
เวลานี้ไม่ใช่เวลาอวดรู้
ไม่ว่าคุณจะชอบรัฐบาลชุดนี้ กับผู้นำคนนี้ เวลานี้ไม่ใช่เวลาสร้างความแตกแยก
ไทยเรายิ่งแตกแยกกันเองเท่าไหร่ ฝ่ายตรงข้ามยิ่งได้เปรียบ เรายิ่งแตกแยกเท่าไหร่ สำหรับคนที่ชอบดูถูกเขา รู้มั้ยว่าตอนนี้เขากำลังหัวเราะสะใจพวกเราอยู่ เพราะในโลกโซเชียลและในพื้นที่สื่อเต็มไปด้วยผู้คนรู้ดีทั้งนั้น ออกมาสั่งสอนว่าทหารควรทำอย่างงี้อย่างงั้น ทำไมไม่ทำแบบนี้ ทำไมไม่ทำแบบนั้น ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ไม่มีประสบการณ์ และไม่มีข้อมูลจริงอะไร
ผมเข้าใจครับ เมื่อฝ่ายตรงข้ามรุก แหย่ ยั่วยุ และยียวน เป็นใครก็โกรธ เป็นใครก็โมโห เป็นใครก็รำคาญ รู้ทั้งรู้ว่าเขาเป็นแบบนี้ ยียวนเราขนาดนี้ ทำไมเราต้องทน ทำไมเราต้องยอม?
เพราะเราถูกกระทำครับ ความถูกต้องมักจะไม่ถูกใจทุกคน มันง่ายที่จะเป็นฝ่ายกวน เพราะไม่มีอะไรจะเสียหาย ทุกครั้งที่เขาแสดงสันดานยั่วเรา เขาจะรีบวิ่งซ่อนตัวหลังชายกระโปรงพี่ใหญ่ที่ให้ท้ายเขาตลอด เหมือนบรรดาขี้ขลาดชอบอยู่หลังเพื่อน ให้เพื่อนปกป้อง หลังตัวเองสร้างปัญหา หาเรื่องคนอื่น
เวลานี้เป็นเวลาที่เราควรให้กำลังใจผู้เกี่ยวข้องโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นผู้นำ รัฐมนตรี หน่วยงานรัฐ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพทุกหน่วย พวกเราที่อยู่สบายในห้องแอร์ เสพข่าว เสพความคิดเห็นผ่านโซเชียลกับไลน์ พวกเราควรนั่งเงียบๆ กันซะ ปล่อยให้ผู้มีหน้าที่ทำหน้าที่ให้เต็มที่ ทั้งๆ ที่รู้ทั้งรู้ว่าผู้นำของเราขาดประสิทธิภาพอย่างไรก็ตาม อันนั้นค่อยเช็กบิลทีหลัง เวลานี้เป็นเวลาฝ่าย “เรา” คือประเทศไทย และฝ่าย “มัน” คือประเทศฝ่ายตรงข้าม ช่วงนี้เป็นเวลาที่คนไทยทั้งประเทศเป็น “เรา”
แต่พูดไปก็เท่านั้นแหละครับ บังเอิญในสังคมไทยเรา มีบรรดาอวดรู้เต็มบ้านเต็มเมือง (เยอะฉิบหาย) แล้วคนเหล่านี้มีเนื้อที่แสดงความคิดเยอะมาก เลยตั้งคำถามในใจว่า ใครต่อใครที่ชอบพูดว่าไทยเราไม่มีประชาธิปไตย ไม่มีประชาธิปไตยตรงไหน? ในประเทศที่บรรดาเสื้อแดง และกลุ่ม 3 นิ้ว ชอบหลบและหนีไปอยู่ (แล้วดีไม่ดีประเทศนั้นอ้าแขนต้อนรับ) ถ้าบรรดาคนที่อวดรู้แสดงความคิดเห็นในบ้านเขาเหมือนในบ้านเรา คุณคิดว่าเขาจะให้เหรอ? จะทำได้เหรอ?
