อยากถูก 'ยุบพรรค' ก็เชิญ!

น่าเอ็นดู....

"ดร.ปุรวิชญ์ วัฒนสุข" อาจารย์รัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์

เรื่อง "เพื่อไทย+พรรคประชาชน"

ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๕๖ และเพิ่มหมวด ๑๕/๑ เข้าที่ประชุมรัฐสภา ๑๓-๑๔ ก.พ.

เป้าหมาย "แก้" เพื่อ "ฉีก" รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันทิ้ง แล้วให้มี ส.ส.ร. ๒๐๐ คน เขียนฉบับใหม่ใช้แทน

๒๐๐ ส.ส.ร.นั้น ให้มาจากเลือกตั้ง เพื่อไทย-ประชาชนตั้งสเปกผู้สมัคร อายุ ๑๘ ปี ขึ้นไป สมัครเป็น ส.ส.ร.ได้เลย!?

จานรัฐศาสตร์ระดับดอกเตอร์ท่านนี้บอก วาระแรกให้ "รับหลักการ" ไปก่อน แล้วค่อยไปว่ากันในวาระสอง

เขามีเหตุผลสนับสนุนที่ให้ "รับไปก่อน" ว่า.....

ทั้งนี้ เพราะวรรคท้ายของคำวินิจฉัยที่ ๔/๒๕๖๔ ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า

 “รัฐสภามีหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยต้องให้ประชาชนได้ลงประชามติเสียก่อนว่า ประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงมติเห็นชอบหรือไม่อีกครั้งหนึ่ง”

ซึ่งตามคำวินิจฉัยดังกล่าว ศาลฯ ไม่ได้กำหนดว่า ต้องลงประชามติ ๒ หรือ ๓ ครั้ง พร้อมทั้งยังระบุชัดเจนว่า "เป็นอำนาจของรัฐสภา" ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ที่ดอกเตอร์ยกมานี้ "ไม่ผิด" หรอกครับ....

แต่ยกมาครึ่งเดียว ไม่ต่างนักเรียนลอกคำตอบโจทย์คณิตศาสตร์เพื่อนมาตอบ โดยตัวเองไม่รู้ที่มาของคำตอบ

ฉะนั้น ผมจะยกคำวินิจฉัยที่ ๔/๒๕๖๔ ของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อ ๑๑ มี.ค.๖๔ ส่วนประเด็นศาลฯ มีคำวินิจฉัย             เรื่องที่ "ประธานฯ วันนอร์" ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๐  วรรคหนึ่ง (๒)

กรณีมีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาในการเสนอร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม ของสมาชิกรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๕๖(๑) มาให้อ่านครบทั้งส่วนคำตอบและที่มาของคำตอบ

...............................

ประเด็นรัฐสภามีหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่?

กรณีมีประเด็นที่ต้องพิจารณาวินิจฉัยว่า รัฐสภามีหน้าที่และอํานาจจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่?

พิจารณาแล้วเห็นว่า.....

บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ได้กําหนดหลักการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไว้เป็น ๒ ระดับ ๓ ลักษณะ คือ

ระดับที่ ๑ สําคัญมาก

จะกําหนดให้การแก้ไขเป็นไปได้ยากมาก

ระดับที่ ๒ ไม่มีผลกระทบต่อรูปแบบของรัฐหรือโครงสร้างทางการเมืองมากนัก

จะกําหนดให้แก้ไขได้ในระดับที่ยากกว่าปกติ โดยคํานึงถึงการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายเป็นสำคัญ

ส่วน ๓ ลักษณะนั้น คือ

ลักษณะที่ ๑ ห้ามแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ

ลักษณะที่ ๒ การแก้ไขเพิ่มเติมในเรื่องต่อไปนี้

๑) หมวด ๑ บททั่วไป

๒) หมวด ๒ พระมหากษัตริย์

๓) หมวด ๑๕ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

๔) เรื่องที่เกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดํารงตําแหน่งต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ และ

๕) เรื่องเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของศาลหรือองค์กรอิสระ หรือเรื่องที่่ทําให้ศาลหรือองค์กรอิสระ ไม่อาจปฏิบัติตามหน้าที่และอํานาจได้ โดยให้รัฐสภาเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบ

ญัตติ "ขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ" ที่คณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภาหรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่าห้าหมื่นคนเป็นผู้เสนอแล้ว ต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติด้วย และ           

ลักษณะที่ ๓ การแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติอื่นใด ต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกของทั้งสองสภา

ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองที่สมาชิกไม่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบด้วย ไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบของทุกพรรคการเมือง ดังกล่าวรวมกัน

และต้องมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา

ดังนั้น "หลักการ" แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ กําหนดข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๕๕ มิให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยเด็ดขาด

ส่วน "หลักเกณฑ์" และวิธีการในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ต้องเป็นไปตามมาตรา ๒๕๖(๑) ถึง(๙)

และการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสามารถกระทำได้โดยประชุมร่วมกันของรัฐสภาตามมาตรา ๑๕๖(๑๕)

โดยกำหนดให้รัฐสภาประชุมร่วมกัน เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖ ซึ่งต้องดําเนินการตามหลักเกณฑ์ที่รัฐธรรมนูญกําหนดโดยเคร่งครัดว่า

กรณีใดที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ไม่สามารถแก้ไขเพิ่มเติมได้โดยเด็ดขาด ดังเช่นที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๕๕

หรือกรณีใด ที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้สามารถแก้ไขเพิ่มเติมได้ หากแต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญกำหนดโดยการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ ตามมาตรา  ๒๕๖ (๘)

การที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ยื่นญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยเสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... ทั้งสองฉบับต่อที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาตามมาตรา ๒๕๖

ซึ่งมีหลักการและเหตุผลให้มีการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้น โดยมีเนื้อหาสาระในร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมให้มีหมวด ๑๕/๑ การจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่

และมาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนญ ทำหน้าที่จัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามหมวดนี้ นั้น
เห็นว่า การที่รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๕๖(๑๕) บัญญัติให้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกระทำโดยที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา

มุ่งประสงค์ให้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นการใช้อํานาจของรัฐสภาโดยเฉพาะ

อย่างไรก็ดี รัฐธรรมนูญได้กําหนดให้กระบวนการใช้อํานาจนิติบัญญัติของรัฐสภาในกรณีดังกล่าว มีหลักเกณฑ์และวิธีการ ซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากการทําหน้าที่ในกระบวนนิติบัญญัติทั่วไป

โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญและรักษาความต่อเนื่องของรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ

กล่าวได้ว่าแม้รัฐสภามีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หากแต่เป็นอำนาจที่ได้รับมอบมา

ซึ่งถูกจำกัดทั้งรูปแบบกระบวนการและเนื้อหา

รัฐสภาจึงต้องทําหน้าที่ตามที่ได้รับมอบอย่างเคร่งครัด โดยไม่อาจกระทํานอกขอบของหน้าที่และอํานาจที่รัฐธรรมนูญกําหนดไว้ได้

การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจึงต้องอยู่ในเงื่อนไข ที่มีความผูกพันกับรัฐธรรมนูญฉบับเดิม ยึดโยงกับหลักการพื้นฐานและให้เหมาะสมและสอดคล้องกับมติมหาชน

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ หมวด ๑๕

เพียงบัญญัติให้สามารถแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้เท่านั้น

ไม่มีบทบัญญัติให้จัดทําขึ้นใหม่ทั้งฉบับ

การจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยวิธีการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ให้มีหมวด ๑๕/๑

ย่อมมีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐

อันเป็นการแก้ไขหลักการสําคัญที่ผู้มีอํานาจสถาปนารัฐธรรมนูญดั้งเดิมต้องการปกป้องคุ้มครองไว้

"หาก" รัฐสภาต้องการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องจัดให้ประชาชนผู้ทรงอํานาจสถาปนารัฐธรรมนูญออกเสียงประชามติเสียก่อน

ว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่

ถ้าผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วย

จึงดําเนินการจัดทําร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อไป

เมื่อเสร็จแล้ว....

ต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติว่าเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นการให้ประชาชนพิจารณาเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

แล้วจึงนําขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย

เมื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว จึงนําประกาศใช้ เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป อันเป็นกระบวนการจัดทํารัฐธรรมนูญตามครรลองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

๔.ผลคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยเหตุผลดังได้วินิจฉัยข้างต้น

ศาลรัฐธรรมนูญ จึงวินิจฉัยว่า.........

รัฐสภามีหน้าที่และอํานาจจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้

โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอํานาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติเสียก่อนว่า

ประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่?

