ต้องโค่นระบอบฮุนเซน

เขมรยังไว้ใจไม่ได้ครับ...

ขณะที่ไทยปล่อยตัว ทหารเขมรที่ถูกจับตัว ๑๘ นายกลับประเทศ ทางฝั่งกัมพูชาเริ่มปั่นข่าวแล้วว่า ทั้ง ๑๘ คน ถูกกองทัพไทยจับกุมอย่างผิดกฎหมาย 

เข้าข่ายสร้างข่าวปลอม

แถลงการณ์ร่วม (Joint Declaration) ที่กัวลาลัมเปอร์ ข้อ ๔.๒. ระบุว่า...

“...ละเว้นการเผยแพร่หรือส่งเสริมการใช้ข้อมูลเท็จ การกล่าวอ้าง และวาทกรรมที่สร้างความเสียหาย ทั้งช่องทางทางการของรัฐบาลหรือช่องทางไม่เป็นทางการ เพื่อลดความตึงเครียด บรรเทาความรู้สึกเชิงลบของสาธารณชน และสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการหารืออย่างสันติ...”

การกล่าวหาไทยว่าจับกุมทหารเขมร ๑๘ นายถูกเผยแพร่ในสำนักข่าวหลักของกัมพูชา รวมทั้งสำนักข่าวที่ลูกหลานฮุน เซน เป็นผู้ดูแล

เรื่องนี้มีการบิดเบือนมาตั้งแต่แรก

หลังจับกุมเชลยศึกกลุ่มนี้ใหม่ๆ ทางกัมพูชา อ้างว่า ทหารกัมพูชาทั้ง ๑๘ นาย ถูกทหารไทยเข้าจับกุมโดยฝ่าฝืนข้อตกลงหยุดยิง เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘

 อ้างว่าทหารไทยขอจับมือ เพื่อยุติการสู้รบ แต่กลับรวบทหารเขมรทั้ง ๑๘ คน

ฟังดูปัญญาอ่อนครับ!

เหตุการณ์จริงเกิดขึ้นในพื้นที่ซำแต อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ

หลังการปะทะคืนวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ตามข้อตกลงหยุดยิง ทหารไทยเข้าควบคุมพื้นที่และพบทหารกัมพูชา ๑๘ นายยอมจำนนและวางอาวุธ

ทหารไทยปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรมสากล โดยดูแลเรื่องอาหาร น้ำ และการรักษาพยาบาลแก่ทหารกัมพูชา พร้อมส่งคืนร่างผู้เสียชีวิต ๒ นายให้ฝ่ายกัมพูชา

เป็นการยอมจำนน ไม่ใช่ขอจับมือ

รายงานของกองทัพภาคที่ ๒ คือพบมีทหารกัมพูชาจำนวนหนึ่งยอมจำนน โดยไม่มีท่าทีหรือลักษณะจะคุกคามฝ่ายไทย

ทางหน่วยจึงดำเนินการปลดอาวุธและควบคุมตัวตามขั้นตอน โดยยึดถือหลักมนุษยธรรมสากลอย่างเคร่งครัด

ทหารเขมรที่ยอมจำนนมีทั้งสิ้น ๑๘ นาย 

ชั้นยศ ร้อยตรี ๑ นาย

จ่าสิบโท ๒ นาย

สิบเอก ๑๒ นาย

สิบโท ๒ นาย

สิบตรี ๑ นาย

ในจำนวนนั้นมีผู้บาดเจ็บ ๑ นาย คือ สิบเอก มอม ริดที บาดเจ็บ ถูกกระสุนบริเวณสะโพกข้างขวา และแขนซ้าย ซึ่งภายหลังฝ่ายไทยได้ส่งเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาล

นอกจากนี้ ยังพบผู้เสียชีวิตอยู่ในพื้นที่จำนวน ๒ นาย ก็ส่งศพคืนไป

ไม่ใช่การแสร้งเซฮัลโหลขอจับมือแล้วจับตัว

ฉะนั้นระวังไว้ให้ดีครับ เขมรยังจะปล่อยข่าวเท็จข่าวปลอมหลังจากนี้เป็นระยะๆ เพราะมันติดเป็นนิสัยสันดานไปเสียแล้ว

การคุยประเด็นด้านมนุษยธรรมกับกัมพูชาหลังจากนี้ต้องเอาให้ชัดครับ อะไรที่ก้ำกึ่งต้องเคลียร์ให้หมด เพราะมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนของเขมรกับไทยนั้นต่างกันพอสมควรเลยทีเดียว

ถ้อยความที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้เผยแพร่คำแถลงการณ์ประเด็นสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในประเด็นมนุษยธรรม ที่ระบุว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยให้ความสำคัญกับการคุ้มครองชีวิต ศักดิ์ศรี และความปลอดภัยของบุคคลที่ไม่เข้าร่วมการสู้รบเป็นหลัก จึงนำมาซึ่งการปล่อยตัวเชลยศึกกัมพูชาจำนวน ๑๘ คน ตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติครั้งที่ ๑๘/๒๕๖๘ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรมและพันธกรณีระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัดนั้น ทางเขมรไม่ได้ให้ความสำคัญอย่างเคร่งครัดเหมือนไทยนะครับ

ไม่งั้นไม่ยิง BM-21 ใส่พลเรือนไทยหรอกครับ

ขณะที่ไทยยึดหลักการแบ่งแยกพลรบกับพลเรือน (Principle of Distinction) หลักความได้สัดส่วน (Proportionality) และหลักมนุษยธรรม (Humanity) แต่เขมรไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย 

ทหารไทยยึดตามอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิต และโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และการทำลายทุ่นระเบิดดังกล่าว (Ottawa Convention)

แต่ทหารเขมรวางทุ่นระเบิดไว้เยอะแยะไปหมด

แถมยังทิ้งหลักฐานไว้ให้ดูต่างหน้าแทบจะทุกฐานที่มั่นที่ไทยยึดได้

เขมรไม่ได้แคร์อนุสัญญาออตตาวาเลยแม้แต่นิดเดียว

นี่คือประเด็นพื้นฐานที่แสดงให้เห็นว่า ยังไว้ใจเขมรไม่ได้ 

ฉะนั้นหลังจากนี้การจะคุยอะไรกับเขมรต้องมั่นใจจริงๆ ว่า เขมรไม่อาจบิดพลิ้วได้ ไม่ว่าจะเป็นการด่าน การค้าการขาย ไม่จำเป็นต้องรีบ

จับตาดูดีๆ นะครับ เขมรนำทหารทั้ง ๑๘ นายไปตรวจสุขภาพ

มีภาพทหารทั้ง ๑๘ นายนอนบนเตียงผู้ป่วย

ยังไม่มีข่าวจากฝั่งเขมรว่า ทั้ง ๑๘ นายสุขภาพเป็นอย่างไร

แต่เท่าที่เห็นทั้ง ๑๘ คนไปจากฝั่งไทยด้วยอวัยวะที่ครบถ้วน แถมบางคนอาจอ้วนพีกว่าตอนที่ถูกจับเป็นเชลยศึกด้วยซ้ำ

ฉะนั้นหากมีข่าวจากฝั่งเขมรว่าทหาร ๑๘ นายผอมโซ ถูกทรมาน ก็รับรู้ไว้ครับ เขมรปั่นเฟกนิวส์อีกแล้ว

ครับ..นอกจากเรื่องทหารเขมร ๑๘ นาย ฝั่งเขมรยังปั่นข่าวว่าทหารไทยไม่ให้เกียรติศพทหารเขมร

อ้างว่ามีคลิปทหารไทยสองนายกำลังลากร่างไร้ชีวิตของทหารกัมพูชาออกจากสนามเพลาะมาวางบนพื้นด้วยเชือก

