สลด! พ่อเลี้ยงวัย 55 โกรธลูกท้องก่อนแต่ง จ่อยิงดับก่อนฆ่าตัวตายตาม

สลด! พ่อเลี้ยงวัย 55 ยิงลูกเลี้ยงตายทั้งกลมบนที่นอนในบ้าน ก่อนใช้ปืนกระบอกเดียวกันปลิดชีพตัวเองตายตาม เมียยันไม่ใช่ปมหึงหวงหรือชู้สาว เพราะคาดไม่พอใจที่ลูกท้องก่อนแต่งแถมลูกเขยก็ไม่เอาการเอางานวอนอย่าพูดให้ร้ายคนตาย ด้านสามีงง ทำไมพ่อตายิงเมียตายทั้งที่อีกไม่กี่เดือนลูกในท้องก็จะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว

27 พ.ค.2565​- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุสลด นายดำ (นามสมมติ) อายุ 55 ปี พ่อเลี้ยงได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด .38 ยิงศรีษะ น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 33 ปี ลูกเลี้ยง เสียชีวิตคาที่นอนภายในบ้านหลังหนึ่งใน ต.ตูมใหญ่ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ก่อนจะใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงศรีษะตัวเองนอนเสียชีวิตใกล้กัน เหตุเกิดเมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา

ล่าสุด วันนี้ ผู้สื่อข่าวก็ได้เดินทางไปยังบ้านเกิดเหตุซึ่งทางครอบครัวและชาวบ้านต่างพากันมาช่วยเตรียมสถานที่จัดงานศพ ท่ามกลางความโศกเศร้า โดยเฉพาะนางน้อย (นามสมมติ) อายุ 48 ปี ที่ต้องสูญเสียทั้งสามีและลูกสาวไปพร้อมกัน ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

จากการสอบถนางน้อย (นามสมมติ) ซึ่งเป็นภรรยาของนายดำ ที่ก่อเหตุยิงลูกเลี้ยงและยิงตัวเองตาย เล่าว่า ตนอยู่กินกับนายดำ มา 25 ปีแล้ว ตั้งแต่ น.ส.บี ซึ่งเป็นลูกติดกับสามีเก่าอายุได้ 8 ขวบ ต่อมาตนกับนายดำ ก็มีลูกสาวฝาแฝดด้วยกันอีก 2 คน ปัจจุบันอายุ 22 ปี แต่นายดำ ก็รักและเลี้ยงดูแล น.ส.บี ลูกติดของตัวเองเหมือนลูกในไส้ เวลาจะซื้ออะไรก็ซื้อให้เหมือนกันทั้ง 3 คนไม่เคยลำเอียง

กระทั่งวันที่ 17 พ.ค.65 ที่ผ่านมา ญาติพี่น้องของนายวุฒิ อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายด้วยกันกับลูกสาว ได้มาสู่ขอ น.ส.บี เพราะแอบได้เสียกันจนลูกสาวตัวเองตั้งท้องได้ 6 เดือนกว่า แต่ครอบครัวเพิ่งจะรู้ทำให้ตนและสามีรู้สึกเสียใจที่ลูกสาวท้องก่อนแต่ง แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วจึงยอมให้ทั้งคู่ผูกข้อไม้ข้อมือตามประเพณี โดยฝ่ายชายนำเงินสินสอดมาขอ 100,000 บาท พร้อมสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ก็มีเพียงญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่ายจำนวนหนึ่งที่รับรู้ แต่ไม่ได้จัดงานแต่งอะไร

หลังจากผูกข้อไม้ข้อมือตามประเพณีแล้วนายวุฒิ ซึ่งเป็นลูกเขยก็เข้ามาอยู่กับลูกสาวที่บ้านของตนเอง กระทั่งวันเกิดเหตุตนกับสามีออกไปตั้งเสาเอกเสาโท เพื่อจะทำร้านขายแตงโมติดถนนในหมู่บ้าน ลูกเขยก็มาช่วยอยู่พักหนึ่งแล้วก็หายไป