และเมื่อจัดทําร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว      ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง

------------------------------

เห็นมั้ย คำวินิจฉัยจะ "ยึดโยง" ซึ่งกันและกันในแต่ละประเด็นความ จะรวบรัดสรุปว่า

แก้มาตรา ๒๕๖ เพื่อฉีกรัฐธรรมนูญแล้วตั้ง ส.ส.ร.เขียนใหม่ ศาลฯ บอกว่าทำได้โดดๆ แบบนั้น มันไม่ใช่

ศาลฯ ท่านปูพื้นมาเป็นลำดับว่า "ไม่มีบทบัญญัติให้จัดทําขึ้นใหม่ทั้งฉบับ"

แต่ถ้ารัฐสภาจะทำ ศาลฯ ใช้คำว่า "หาก"

หมายถึง ถ้าต้องการทำนอกเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ ต้องทำประชามติ ถามประชาชนก่อนว่าต้องการให้มีฉบับใหม่มั้ย?

นี่ ต้องทำประชามติ ๑ ครั้งก่อน ตามเงื่อนไข "หาก" ซึ่งนอกเหนือจากหลักเกณฑ์การทำประชามติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๕๖

ความต่อมา ศาลฯ บอกว่า "เมื่อจัดทําร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง"

ตรงนี้ มี ๒ ขั้นตอนซ้อนกันอยู่

คือถ้าผ่านประชามติ "นอกรัฐธรรมนูญ" ครั้งที่ ๑ แล้ว การแก้ไขเพิ่มเติม หมวด ๑ หมวด ๒ หมวด ๑๕ ก็ต้องกลับเข้ามาเดินในรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา ๒๕๖(๘)    

นั่นคือ ต้องทำประชามติ เป็นครั้งที่ ๒ ตาม(๘)

เมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ก็ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้ง คือเป็นครั้งที่ ๓ ตามคำวินิจฉัยศาลฯ

ยาวแล้ว สรุปจบเลยดีกว่า

ผมเห็นแย้งกับจานรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ท่านนั้นที่ให้สมาชิกรัฐสภาชุ่ยๆ คือ "รับหลักการ" ไปก่อน ในวาระแรก ว่า

ญัตติแก้เพื่อฉีกรัฐธรรมนูญของ "เพื่อไทย+พรรคประชาชน" แท้งนอกมดลูก ตั้งแต่ขั้น "รับหลักการ" ชัวร์

เพราะศาลฯ วินิจฉัยไว้แล้ว.......

"การจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยวิธีการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ให้มีหมวด ๑๕/๑

ย่อมมีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐"

นั่นเท่ากับ "ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"

อยาก "ถูกยุบพรรค" ก็เชิญเลย!

-เปลว สีเงิน

๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

 

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘หลวงพ่อสายทอง’

ปีใหม่ไปไหนกันจ๊ะ? -กลับไปเยี่ยมบ้านตามภูมิลำเนา -ไปท่องเที่ยว-พักผ่อน สุดแต่ตีนพาใจไปเท่ๆ

‘ไทยเฮฮา-กัมพูชาร้องไห้’

แล้วก็อีกปี.... จาก ๒๕๖๘ มาถึง ๒๕๖๙ จนได้! ตอน “๒ ยาม” ๓๑ ธันวา. ๖๘ เชื่อมต่อ ๑ มกรา. ๖๙ “ฮอตไลน์-สายด่วน” บอกเขมรเขาหน่อยนะ ว่าไทยจะจุดพลุตูมตามถวายเทวดา ในวาระ “ส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่”

ดูท่า 'ยก ๓' จะมาเร็ว

ใกล้วันปีใหม่..... กรุงเทพฯ "ยัดทะนาน" ด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปักหมุดมาเคาต์ดาวน์ “บางกอก”

กกต.ชี้ผู้สมัคร พรรคส้ม ถูกจับยังไม่เข้าลักษณะต้องห้าม

กกต.กทม. แจงผู้สมัคร ส.ส. เขต 33 ปชน. ถูกจับข้อหาฟอกเงิน–ยาเสพติด ยังไม่เข้าลักษณะต้องห้าม หากศาลยังไม่ตัดสินเด็ดขาด พร้อมย้ำการเปลี่ยนผู้สมัครทำได้เฉพาะกรณีลาออก ตาย หรือมีคำพิ

‘หยุดยิง’ ไม่ใช่ ‘หยุดรบ’

ช่วงนี้ เป็นช่วง “พักรบ” ยังไม่ใช่ช่วง “จบศึก” ระหว่างไทย-เขมร หรอก! มวย One Championship เขามี ๓ ยก ศึก “ไทย-เขมร” นี่เหมือนกัน เกจิทางยุทธการบอก น่าจะมี “ยกที่ ๓” แต่ตอนไหน...ไม่รู้