เข้าเรื่องดีกว่า พอเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชาเกิดขึ้น เราเห็นฝ่ายเขาประกาศชัดว่าเขาไม่สนใจที่จะเจรจากับไทย เขาจะไปศาลโลกเท่านั้น ซึ่งคำว่า “ศาลโลก” น่าจะเป็นพื้นที่ที่เขารู้สึกปลอดภัย อย่างที่บอกครับ ยั่วยุและแหย่เราเสร็จ ค่อยวิ่งหลบซ่อนหลังชายกระโปรงพี่ใหญ่เขาทุกที วันนี้เราทำความเข้าใจและรู้จัก “ศาลโลก” กันบ้างดีกว่าครับ
ความจริงแล้ว ศาลระหว่างประเทศที่คนมักสับสนกันมีอยู่ 2 ศาล ศาลแรก คือ ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ International Criminal Court (ICC) กับศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ International Court of Justice (ICJ) ทั้ง 2 ศาลตั้งอยู่ที่ The Hague, Netherlands ครับ และศาล ICJ อันนี้แหละที่เรียกกันว่า “World Court” หรือ “ศาลโลก”
ICC เป็นศาลที่เอาผิดบุคคลระดับแกนนำระดับประเทศ หรือฝ่ายบริหารของประเทศ ที่กระทำผิดต่อมนุษยชน เช่น การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือเรื่องวิสามัญฆาตกรรม ศาล ICC ไม่ใช่ศาลเตี้ยเลย เขาเป็นศาลเต็มรูปแบบ มีอำนาจเต็มในการออกหมายเรียกและหมายจับ เขามีอำนาจเต็มในการว่าความที่เป็นที่ยอมรับระดับสากล…..ในเชิงทฤษฎีและหลักการ
แต่ในโลกแห่งความจริง ICC ถึงแม้เขาไม่ใช่ศาลเตี้ย แต่เขาเป็นเสือกระดาษครับ ออกหมายเรียกและหมายจับที่มีอำนาจเต็มก็ตาม ถ้าคนที่ถูกออกหมายนั้นเพิกเฉยซะ จะทำอะไรเขาได้? ทำอะไรไม่ได้เลยครับ เพราะ ICC ไม่มีเจ้าหน้าที่ไปยื่นหมายเรียกและหมายจับให้กับผู้ต้องหาในประเทศของเขา ทาง ICC ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ในประเทศนั้นๆ เป็นไม้เป็นมือให้ ถ้าประเทศนั้นๆ ร่วมมือด้วย เช่น กรณีฟิลิปปินส์ ที่ประธานาธิบดีอำนวยความสะดวกในการจับอดีตผู้นำขึ้นศาล ICC ทุกอย่างง่าย
แต่อย่าลืมว่า ICC ออกทั้งหมายเรียกและหมายจับ Vladimir Putin และ Bejamin Netanyahu เป็นเวลาหลายปี แล้วทั้ง 2 ท่านไม่ใส่ใจหรือสนใจ จุดอ่อนของ ICC ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เยอะคือ คนที่ถูกว่าความไม่ได้เป็นระดับ “บิ๊ก” จริงๆ เต็มที่ก็ผู้นำประเทศเล็กๆ ในทวีปแอฟริกาที่โลกไม่รู้จัก เอาเข้าจริง คน “บิ๊ก” สุดที่ ICC ออกหมายเรียก/หมายจับ และลากมาที่ศาลจริงจังคือ Rodrigo Duterte อดีตผู้นำฟิลิปปินส์นั่นแหละครับ
ส่วน ICJ เป็นศาลที่รับเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศเมื่อมีคู่กรณี 2 ฝ่ายชัดเจน ซึ่งความขัดแย้งในที่นี้หมายความว่า ปัญหาชายแดน ปัญหาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (ระหว่างประเทศ) การละเมิดสิทธิสัญญาที่เกี่ยวข้องกับกาเรคลมพื้นที่ หรือแม้แต่ความขัดแย้งเรื่องสิ่งแวดล้อม ที่ประเทศหนึ่งได้รับผลกระทบจากนโยบายของอีกประเทศหนึ่ง
ที่เรียก ICJ ว่าเป็น “ศาลโลก” หรือ “World Court” นั้น เป็นเพราะศาลนี้ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเป็น “ศาลไกล่เกลี่ย” ให้กับประเทศสมาชิกสหประชาชาติเมื่อมีความขัดแย้งกันขึ้น พูดง่ายๆ ครับ ถ้าประเทศใดเป็นสมาชิกสหประชาชาติ โดยอัตโนมัติจะเป็น “สมาชิก” ICJ ส่วนประเทศใดที่ ไม่ได้เป็นสมาชิกสหประชาชาติ จะถูกว่าความใน ICJ ได้หรือไม่? ได้ครับ เป็น Case by Case ตามความเห็นชอบขององค์ประชุมสหประชาชาติ และ/หรือคณะความมั่นคงของสหประชาชาติอีกที
ICJ เป็นศาลเต็มรูปแบบ เป็นศาลที่มีอำนาจเต็ม แต่ก็มีช่องโหว่เหมือนกันครับ
ICJ อาจไม่ถึงขั้น “เสือกระดาษ” เหมือน ICC เพราะในกรณีของ ICC เขาต้องพึ่งพาประเทศนั้นๆ ที่ผู้มีหมายอาศัยอยู่ ถ้ารัฐอำนวยความสะดวก ICC ไม่ใช่ “เสือกระดาษ” เพราะเขาว่าความเต็มรูปแบบได้เลย แต่ถ้ารัฐนั้นไม่เล่นด้วย ไม่อำนวยความสะดวกให้ หมายเรียก/หมายจับฉบับนั้นเป็นเพียงลายลักษณ์อักษรบนกระดาษแผ่นหนึ่ง และ ICC ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มอง และเป็นเสือกระดาษต่อ
ICJ แตกต่างกันครับ ICJ จะว่าความต่อเมื่อคู่กรณี 2 ฝ่าย (2 ฝ่ายเท่านั้น มือที่ 3 หรือประเทศตัวแทนอื่นไม่เกี่ยว) มายื่นเรื่องที่ ICJ เพื่อว่าความและหาทางออก ผ่านกระบวนการ ICJ ที่ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงและยินยอมกัน พูดง่ายๆ ครับ ICC ต้องออกหมายเรียก/หมายจับ ให้เกิด “action” แต่ ICC รับเรื่องและ “take action” ได้ ถ้าเผื่อทุกอย่างเข้าเกณฑ์และตามกระบวนการ
แต่ก็อีกครับ ICJ ก็มีช่องโหว่เยอะ สมมุติว่า ว่าความเสร็จ เรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศ A กับประเทศ B และศาลวินิฉัยว่าประเทศ A กระทำ “ผิด” ถ้าประเทศ A ไม่ยอมรับคำวินิจฉัย จะทำอะไรเขาได้? หรือประเทศ B ยื่นเรื่องฟ้องประเทศ A แต่ประเทศ A ไม่มาร่วมด้วย ไม่ขึ้นศาลด้วย จะทำอะไรเขาได้?
อย่าหาว่านี่คือเกมหรือกลไกอะไร ลองศึกษาดูประวัติของคำวินิจฉัย ICJ แล้วจะเห็นว่าหลายประเทศใช้กลยุทธ์นี้กันครับ
การที่ฝ่ายหนึ่งไม่ขึ้นศาลด้วย ไม่ได้หมายความว่า “หนี” หรือ “หลบ” เสมอไปครับ มันเป็นทางที่ถูกต้องเมื่ออีกฝ่ายเล่นสกปรก
วันนี้เป็นวันให้ความรู้พื้นๆ เกี่ยวกับสิ่งที่ปรากฏในข่าวช่วงนี้ ผมวิงวอนขอให้พวกเรายึดหลักค้นคว้าหาข้อมูลด้วยตนเอง อย่าเป็นทาสความคิดผู้อวดรู้ในโลกโซเชียล และข่าวมั่วในไลน์ เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เราควรขัดแย้ง หรือด่ากันเอง มันไม่ได้ทำให้สถานการณ์อะไรดีขึ้น มีแต่จะทำให้ประเทศที่เราชอบดูถูก มาดูถูกเราแทน
เวลานี้เป็นเวลาที่เราควรแสดงพลังของ “ไทยแลนด์”
ผมขอให้กำลังใจผู้นำ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง หน่วยงาน และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ และมอบใจให้กองทัพไทยครับ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
SEA Games แบบไทยๆ
คงไม่มีข่าวอะไรที่คนสนใจเท่ากับเรื่องผู้มีชื่อเสียง ผู้มีอำนาจหลายท่านมีรูปถ่ายกับเบน สมิธ ซึ่งถ้าโลกสวยเมื่อบุคคลเหล่านี้บอกว่าไม่รู้จักเขา เพียงถ่ายรูปเฉยๆ
ถ้าต้นไม้ล้มในป่าแล้วคนไม่ทำคอนเทนต์ ไม่ลงรูปลงโซเชียล…จะมีเสียงไหม?
“ต้นไม้ที่ล้มในป่าจะมีเสียงหรือไม่ หากไม่มีคนอยู่ในที่นั่น?” หรือเป็นภาษาอังกฤษคือ “If a tree falls in a forest and no-one is around to hear it, does it make a sound?”
'คำพูดเป็นนายเรา'ยังจริงไหม?
เรื่องการกลับลำของประธานาธิบดี Donald Trump เกี่ยวกับ Epstein Files ผมว่าตลกดี เพราะตั้งแต่เป็นประธานาธิบดี Trump พูดแล้วพูดอีกว่า
'Thailand. Taiwan? Thailand. Taiwan?' Ok, yes. Taiwan.'
วันนี้ขออนุญาตเขียนเรื่องที่คนไทยทุกคนที่เคยใช้ชีวิตในต่างแดนเจอทุกๆ คน ยิ่งต่างแดนที่เป็นเมืองฝรั่งๆ หน่อย ผมกล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่าคนไทย 100% ต้องเจอทุกคน
SNAP ดีหรือไม่ดี?
ในที่สุดท่าทีการยุติ Government Shutdown ในสหรัฐที่จะยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ อาจสิ้นสุดลงแล้ว ไม่ใช่เพราะความพยายาม หรือการประนีประนอม
Back to the Future…
กราบสวัสดีแฟนคอลัมน์ทุกท่านครับ ครั้งสุดท้ายที่เจอกันวันนี้ ชีวิตผมเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง เดี๋ยวผมค่อยเล่า วันนี้ขออนุญาตเป็นเรื่องเบาๆ ซึ่งหลายคนอาจบอกว่าไร้สาระ หรือน่าหมั่นไส้ก็ได้ แต่ขอสักวันละกัน