จากนั้นผู้เป็นพ่อก็ขับรถยนต์ออกไปซื้อหลังคาสรรไทในตัวเมือง แต่ไม่เห็นลูกเขยอยู่ช่วยงาน พอเข้าไปที่บ้านกลับเห็น น.ส.บี ลูกเลี้ยงนอนร้องไห้อยู่ จึงอาจจะเกิดความโมโหที่ลูกท้องก่อนแต่ง แต่พอแต่งแล้วลูกเขยก็ไม่เอาการเอางานอีก จึงได้ตัดสินใจยิงลูกเลี้ยงที่กำลังตั้งท้องเพราะไม่อยากให้ลูกต้องอายคนอื่น ก่อนจะยิงตัวเองตายตามเพื่อหนีความผิด

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพ่อเลี้ยงยิงลูกเลี้ยงตายเพราะหึงหวงนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงเพราะสามีรักลูกสาวของตนเองเหมือนลูกแท้ๆ เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก อยากได้อะไรก็ซื้อให้ ซึ่งตนสูญเสียทั้งสามีและลูกสาวไปพร้อมกัน ก็เสียใจมากอยู่แล้วอยากให้เห็นใจด้วย วอนอย่าซ้ำเติมให้ร้ายคนตายในทางเสียหาย

ด้านนายโชติ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 66 ปี พี่ชายของนายดำ บอกว่า น้องชาย เป็นคนพื้นเพ จ.แพร่ มาอยู่กินกับนางน้อย กว่า 20 ปีแล้ว ยืนยันว่าน้องชายเป็นคนนิสัยดีชอบช่วยเหลือคนอื่น ขยันทำมาหากิน ไม่เคยมีพฤติกรรมเรื่องชู้สาวเลย ก็ตกใจและไม่อยากเชื่อว่าน้องชายจะก่อเหตุสลดดังกล่าว ซึ่งตนและครอบครัวยอมรับว่าแปลกใจและไม่มีใครรู้สาเหตุว่าทำไมน้องชายถึงได้ก่อเหตุแบบนี้ เพราะปกติน้องเป็นคนเงียบๆ มีปัญหาอะไรก็ไม่เคยเล่าบอกใคร

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามนายวุฒิ อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นสามีของ น.ส.บี และเป็นลูกเขยของนายดำ ที่เสียชีวิต ก็บอกว่าได้คบหากับ น.ส.บี ตั้งแต่เรียนชั้น ม.4 ตามประสาวัยรุ่นแต่ไม่เคยมีอะไรกัน กระทั่งตนติดทหารเกณฑ์ และปลดประจำการมา ก็กลับมาคบหากันอีกครั้ง และมีอะไรกับฝ่ายหญิงจนตั้งท้องจริง​ ยืนยันว่าลูกในท้องเป็นของตนเอง ปัจจุบันอายุครรภ์ได้ 6 เดือนกว่าแล้ว จึงตัดสินใจพาญาติไปสู่ขอฝ่ายหญิงเพราะต้องการรับผิดชอบที่ฝ่ายหญิงตั้งท้อง

หลังทำพิธีผูกข้อไม้ข้อมือตนก็เข้าไปอยู่บ้านฝ่ายหญิงได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ก็ยอมรับว่าทั้งแม่และพ่อเลี้ยงของภรรยาไม่ค่อยชอบตนเองนัก อาจจะเพราะฐานะทางบ้านประกอบกับตนเองทำงานเฉื่อยไม่กระฉับกระเฉงด้วย โดยวันเกิดเหตุตนก็ไปช่วยพ่อตาแม่ยายทำพิธีขึ้นเสาเอกที่จะเปิดร้านขายแตงโมตั้งแต่เช้า กระทั่งช่วงสายก็ขับรถ จยย.เข้าตัวเมือง ส่วนภรรยาก็อยู่ที่บ้าน พอตนขับรถเข้าไปถึงตัวเมืองก็มีคนโทรศัพท์ไปบอกว่าภรรยาเสียชีวิตแล้วให้รีบกลับมาบ้าน พอตนมาเห็นก็แทบช็อกทำอะไรไม่ถูกได้แต่ร้องไห้

นายวุฒิ ยังบอกด้วยว่า รู้สึกงงว่าทำไมพ่อตาถึงได้ยิงภรรยาของตนเอง หากไม่พอใจที่ตนเองทำให้ลูกสาวเขาท้อง หรือทำงานเฉื่อยไม่ถูกใจ ก็น่าจะมาต่อว่า​ หรือก่อเหตุที่ตนเอง ทำไมจะต้องยิงภรรยาตนด้วย ทั้งๆที่อีกไม่กี่เดือนลูกในท้องก็ลืมตาดูโลกแล้ว ยอมรับว่าคาใจแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะพ่อตาที่ก่อเหตุก็เสียชีวิตไปแล้ว ก็เสียใจที่สูญเสียภรรยา และลูกในท้องไปพร้อมกัน