เป็นการปฏิบัติอย่างไม่ให้เกียรติ

แต่ไม่มีคลิปแสดงในข่าว

ขณะเดียวกัน ศพทหารเขมรเกลื่อนชายแดน เหม็นคละคลุ้งไปหมด ทหารไทยเปิดทางให้ทหารเขมรมากู้ศพกลับ แต่ศพเกือบทั้งหมดถูกปล่อยให้เน่าเหม็นอยู่อย่างนั้น

นี่หรือคือการปฏิบัติอย่างสมเกียรติ

เป็นไปได้ครับว่าสถานการณ์ภายในกัมพูชาเองไม่ค่อยจะดี เริ่มมีการพูดถึงความชั่วร้ายของฮุน เซน มากขึ้น รัฐบาลกัมพูชาจำต้องสร้างข่าวปกปิดความผิดพลาดของฮุน เซน โยนความชั่วร้ายทั้งหมดมาให้ไทย

ณ วันนี้คงไม่ใช่ไทยกระมังที่อยากให้ ฮุน เซน ถูกโค่นจากอำนาจ

คนกัมพูชาบางกลุ่มก็เริ่มตระหนักว่าหากยังปล่อยให้ ฮุน เซน อยู่ในอำนาจต่อไป จะสร้างความเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจ และความมั่นคง มากขึ้นเรื่อยๆ

รอดูครับ ปีนี้จะเป็นปีสุดท้ายของระบอบฮุน เซน หรือไม่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หัวใจติดปีก

สื่อโซเชียลร้อนฉ่าครับ ไม่ใช่เรื่อง “พี่โดม” กระเหี้ยนกระหือรือ แต่เป็นเรื่อง คนขับเครื่องบินเป็นคนหนึ่งไปส่งหัวใจให้ถึงมือหมอโดยแข่งกับเวลา

'เรามีดำ ไม่มีเทา'

นับคำขอโทษได้สักล้านคำกระมัง วานนี้ (๒๙ ธันวาคม) เป็นอีกวันของการพิสูจน์ว่า พรรคส้ม ใช่พรรคที่ความดีไม่มีความชั่วไม่ปรากฏจริงหรือไม่

ทหารไทยระดับโลก

ได้เบอร์พรรคกันไปเรียบร้อยแล้วครับ วานนี้ (๒๘ ธันวาคม) กกต.รับสมัคร สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จับได้เลขอะไร แต่ละพรรคทั้งประเทศเบอร์เดียวกันหมด

ผลงานรัฐบาล-กองทัพ

น่าจะจบอีกยกครับ... นับว่าเป็นข่าวดีต้อนรับปีใหม่ วานนี้ (๒๖ ธันวาคม) มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) เป็นวันที่ ๓ ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี

ไม่เอาคนเนรคุณ

แยกข้างแบ่งขั้วกันตั้งแต่หัววัน... วานนี้ (๒๕ ธันวาคม) นายกฯ อนุทิน ประกาศไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคที่มีนโยบายแก้ ม.๑๑๒ “...ถ้ายังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ พรรคภูมิใจไทยไม่ร่วมด้วยแน่นอน พรรคไหนจะร่วมก็เป็นสิทธิของแต่ละพรรค แต่เท่าที่ดูแคนดิเดตของทุกพรรค ไม่มีพรรคไหนตอบว่าจะแก้ไขมาตรา ๑๑๒ ยกเว้นพรรคประชาชน...”

ใครแข็งในจุดขาย

ยังไม่ทันเลือกตั้ง ก็เห็นโฉมหน้ารัฐบาลใหม่รำไรแล้วครับ ปัจจัยหลักคือการประกาศจุดยืนทางการเมืองของแต่ละพรรค เงื่อนไข ไม่ใช่เรื่อง เทาหรือไม่เทา