ทอท.จ่อส่งชายคลั่งบุกสนามบินไปศาล 5 พ.ค.นี้ ตำรวจตั้ง 7 ข้อหาหนัก

สนามบินสุวรรณภูมิ  แจงเร่งดำเนินการชายเมายาคลั่งบุกเข้าพื้นที่หวงห้ามของสนามบินฯ ลุยปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยเพิ่มเล็งใช้ ปืนไฟฟ้า เป็นอาวุธคู่กายเจ้าหน้าที่ ด้านตำรวจเร่งดำเนินคดี 7 ข้อหา ส่งตัวไปศาล 5 พ.ค.นี้ 

4 พ.ค. 2565 – นายกิตติพงศ์  กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยถึงกรณีมีผู้บุกรุกเข้าพื้นที่เขตการบิน ว่าเหตุการณ์บุคคลภายนอกขับขี่รถจักรยานยนต์ พกอาวุธ ฝ่าฝืนมาตรการรักษาความปลอดภัยบุกรุกเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามภายในเขตการบิน มีเจ้าหน้าที่ติดตามตลอดเวลา และอยู่ในสายตาของศูนย์รักษาความปลอดภัย ทสภ. ตลอด โดยได้ประสานหน่วยต่างๆ เพื่อสกัดกั้น และได้ปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ รวมทั้งคู่มือมาตรฐานการปฏิบัติงาน (SOP) ที่กำหนดทุกขั้นตอนตามหลักสากล ทำให้เหตุการณ์จบลงได้ภายใน 10 นาที ก่อนนำผู้บุกรุกส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป 

ทั้งนี้ขอให้ผู้โดยสารเชื่อมั่นว่าเมื่อมาใช้บริการ ทสภ. จะได้รับความปลอดภัย ยืนยันว่า ทสภ. ยังมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เป็นสากล ซึ่งนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้เน้นย้ำให้เรียกความเชื่อมั่นของผู้โดยสารกลับมาโดยเร็วที่สุด ต้องทำให้ผู้โดยสารรู้สึกได้ว่ามาแล้วปลอดภัย มีการดูแลที่ดีที่สุด พร้อมทั้งให้ดำเนินคดีผู้บุกรุก และลงโทษตามกฎหมายทั้งหมด เพื่อป้องปราบไม่ให้มีบุคคลกระทำการดังกล่าวซ้ำอีก อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนที่ ทสภ. จะยกเป็นกรณีศึกษาในการปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมต่อไป 

อย่างไรก็ตามเบื้องต้นอาจต้องพิจารณานำเรื่องการใช้ปืนไฟฟ้ามาเป็นอุปกรณ์คู่กายให้เจ้าหน้าที่ไว้ใช้ในการปฏิบัติงาน ซึ่งในสนามบินทั่วโลกหลายแห่งก็มีการนำปืนไฟฟ้ามาใช้ ขณะเดียวกันอาจต้องปรับปรุงกายภาพ และอุปกรณ์ต่างๆ ในการตรวจสอบ และป้องกันในการเข้าพื้นที่เขตการบิน อาทิ แท่งเหล็กกั้น ซึ่งเดิมกั้นได้เฉพาะรถยนต์เท่านั้น อย่างไรก็ตามสำหรับการรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคตนั้น แต่ละเหตุการณ์มีวิธีการรับมือที่แตกต่างกัน ส่วนการที่มีหลายคนตั้งคำถามว่าทำไมไม่ใช้ปืน ขอชี้แจงว่า การใช้อาวุธปืนต้องเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพราะเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน และเป็นพื้นที่ที่มีคนเดินทางเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงต้องจับด้วยมือก่อน 

สำหรับดำเนินคดีจากข้อหากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ.2558 ตามมาตรา 19 ด้วยข้อหาใช้อาวุธหรือวัสดุอื่นใดกระทำการอันอาจเป็นอันตรายหรือน่าจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยานบุกรุก ซึ่งมีระวางโทษหนักอาจถึงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15-20 ปี และปรับตั้งแต่ 6-8 แสนบาท นอกจากนี้ยังมีความผิดในการทำลายทรัพย์สินของท่าอากาศยานจนได้รับความเสียหาย รวมทั้งมีความผิดเนื่องจากเสพและมียาเสพติดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายอีกด้วย โดยจะนำตัวส่งศาลวันพรุ่งนี้ เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดราชการ 

ด้าน พ.ต.อ.จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ ผู้กำกับ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า เบื้องต้นต้องดำเนินคดีกับผู้บุกรุก รวม 7 ข้อหา ได้แก่ 1.ใช้อาวุธทำลายทรัพย์สินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 2.บุกรุก และใช้กำลังประทุษร้าย 3.ทำให้เสียทรัพย์ 4.พกพาอาวุธไปในเมืองโดยไม่มีเหตุอันควร 5.มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาบ้าไว้ในครอบครอง 6.เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 และ 7.ทำให้ผู้อื่นเกิดความหวาดกลัว โดยจะมีการส่งตัวไปศาลในวันที่ 5 พ.ค.นี้  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตีปี๊บ 'สุวรรณภูมิ' คว้าเบอร์1สนามบินที่มีสายการบินให้บริการมากสุดในโลก

'ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ' ได้อันดับ 1 ของสนามบินที่มีสายการบินให้บริการมากที่สุดในโลก ตอกย้ำประเทศไทยจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว

ในหลวง ทรงเปิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ทางวิ่งเส้นที่ 3 สนามบินสุวรรณภูมิ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่1 และทางวิ่งเส้นที่ 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