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บุรีรัมย์'จัดใหญ่ใส่เต็ม 3บิ๊กอีเว้นต์กีฬาระดับโลก 'มาราธอน-โมโตจีพี-รอบเทสต์'ฤดู2026

การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) พร้อมด้วยภาคเอกชน ผนึกกำลังจัดการประชุมเตรียมความพร้อมมหกรรมกีฬาสุดยิ่งใหญ่ประจำปี 2569 ได้แก่ “บุรีรัมย์ มาราธอน 2026” ฉลองครบรอบ 10 ปี และรุกหนักแผนรับมือ “พรี-ซีซั่นเทสต์และสนามเปิดฤดูกาล” ต่อเนื่องปีที่ 2 “โมโตจีพี รายการ พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์ 2026”  เพื่อวางรากฐานการบริหารจัดการอย่างเต็มระบบ รองรับคลื่นนักวิ่ง-แฟนความเร็วนับแสนสู่ 3 บิ๊กอีเว้นต์ระดับโลก

ร่าง 'จ่าเริง' วีรบุรุษทหารกล้า เนิน 350 ปราสาทตาควาย ถึงบ้านเกิดบุรีรัมย์

ครอบครัว ญาติพี่น้องรับร่าง จ.ส.อ.สำเริง  คลังประโคน วีรบุรุษทหารกล้า เนิน 350 ปราสาทตาควาย กลับสู่บ้านเกิด ในหลวง–พระราชินี พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ เตรียมพระราชทานเพลิงศพ 24 ธ.ค.นี้ ณ วัด ห้วยปอ ต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ แม่เผย สุดเศร้าหลังจากนี้จะไม่ได้เห็นหน้าลูกอีกแล้ว  หากชาติหน้ามีจริงขอให้เกิดเป็นลูกแม่อีก

ร่าง 'จ่าเริง' ถึงมาตุภูมิพรุ่งนี้ ภรรยาเผยนำศพลงมาไม่ได้ เพราะสามีสัญญาไว้ต้องยึดเนิน 350 ให้ได้ก่อน

แม่จ่าเริง ทหารพลีชีพเนิน 350 ภูมิใจทหารทุกนายที่ทำสำเร็จได้เนิน 350 คนมา ขอให้รบชนะแบบเบ็ดเสร็จโดยเร็ง และให้ประเทศไทยมีแต่ความสงบสุขหลังจากนี้ ผู้ว่าฯเผยการเตรียมจัดงานพร้อมทุกอย่างแล้ว ร่างมาถึงพรุ่งนี้

ครอบครัว 'จ่าเริง' ทหารกล้า ทำใจแล้วนำร่างกลับยาก ติดบนเนิน 350 นาน 4 วันแล้ว

แม่และพี่สาวจ่าเริง นักรบพลีชีพรับสภาพได้แล้วว่าการนำร่างกลับมายากลำบากเพราะอยู่ในสนามรบ ระบุจ่าเริงคงอยากให้ทางบ้านทำใจได้ก่อนจึงจะกลับมา ตอนนี้ภูมิใจที่คนทั้งประเทศแห่ให้กำลังใจ ร่างจะมาตอนไหนขึ้นอยู่กับโอกาส เห็นใจเจ้าหน้าที่ต้องทำงานหนัก

เสียงปืนเขมรเบาลงครั้งแรกในช่วง 12 วันสู้รบ พบลูกจรวดเกลื่อนไร่ยางพารา

เสียงปืนฝั่งเขมรหยุดลงครั้งแรกในรอบ 12 วัน จนท.เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ พบลูกจรวดปืนใหญ่ตกใส่ไร่ยางพาราเป็นจำนวนมาก มีทั้งแตกและไม่แตก ระบุเขมรหันกระบอกปืนมาทางพลเรือนของไทย

ไฟแนนซ์โทรทวงค่างวดผู้อพยพ-ชรบ.ชายแดน ต้องหายืมเงินไปจ่าย โอดสู้รบยืดเยื้อ

การสู้รบระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ที่ยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 12 แล้ว และยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าการสู้รบจะจบลงวันไหน ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน