
Mark Carney จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา และพรรค Liberal จะได้เป็นแกนนำรัฐบาลชุดใหม่อีกต่างหาก ซึ่งเมื่อช่วงต้นปีนี้ ประโยคนี้ไม่มีทางจะพูดออกมาหรือเขียนออกมาได้ เพราะเมื่อต้นปี รัฐบาลภายใต้พรรค Liberal มีคะแนนนิยมตกเหว ดิ่งลงทุกวันๆ
ถ้าย้อนเวลากลับไปคงจำกันได้ว่า นายกรัฐมนตรีแคนาดา (ตอนนั้น) นาย Justin Trudeau คนหนุ่มไฟแรงที่อยู่ในตำแหน่งเกือบ 9 ปีเต็ม ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค Liberal เพื่อเปิดทางให้พรรคเลือกหัวหน้า
พรรคใหม่ แต่ไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ เพราะรอให้พรรคเลือกหัวหน้าใหม่ เมื่อพร้อมปุ๊บจะยุบสภาและเปิดทางให้หัวหน้าพรรคคนใหม่ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งทั่วไป
ตอนนั้นดูเหมือนพรรค Conservative ภายใต้แกนนำหัวหน้าพรรคชื่อ Pierre Poilievre คงเตรียมตัดชุดขาวกันเต็มที่แล้ว เพราะยังไงก็ชนะการเลือกตั้งแน่นอน พรรค Liberal เป็นแกนนำรัฐบาลยาวถึง 9 ปี ซึ่งในสังคมประชาธิปไตยแท้ๆ หรือมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์จริง ไม่ว่าพรรคไหนที่อยู่ยาวถึง 9 ปีนั้น สังคมที่เป็นประชาธิปไตยจะต้องมีอาการอยากเปลี่ยนเพื่อเปลี่ยน ไม่ต้องมีเหตุผลก็ได้ นายกรัฐมนตรีและพรรคแกนนำทำดีแทบตายก็ตาม เป็นเทวดาลงมาเกิดเพื่อเป็นรัฐบาลก็ตาม ในที่สุดคนจะเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลง เพราะอยากเปลี่ยนเฉยๆ….ยกเว้นประเทศอย่างสิงคโปร์ ที่สังคมกลัวการเปลี่ยนแปลง เลยมีแต่พรรคเดียวครองบ้านครองเมืองตลอดกาล เดี๋ยวไว้วันหลังเราคุยเรื่องนี้กันครับ…
จากพรรค Liberal ที่มีคะแนนนิยมตกเหวลงทุกวันๆ เป็นรัฐบาลต่อเนื่องนานถึง 9 ปี และมีหัวหน้าพรรค (Trudeau) ที่สร้างความ “รำคาญ” ให้กับคนแคนาดาจำนวนไม่น้อย จากวันนั้น จากจุดนั้น มาถึงวันนี้ เป็นพรรคชนะการเลือกตั้ง และมีหัวหน้าพรรคคนใหม่ที่ไม่ใช่นักการเมือง เป็นแกนนำรัฐบาลอีกสมัยหนึ่ง เขาทำได้อย่างไร? เพียงเพราะเปลี่ยนหัวหน้าพรรคเหรอ? เปลี่ยนปุ๊บทำให้คนแคนาดาเทคะแนนให้อย่างงั้นเลยเหรอ?
