
เอาล่ะ....
กรณีเขมรวางกับระเบิดที่ “ช่องบก” จนทหารของเราไปเหยียบจนขาขาดนั้น ก็ชัดเจนไปเรื่องหนึ่ง
จากการ “ยอมรับ” ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายเขมรเองว่า
พื้นที่วาง “กับระเบิด” นั้น....
“เป็นพื้นที่อยู่ในดินแดนของไทย!”
แต่โบ้ยว่า “ไทยวางเอง”
“นายเฮง รัตนา” อธิบดีศูนย์ปฏิบัติการกับระเบิดของกัมพูชา (CMAC) เป็นผู้ยอมรับ โดยโพสต์เฟซ เมื่อ ๑๙ ก.ค. ใจความว่า
“อนุสัญญาว่าด้วยการห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Ottawa Treaty) ได้กำหนดความรับผิดชอบของรัฐภาคีไว้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในมาตรา ๕
ทั้งนี้ สำหรับ 'กับระเบิด' ที่อาจถูกวางใหม่ 'ในฝั่งไทย' นั้น มีรายงานบนโซเชียลมีเดียจำนวนมากที่ระบุว่าเป็นฝีมือของกองทัพไทยเอง.......”
ประเด็นนี้ ฝ่ายไทยบันทึกไว้เป็นหลักฐานแล้ว
ส่วนประเด็น เขมรกล่าวหาไทยฝังกับระเบิดเองนั้น “พลตรีวินธัย สุวารี” โฆษกกองทัพบก ชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้
-ทุ่นระเบิดที่ตรวจพบบริเวณช่องบกและพื้นที่อื่นๆ เป็นระเบิดชนิด PMN-2 ซึ่งเป็นระเบิดสังหารบุคคล ผลิตจากประเทศรัสเซีย
กองทัพบกไทยไม่มีระเบิดชนิดนี้อยู่ในครอบครอง ไม่เคยมีอยู่ในสารบบการจัดหาเข้ามาใช้ในหน่วยทหารของกองทัพไทย
และไม่เคยมีการนำมาใช้ในการปฏิบัติงานในทุกพื้นที่แนวชายแดนแต่อย่างใด
-ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่เผยแพร่โดยสื่อ Fresh News ของกัมพูชา ซึ่งนำเสนอว่าเป็นหลักฐานการวางระเบิดของทหารไทยนั้น
ตรวจสอบพบว่าเป็นภาพจากภารกิจของศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม (T-MAC) ในช่วงการฝึกเก็บกู้ หรือช่วงเวลาพักของกำลังพล
ไม่ใช่การวางกับระเบิดแต่อย่างใด
การนำเสนอข้อมูลในลักษณะดังกล่าว ถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และสร้างความเสียหายต่อประเทศไทยอย่างร้ายแรง
เรื่องช่องบกและปราสาทตาเมือนธม....
ตอนนี้ ทำเลือดไทย “ร้อนฉ่า” ต่างคันมือ-คันตีนไปตามๆ กัน บางคนไม่ทันใจ พานตำหนิแม่ทัพภาคที่ ๒ “พล.ท.บุญสิน พาดกลาง” ว่า ดีแต่พูด
เย็นไว้..โยม ถ้าเป็นเรื่องเฉพาะตัวอย่าง “ทักษิณ-ฮุน เซน” นั่นยันหลังให้เขาไปต่อยกันหลังวัดได้
แต่นี่มันเป็นเรื่องระดับประเทศ ไหนๆ จะ...ทั้งที มันต้องให้ละเมียดละไม สุขุมคัมภีรภาพ มีชั้น-มีเชิงหน่อย ขืนทำโฉ่งฉ่างกระถางแตก เสียชื่อถึงเจ้าอาวาส...รู้มั้ย
ผมพูดเองก็ไม่เหมือนคนมีประสบการณ์พูด ฉะนั้น อาศัยที่ท่าน “นันทิวัฒน์ สามารถ” อดีตรอง ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซไว้มากระตุกสติกัน
“นันทิวัฒน์ สามารถ”
