่ต้องการ ยิ่งถ้าคนประเภทปากหวานไม่จริงใจชื่นชมผมนั้นมันดูออกครับ ผมยิ่งไม่ต้องการ
แต่ถ้าคนที่ผมนับถือชื่นชม ซึ่งดูออกว่าเขาพูดจากใจของเขา ความรู้สึกผมมันยิ่งกว่าปลาบปลื้ม เพราะรู้ว่าเขาพูดจากใจ และในโลกแห่งความจริง พอยิ่งใกล้ชิดกับใคร ความสนิทและความรักจะแสดงออกด้วยปฏิกิริยาและการกระทำมากกว่าคำพูด ดังนั้นพอความชื่นชมผ่านคำพูดจากใจ มันเป็นความรู้สึกที่วิเศษ
ผู้ใหญ่ที่ผมเคารพยิ่งเคยพูดกับผมครั้งหนึ่งว่า เมื่อเขาเห็นลูกผม เขารู้เลยว่าลูกผม “ดี” และไม่มีอะไรต้องกังวลกับเขา เนื่องจากผมกับภรรยาเลี้ยงดูดีที่สุดแล้ว ผมบอกเลยว่าไม่มีคำชื่นชมอะไรดีกว่านั้นอีกต่อไปในชีวิตผม
เหมือนเวลาภรรยาผมจะพูดกับผมเป็นระยะๆ ว่า “You’re a good dad” ผมรู้สึกเขินก็จริง แต่ลึกๆ แล้วทำให้ผมใจอ่อน เหมือนเวลาคุณแม่ผมจะบอกว่าหลานเขาดูมีความสุข ทำให้ผมรู้สึกดีใจ ผมจึงเสียดายว่าคุณปู่ของลูกผมไม่มีโอกาสได้เล่นกับหลานเขา และไม่มีโอกาสเห็นผมในฐานะเป็นพ่อของหลานเขา
ในวันพ่อแห่งชาตินี้ ถ้าสื่อถึงพ่อๆ ทั้งหลายได้ ผมส่งใจและเป็นกำลังใจให้พวกเราทุกคนครับ วันพ่ออาจไม่หวานแหววและลึกซึ้งเท่ากับวันแม่ โลกภายนอกอาจไม่ยอมรับหรือเข้าใจความรับผิดชอบที่พวกเราต้องแบกและต่อสู้เพื่อครอบครัวของเรา พวกเราต้องแบกและต่อสู้เงียบๆ เพราะคนอื่นไม่รู้ หรือคนอื่นไม่อยากรับรู้ ผมเข้าใจครับ
สิ่งที่ Biden ทำมันทุเรศจริงๆ แต่ในฐานะพ่อ….ผมเข้าใจ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
SEA Games แบบไทยๆ
คงไม่มีข่าวอะไรที่คนสนใจเท่ากับเรื่องผู้มีชื่อเสียง ผู้มีอำนาจหลายท่านมีรูปถ่ายกับเบน สมิธ ซึ่งถ้าโลกสวยเมื่อบุคคลเหล่านี้บอกว่าไม่รู้จักเขา เพียงถ่ายรูปเฉยๆ
ถ้าต้นไม้ล้มในป่าแล้วคนไม่ทำคอนเทนต์ ไม่ลงรูปลงโซเชียล…จะมีเสียงไหม?
“ต้นไม้ที่ล้มในป่าจะมีเสียงหรือไม่ หากไม่มีคนอยู่ในที่นั่น?” หรือเป็นภาษาอังกฤษคือ “If a tree falls in a forest and no-one is around to hear it, does it make a sound?”
'คำพูดเป็นนายเรา'ยังจริงไหม?
เรื่องการกลับลำของประธานาธิบดี Donald Trump เกี่ยวกับ Epstein Files ผมว่าตลกดี เพราะตั้งแต่เป็นประธานาธิบดี Trump พูดแล้วพูดอีกว่า
'Thailand. Taiwan? Thailand. Taiwan?' Ok, yes. Taiwan.'
วันนี้ขออนุญาตเขียนเรื่องที่คนไทยทุกคนที่เคยใช้ชีวิตในต่างแดนเจอทุกๆ คน ยิ่งต่างแดนที่เป็นเมืองฝรั่งๆ หน่อย ผมกล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่าคนไทย 100% ต้องเจอทุกคน
SNAP ดีหรือไม่ดี?
ในที่สุดท่าทีการยุติ Government Shutdown ในสหรัฐที่จะยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ อาจสิ้นสุดลงแล้ว ไม่ใช่เพราะความพยายาม หรือการประนีประนอม
Back to the Future…
กราบสวัสดีแฟนคอลัมน์ทุกท่านครับ ครั้งสุดท้ายที่เจอกันวันนี้ ชีวิตผมเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง เดี๋ยวผมค่อยเล่า วันนี้ขออนุญาตเป็นเรื่องเบาๆ ซึ่งหลายคนอาจบอกว่าไร้สาระ หรือน่าหมั่นไส้ก็ได้ แต่ขอสักวันละกัน

