เชียงใหม่ จับขบวนการลักลอบตัดไม้ประดู่ อุทยานผาแดง ยึดของกลางมูลค่ากว่า 1 ล้าน

จนท.บุกจับขบวนการลักลอบตัดไม้ประดู่กลางอุทยานผาแดง ตรวจยึดไม้ของกลางและอุปกรณ์ที่ใช้ในการตัดไม้มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท แต่ไร้เงาผู้กระทำผิด

28 เม.ย.2568-นายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 16 เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติผาแดง จังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับทหารหน่วยเฉพาะกิจไชยานุภาพ จับกุมขบวนการลักลอบตัดไม้เถื่อน บริเวณบ้านเจียจันทร์ หมู่ 13 ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ หลังพลเมืองดีได้แจ้งเบาะแส และนำกำลังเข้าไปตรวจสอบพบรถยนต์หนึ่งคันจอดอยู่ปากทางเข้า พร้อมรถไถฟาร์มแทรกเตอร์สองคัน และกลุ่มชาย 6–7 คน เมื่อผู้ต้องสงสัยเห็นเจ้าหน้าที่ ต่างวิ่งหลบหนีเข้าป่าอย่างรวดเร็วและอาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนีไปได้ ในที่เกิดเหตุพบหลักฐานเป็นไม้ประดู่รวม 5 ท่อน วางกระจายอยู่ในจุดใกล้รถไถ บางท่อนยังผูกติดกับตอไม้ในร่องห้วยลึก ยังไม่ได้ถูกชักลากมากอง เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดของกลางทั้งหมดไว้

จากการตรวจสอบรถยนต์คันที่ถูกทิ้งไว้หมายทะเบียน ยพ 2966 เชียงใหม่ มีนางสาวกัลยา จะตี๋ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และยังพบอุปกรณ์เกี่ยวกับการทำไม้จำนวนมากท้ายกระบะรถ เบื้องต้นประเมินมูลค่าความเสียหายของรัฐที่เกิดจากการลักลอบทำไม้ประดู่ท่อนของกลางทั้งหมด 5 ท่อน คิดปริมาตรรวม 4.886 ลูกบาศก์เมตรครั้งนี้กว่า 171,000 บาท นอกจากนี้ยังตรวจยึดรถไถฟาร์มแทรกเตอร์ 2 คัน รวมถึงอุปกรณ์ทำไม้ต่างๆ รวมแล้วกว่า 1 ล้านบาท

ข้อมูลการถือครองที่ดินตามมาตรา 64 ของพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ยืนยันว่า พื้นที่เกิดเหตุเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ ไม่มีผู้ใดแจ้งขอใช้พื้นที่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่สรุปพฤติการณ์การกระทำผิดใน 4 ข้อหา ได้แก่ การทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต, การทำลายหรือกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติในเขตอุทยาน, การครอบครองเลื่อยโซ่ยนต์โดยไม่ได้รับอนุญาต และการฝ่าฝืนประกาศห้ามเข้าเขตอุทยานฯ ซึ่งหลักฐานทั้งหมดชี้ชัดว่า นางสาวกัลยา จะตี๋ เจ้าของรถยนต์ที่พบในที่เกิดเหตุ มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับการลักลอบตัดไม้ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่จึงนำเรื่องเสนอพนักงานสอบสวน สภ.นาหวาย เพื่อออกหมายเรียกตัวมาสอบปากคำ ขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการและนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตามปัญหาการลักลอบตัดไม้เป็นอีกสาเหตุสำคัญหนึ่งที่เกิดปัญหาไฟป่า หมอกควัน ที่เกิดขึ้นทุกปี โดยเกินร้อยละ 90 จะเกิดเหตุเผาในพื้นที่เขตอุทยานฯและป่าสงวนแห่งชาติ