ใจเย็นๆ ช่วงนี้ หลังจากทหารเหยียบกับระเบิด โซเชียลเทแม่ทัพภาคที่ 2 ต่อว่าอย่างแรงมาก
ไม่ได้จะแก้ตัวแทนแม่ทัพ รบกันไม่ใช่เล่นสาดน้ำสงกรานต์ ไม่สนุก ถึงเลือดถึงเนื้อ เจ็บจริงตายจริง
ใจเย็นๆ ครับ อย่าเพิ่งร้อนรุ่ม หากเขมรยังกวนอย่างนี้ ต้องได้เจอดีแน่นอน
การวางกับระเบิดผิดอนุสัญญาออตตาวาชัดเจน ไทยต้องประท้วงผ่านยูเอ็น ส่งหลักฐานไปแสดง แน่นอนฝ่ายนั้นต้องปฏิเสธ แต่ต้องให้จำนนด้วยหลักฐาน
การรบเปรียบเหมือนชกมวยบนเวที ต้องชกตามกติกา ไม่ใช่ชกแบบมวยวัด ต้องแต่งองค์ทรงเครื่อง ทุกส่วนต้องพร้อมรบ
อัดทั้งทีต้องเอาให้อยู่หมัด ทหารจะไม่เปิดเผยแผนยุทธการ มันต้องเซอร์ไพรส์แอทแทค
ที่สำคัญ การรบเราต้องเป็นฝ่ายถูกตามกฎหมายระหว่างประเทศ อย่ากลายเป็นรังแกเด็ก จะตบหัวเด็กต้องตบให้ถูกกฎหมาย
กินอาหารให้อร่อยต้องใจเย็นๆ
.........................................................
“ครบจบทุกประเด็น” ตามที่ท่านสามารถโพสต์ ไม่ต้องเหยาะพริกน้ำส้ม น้ำปลา น้ำตาล อะไรอีก เข้าใจตรงกันนะ
ช่วงนี้ ด้วยอิทธิพลดาวอะไรก็ไม่ทราบ ไว้รอถามแม่หมอฟองสนาน “ความชั่วที่ปิดลับ” ไม่ว่าของพระ ของชาวบ้าน ถูกนำมาแบแผ่กระจาด น่าเสียวไส้
อย่างนี่ จู่ๆ เมื่อวาน "สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล" ของชนชาวสีแดง-สีส้มสามนิ้ว ที่กบดานอยู่ฝรั่งเศส ก็โพสต์เรื่องชวนตะลึง
.................................................
“สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล”
ผมจะพาให้คนอ่าน อ่านบทความรำลึกความหลังเกี่ยวกับจักรภพ เพ็ญแข ของคุณอาคม ซิดนี่ย์
บทความนี้เขียนเป็นตอนๆ ขณะนี้มี 3 ตอนด้วยกัน ผู้อ่านที่มีเวลา ควรอ่านหมด แต่ถ้าไม่มีเวลา ขอแนะนำให้อ่านตอนที่ 2 ซึ่งคุณอาคมได้เล่าการไปเยี่ยมจักรภพที่บ้านพักในพนมเปญ
(ผมจำเป็นต้องเล่าว่าผมเคยพบจักรภพครั้งเดียวที่ที่พักผม เป็นการพบทีละหลายคน คือเขามาคนเดียวพบกับผมกับเพื่อนผู้ลี้ภัยหลายคน วันนั้นไม่ได้คุยอะไรมากโดยเฉพาะเรื่องความเป็นอยู่ของเขา แต่ผมมีโอกาสสอบถามเรื่องนี้จากเพื่อนบางคน ภาพโดยรวมไม่ต่างจากที่คุณอาคมเล่า แต่ให้ฟังจากคุณอาคมซึ่งได้ไปคุยด้วยโดยตรงดีกว่า)
ตอนนั้น จักรภพพักอยู่กับ “มือปืน” ชาวไทย (ที่ผมทราบมามีอยู่ 4-5 คน) หรือที่คุณอาคมเรียกว่า “ชายชุดดำ” คนเหล่านี้เป็นคนไทย “เสื้อแดง” ที่ลี้ภัยไปอยู่ที่นั่น
ตอนที่ผมคัดมานี้ เป็นตอนที่ "ชายชุดดำ" คนหนึ่งเล่าเบื้องหลังการยิง “สนธิ ลิ้ม” ให้คุณอาคมฟัง
ผมเห็นว่าน่าสนใจมาก และผมเองต้องบอกว่าไม่เคยรู้มาก่อน ผมรู้เรื่องที่คนเหล่านี้แอบซุ่มตี “พลเอกร่มเกล้า” มาก่อน แต่ไม่รู้เรื่องสนธิ
ที่ผ่านมาผมเข้าใจมาโดยตลอดว่า กลุ่มที่ยิงสนธิ เป็นพวกลูกน้อง...ฯลฯ............
ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทความที่แล้วว่าการไปหาจักรภพ สิ่งที่เหนือความคาดหมายของผมคือ จักรภพเปิดตัวชายชุดดำและมือปืนยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล
ในค่ำคืนนั้น ทำให้เป็นที่สนใจของผู้คนที่ร่วมอยู่ในงานเลี้ยงสิบกว่าคน ที่ต่างก็พากันสอบถามด้วยความอยากรู้ที่มาของชายชุดดำ ก็นับว่าเป็นของแถมที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง
ส่วนผมไม่ได้รีบร้อน ผมรอจนเป็นคนสุดท้ายจึงได้พูดคุยกับชายชุดดำอย่างใกล้ชิด กับคำถามแรก
1.เป็นทหาร บก เรือ หรืออากาศ? ปรากฏว่าผิดหมด เขาเป็นสามัญชนที่อาสามาร่วมต่อสู้โดยไม่ได้เป็นทหารสังกัดเหล่าทัพใด
2.เมื่อไม่ได้เป็นทหารแล้วเอาอาวุธมาจากไหน?
คำตอบก็คือเวทีคนเสื้อแดง…เป็นคำตอบที่ทำให้ผมรู้สึกเหนือความคาดหมายมากยิ่งขึ้น
3.ผมต้องถามย้ำเวทีคนเสื้อแดง แล้วเสื้อแดงทำไมจึงมีอาวุธสงครามให้ใช้
คำตอบ “สมเด็จฮุน เซน” ให้มาเพื่อการต่อสู้จำนวน 2 ตู้คอนเทนเนอร์
ซึ่งจักรภพก็ยืนยันในข้อเท็จจริง….ทำให้เชื่อสนิทใจจากที่เคยได้ยินมาบ้าง
4.ต่อคำถามที่ว่า อาวุธมากมายขนาดนี้น่าจะเพียงพอสำหรับการต่อสู้แบบกองโจรหรือโจมตีแล้วพรางตัวเข้ากับมวลชน สร้างความระส่ำให้กับเจ้าหน้าที่….
คำตอบคือไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง เพราะแค่กระสุนหมด จะเบิกกระสุนรอบใหม่ยังต้องจ่ายตังค์ เลยถอดใจทิ้งอาวุธและหนีมาอยู่กัมพูชา
5.ก็ไหนบอกว่าเป็นอาวุธที่ฮุน เซน ให้มาเพื่อช่วยการต่อสู้ เหตุใดจึงต้องซื้อ….คำตอบคือใช่...ฮุน เซน ให้มา เพื่อการต่อสู้จริง
แต่คนเสื้อแดงเอาไปขายเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ไม่ได้เก็บไว้สำหรับต่อสู้….ผมหวังว่าพี่น้องเสื้อแดงที่ได้อ่านบทความนี้คงจะกระจ่างถึงสาเหตุแห่งความพ่ายแพ้
กว่าผมจะได้คุยกับมือปืนที่ยิงสนธิ ซึ่งเป็นทหารบก ผมตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดยิงกระสุนเข้าใส่จนรถพรุนทั้งคัน ทำไมโดนสนธิแค่ถากๆ นัดเดียว
คำตอบคือ “ผมนั่งอยู่ท้ายรถกระบะ เมื่อเข้าระยะหวังผลก็ลุกขึ้นยิง วิถีกระสุนจึงลงต่ำ ส่วนใหญ่ลงพื้นรถมากกว่า ซึ่งผมก็ยังคาใจและมีคำถามที่อยากจะถามต่อ
ก็พอดีเพื่อนๆ ร่วมงานต่างก็เริ่มขยับจะกลับโรงแรมที่พักเพราะเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง ผมก็เลยไม่มีโอกาสได้สอบถามมากกว่านี้
.............................................
ก็เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าฮุน เซน มีส่วนร่วมก่อการกับเสื้อแดงทักษิณในเมืองไทยปี ๕๒-๕๓ ไม่เพียงสนับสนุนอาวุธสงคราม
ทักษิณยังตั้งฮุน เซน เป็น "หัวหน้าพรรคเพื่อไทย" หมายเลข ๑ เป็นผู้คิดสโลแกนพรรค "ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ"!?
ไม่เชื่อก็อ่านที่ฮุน เซน โพสต์เมื่อวานดูก็ได้
Samdech Hun Sen of Cambodia
“ผมอยากจะบอกทักษิณว่า ผมเองต่างหากที่ไม่อยากคุยกับทักษิณ เพราะลูกสาวของคุณดูถูกเหยียดหยามผม
ยิ่งไปกว่านั้น ผมไม่อยากคุยกับคนที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดและกำลังเตรียมตัวรับโทษ
ดังนั้นอย่ายกตนข่มท่านมากเกินไป ผมพูดกับคุณแล้วไม่มีประโยชน์อะไรกับผมเลย
ข้อสังเกตของผมคือ ตั้งแต่ทักษิณเข้ามาสู่วงการเมืองไทย ประเทศไทยก็วุ่นวายมากตั้งแต่ก่อนรัฐประหารปี 2549 และผมไม่อยากพูดถึงเรื่องที่ทักษิณดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ไทย
มันเป็นคำพูดที่หยาบคายและรุนแรงมาก ไม่เหมาะสมที่จะพูด เป็นการทำร้ายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น แต่พวกคุณทุกคนยอมรับว่าเป็นความจริง
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา คุณบอกว่าผู้นำกัมพูชาไม่มีศีลธรรม นี่เป็นการดูหมิ่นอย่างรุนแรง
เหมือนกับที่ลูกสาวของคุณดูหมิ่นผู้นำกัมพูชาว่าไม่เป็นมืออาชีพ ซึ่งเป็นสาเหตุของความโกรธแค้นของชาวกัมพูชา
ผมอยากถามคุณว่า ถ้าผมไม่มีศีลธรรม ทำไมคุณถึงพึ่งพาผมมา 19 ปี (2549-2568) คุณฟังคำแนะนำของผม แถมยังเรียกผมว่าเป็น 'หัวหน้าพรรคหมายเลข 1' อีกด้วย
คุณจำได้ไหม การเตรียมการของพรรคเพื่อไทยสำหรับการเลือกตั้งปี 2554 นอกจากแนวคิดบางอย่างแล้ว
ยังมีทฤษฎีหนึ่งด้วย 'ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ' นั่นคือความคิดของผม ซึ่งผมขอเตือนความจำคุณอีกครั้ง”
จบดีกว่า แค่นี้ก็ไม่รู้ว่าจะเสียหมาไปถึงไหนแล้ว!
-เปลว สีเงิน
๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๘
คนปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
๕ ธันวา ‘ฟ้าอวยชัย’
๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๐ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”
ประณีต 'ข้าวแบรนด์โลก'
เมื่อ ๘๐-๙๐ ปี ที่แล้ว.... ในหนังสือเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ ครูให้ท่อง “สินค้าส่งออกที่ขึ้นหน้า-ขึ้นตาของไทย" ไม่ใช่ “ดินสอพอง” หรือ “แป้งผัดหน้า”
เงิน ‘ประชามติ’ แจกน้ำท่วม
มันเป็น “ความสุขอย่างหนึ่ง” ของคน “บางจำพวก” ที่ได้อาศัย “ความทุกข์” ชาวบ้าน จากน้ำท่วมหาดใหญ่และหลายๆ จังหวัดในภาคใต้ ยกเป็นเหตุ ขยี้ขยำ ตำกระทืบ “นายกฯ อนุทิน”
“มิตรในยามยาก”
“หาดใหญ่”...มันใหญ่ที่ไหน รู้มั้ย? มันใหญ่ที่ “ใจ” นั่นไง! มหาอุทกภัยครั้งนี้ ก็เข้าใจ ว่ามันรากเลือดหนักหนา-สาหัส แต่ทำไงได้
‘ดี-ร้าย’ อยู่ที่ ‘มุมมอง’
แล้วก็มาถึง “เดือนสุดท้ายของปี ๒๕๖๘ จนได้! นึกย้อนไปเมื่อ ๒๑ ปีที่แล้ว ๒๖ ธันวา.๔๗ “สึนามิ” ถล่ม ๖ จังหวัดใต้ ภูเก็ต, พังงา, ระนอง, กระบี่, ตรัง และสตูล ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เสียชีวิต ร่วม ๖,๐๐๐ คน เจ็บประมาณ ๘,๐๐๐ คน และสูญหายจำนวนมาก
🛑LIVE อุทกภัยโซเชียล!! | จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์
อุทกภัยโซเชียล!! จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์ : วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568