ถ้าพูดหยาบๆ และสรุปง่ายๆ คำตอบคือ 2 คำครับ….Donald Trump
สังคมแคนาดามีความแตกแยกกัน ไม่ต่างจากสังคมอเมริกันและสังคมไทย ฝ่ายที่รักสิ่งที่เขารัก ไม่เห็นด้วยกับอีกฝ่ายที่รักสิ่งที่เขารัก และต่างฝ่ายต่างถูก ถูกจนทะเลาะไม่เลิก ทะเลาะไม่จบ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ทำให้คนแคนาดาเกิดความสามัคคี และเกิดความปรองดองกัน คือความเกลียดชังที่มีต่อ Donald Trump ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเกลียดสหรัฐอเมริกา เพราะในฐานะเป็นเพื่อนบ้านกัน ต้องพึ่งพากัน
แต่ความเป็นเพื่อนบ้านจะต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง ใบไม้บ้านเขาร่วงเข้ามาในบ้านเราก็เกิดความรำคาญ บ้านเขาเปิดเพลงดังไปหน่อยก็เขม่นกันไป ถือเป็นเรื่องปกติ ถามว่ารักกันไหม ถ้าบ้านไม่ติดกัน คงไม่รู้จักกัน แต่พอต้องอยู่ติดกันขนาดนี้ มันต้องคลุกคลีและคบกัน
ความเป็นเพื่อนบ้านระหว่างแคนาดากับสหรัฐ ไม่ต่างจากความสัมพันธ์ของไทยกับเพื่อนบ้าน จะเรียกว่า “บ้านพี่เมืองน้อง” ไม่ได้อีกต่อไป เพราะบางประเทศไม่พอใจที่ประเทศอื่นจะมองว่าเป็น “น้อง” แคนาดากับสหรัฐเหมือนกันครับ สหรัฐเป็นประเทศมหาอำนาจของโลก แต่แคนาดาไม่ได้เป็น ดังนั้นคนอเมริกันชอบมองแคนาดากับคนแคนาดาว่าเป็นรองมาตลอด ซึ่งทำให้คนแคนาดาไม่พอใจและไม่ยอมรับมาตลอดเช่นเดียวกัน แต่ทำอย่างไรได้ เพื่อนบ้านดันเป็นประเทศมหาอำนาจของโลกเลยต้องรับสภาพไป
ยิ่งพอ Trump ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและประกาศให้แคนาดาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐนั้น ทำให้คนแคนาดาฟิวส์ขาด ซึ่งทำไมจะไม่ฟิวส์ขาด? ถ้าอยู่ๆ ผู้นำประเทศเพื่อนบ้านประกาศอย่างนี้ เราจะยิ้มรับและบอกว่า “Thank you” อย่างงั้นเหรอ? ไม่มีทางครับ คำพูดแบบนี้เหยียบหยามศักดิ์ศรีและดูถูกเกินไป คนแคนาดาที่เคยแตกแยกแทบทุกเรื่อง เลยปรองดองกันเพราะเรื่องนี้
ซึ่งยุทธศาสตร์การหาเสียงของหัวหน้าพรรค 2 พรรคหลัก ออกคนละแนวครับ
Poilievre กับพรรค Conservative มีความเห็นว่า เมื่อ Trump เป็นคนแบบนี้ นายกฯ ควรจะเป็นมิตรกับเขา เผื่อได้ต่อรองและเจรจาได้ง่ายขึ้น เพราะคนอย่าง Trump เขาจะดีต่อคนที่ดีกับเขา และถ้าเขา (Trump) ดีด้วย ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศจะราบรื่นและชื่นมื่น Poilievre และพรรค Conservative ถอดแบบวิธีการหาเสียงพรรค Republican คือเน้นเรื่องผู้ลี้ภัยที่ทะลักเข้ามาในประเทศ บทบาทของรัฐบาล และเน้นความเบื่อหน่ายที่ Trudeau กับพรรค Liberal บริหารประเทศให้เกิดปัญหามากมาย
ซึ่งถ้าเป็นปีอื่นๆ ในบรรยากาศการเลือกตั้ง “ปกติ” ยุทธศาสตร์พรรค Conservative นำชัยชนะแน่นอน แต่ปรากฏว่า ปรากฏการณ์ “รัฐที่ 51” เกิดกระแสต่อต้าน และเกิดคลื่นรักชาติ ปกป้องชาติอย่างแรง เป็นกระแสที่ Conservative มองข้าม
Carney กับพรรค Liberal ไปคนละทางเลยครับ ถือว่าเขาโหนและขี่คลื่นรักชาติ ปกป้องชาติ และต่อต้าน Trump (ถึงอเมริกานิดหน่อย) อย่างเต็มที่ Carney ประกาศว่า แคนาดาไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวเป็นเพื่อนกับคนอย่าง Trump เพื่อนที่ดีไม่ข่มขู่กันขนาดนี้หรอก ต่อเมื่อ Trump เปิดไต๋ว่าเป็นคนอย่างไร และคิดอย่างไรกับแคนาดา ทำไมแคนาดาต้องก้มกราบกับคนอย่างนี้? ประเทศอื่น ผู้นำอื่น มีตั้งเยอะตั้งแยะ เรื่องอะไรเราจะต้องลดศักดิ์ศรีเอาใจคนบ้าบออย่างนี้
เลยเกิดกระแสและปรากฏการณ์… "Elbows Up!!!!” ขึ้นมา
Elbows Up!!!! เป็นคำพูดที่มาจากนักฮอกกี้น้ำแข็งขั้นตำนานของแคนาดาชื่อ Gordie Howe ทั้งเก่งทั้งบู๊ ตอนแข่ง เขาพร้อมยิง Goal ได้ทุกเมื่อ และพร้อมชกต่อยกับคู่ต่อสู้ทุกเมื่อตัวพอๆ กัน ถ้านึกถึงภาพนักฮอกกี้น้ำแข็ง นอกจากจะยืนบนสเกตน้ำแข็งแล้ว จะมีอุปกรณ์ป้องกันตัวเยอะแยะมากมาย สัญลักษณ์และภาพติดตาของฮอกกี้น้ำแข็งคือ นักฮอกกี้ชกต่อยกันตลอด
แต่กว่าจะชกต่อยกันได้ จะต้องถอดชิ้นส่วนทีละชิ้นๆ เหลือแต่หมัดกับแขนเปล่า พร้อมชก นึกภาพออกไหมครับ? หมัดกันใบหน้า ทำให้ศอกต้องยกขึ้นพร้อมชก นั่นละครับที่มาของคำว่า Elbows Up
เป็นปรากฏการณ์ปลุกระดมให้คนแคนาดาลุกขึ้นสู้กับอันธพาลอย่าง Trump อย่างพร้อมเพรียงกัน ลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของคนแคนาดาและประเทศแคนาดา ให้ Trump รู้ไปว่า… "ถ้ามึงจะยึดประเทศกู มึงต้องผ่านกูก่อน และมึงต้องข้ามศพกูด้วย เพราะกูไม่ยอม!!!”
Mark Carney จะมีผลงานดีเด่นอะไรในสมัยนี้ หรือมีนโยบายโดนใจอะไร ต้องดูกันต่อครับ รู้แต่ว่าแค่ก้าวแรก กินใจคนแคนาดาเกือบทั้งประเทศไปแล้ว และสิ่งแรกที่เขาควรจะทำเมื่อดำรงตำแหน่ง นั่นคือจุดธูป เอาอาหาร ผลไม้และของหวานที่ Trump ชอบไปวางหน้ารูป Trump และรำแก้บนที่คุณชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ คุณชนะเพราะ Trump คุณควรจะขอบคุณเขาครับ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
SEA Games แบบไทยๆ
คงไม่มีข่าวอะไรที่คนสนใจเท่ากับเรื่องผู้มีชื่อเสียง ผู้มีอำนาจหลายท่านมีรูปถ่ายกับเบน สมิธ ซึ่งถ้าโลกสวยเมื่อบุคคลเหล่านี้บอกว่าไม่รู้จักเขา เพียงถ่ายรูปเฉยๆ
ถ้าต้นไม้ล้มในป่าแล้วคนไม่ทำคอนเทนต์ ไม่ลงรูปลงโซเชียล…จะมีเสียงไหม?
“ต้นไม้ที่ล้มในป่าจะมีเสียงหรือไม่ หากไม่มีคนอยู่ในที่นั่น?” หรือเป็นภาษาอังกฤษคือ “If a tree falls in a forest and no-one is around to hear it, does it make a sound?”
'คำพูดเป็นนายเรา'ยังจริงไหม?
เรื่องการกลับลำของประธานาธิบดี Donald Trump เกี่ยวกับ Epstein Files ผมว่าตลกดี เพราะตั้งแต่เป็นประธานาธิบดี Trump พูดแล้วพูดอีกว่า
'Thailand. Taiwan? Thailand. Taiwan?' Ok, yes. Taiwan.'
วันนี้ขออนุญาตเขียนเรื่องที่คนไทยทุกคนที่เคยใช้ชีวิตในต่างแดนเจอทุกๆ คน ยิ่งต่างแดนที่เป็นเมืองฝรั่งๆ หน่อย ผมกล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่าคนไทย 100% ต้องเจอทุกคน
SNAP ดีหรือไม่ดี?
ในที่สุดท่าทีการยุติ Government Shutdown ในสหรัฐที่จะยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ อาจสิ้นสุดลงแล้ว ไม่ใช่เพราะความพยายาม หรือการประนีประนอม
Back to the Future…
กราบสวัสดีแฟนคอลัมน์ทุกท่านครับ ครั้งสุดท้ายที่เจอกันวันนี้ ชีวิตผมเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง เดี๋ยวผมค่อยเล่า วันนี้ขออนุญาตเป็นเรื่องเบาๆ ซึ่งหลายคนอาจบอกว่าไร้สาระ หรือน่าหมั่นไส้ก็ได้ แต่ขอสักวันละกัน

