'เฉลียว ยันสาด' นักสู้แห่งบึงวงฆ้อง ชัยนาท เคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อพื้นที่ชุ่มน้ำสาธารณะอีกครั้ง

"เฉลียว ยันสาด" นักสู้แห่งบึงวงฆ้อง กลับมาต่อสู้เพื่อที่สาธารณประโยชน์อีกครั้ง หลังกลุ่มคนที่เคยบุกรุกบึงวงฆ้อง ยื่นถวายฎีกา จะขอกลับเข้าไปทำกินในที่สาธารณะอีก

22 พฤษภาคม 2568 - นายเฉลียว ยันสาด อายุ 67 ปี นักสู้แห่ง “บึงวงฆ้อง” เดินทางไปที่ศาลากลางจังหวัดชัยนาท เพื่อยื่นหนังสือถึง นายนที มนตริวัต ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยนาท เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับประชาชนที่ใช้ผลประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่สาธารณประโยชน์ “บึงวงฆ้อง” และขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเชิงลึก กรณีที่มีชาวบ้านหมู่ที่ 3 และหมู่ที่ 10 ต.ห้วยงู อ.หันคา จ.ชัยนาท จำนวน 26 ราย ที่เคยบุกรุกเข้าไปทำการเกษตรในพื้นที่บึงวงฆ้อง และได้ถูกเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ในที่ดินออกทับที่สาธารณประโยชน์ไปแล้ว แต่ กลับไปทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกา จะขอกลับเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดิน บึงวงฆ้อง ตามเดิม อ้างว่ามีหนี้สินและภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลครอบครัว ทำให้ทางจังหวัด โดย อำเภอหันคา และ เทศบาลตำบลห้วยงู ได้มีการประชุมพิจารณาในเรื่องนี้ แต่ยังไม่มีข้อสรุป

นายเฉลียว บอกว่า ที่มายื่นหนังสือกับผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาทในครั้งนี้ เพราะตนในฐานะคนที่ร่วมต่อสู้เรียกร้องมายาวนานกว่า 30 ปี เพื่อให้ได้ บึงวงฆ้อง พื้นที่กว่า 1,121 ไร่ กลับคืนมาเป็นที่สาธารณประโยชน์ ให้ประชาชน ต.ห้วยงู อ.หันคา / ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี / ต.นางลือ อ.เมืองชัยนาท ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างแท้จริง จึงไม่เห็นด้วย หากจะมีการอนุญาตให้กลุ่มคนดังกล่าว กลับเข้าไปใช้ที่สาธารณประโยชน์ ทำการเกษตรเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ขอให้ผู้ว่าฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าทั้ง 26 ราย ที่ไปขอพระราชทานที่ดินทำกิน เป็นผู้ที่มีภาระและยากจนจริงหรือไม่ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้ดีว่า ในเมื่อได้ที่สาธารณประโยชน์ บึงวงฆ้อง ในส่วนที่ถูกบุกรุกนำไปออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย กลับคืนมาเป็นสาธารณสมบัติของชาติดังเดิม ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันแล้ว เพราะสาเหตุใด จะพิจารณาดำเนินการตามพระราชบัญญัติ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ.2562 ให้กลุ่มคนที่ถูกเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกทับที่สาธารณะบึงวงฆ้อง กลับเข้าไปใช้ที่ดินทำประโยชน์ส่วนตัวอีก

ด้าน นางสาวพรเพ็ญ โตประเสริฐ ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ออกมารับหนังสือร้องเรียนแทนผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท น.ส.พรเพ็ญ กล่าวว่า เรื่องที่นายเฉลียว ร้องเรียนเรื่องบึงวงฆ้อง ได้รับทราบแล้ว ก่อนหน้านี้ได้ส่งเรื่องร้องเรียนไปยังอำเภอหันคาและเทศบาลตำบลห้วยงูแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งเรื่องนี้ยืดเยื้อมานานแล้ว ผู้ที่ถูกเพิกถอนเอกสารสิทธิ์จากที่ดินบึงวงฆ้อง ก็มาร้องเรียนเช่นกัน บอกเหมือนถูกขับไล่ ไม่มีที่ดินทำกิน ขอผ่อนผัน ซึ่งทางเราก็รับฟังทั้งสองฝ่าย และได้ทำหนังสือส่งไปยังอำเภอหันคา เน้นย้ำว่าให้ปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด ปัจจุบันทราบว่าอยู่ระหว่างดำเนินการรังวัดชี้แนวเขตที่สาธารณประโยชน์ เพื่อออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง แต่ยังติดปัญหาบางประการ

สำหรับ ที่สาธารณประโยชน์ บึงวงฆ้อง เป็นบึงที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ขึ้นทะเบียนประกาศสงวนห้ามไว้เมื่อปี พ.ศ. 2477 ประเภทพลเมืองใช้ประโยชน์ร่วมกัน มีเขตติดต่อ 3 อำเภอ คือ อ.หันคา อ.สรรคบุรี อ.เมืองชัยนาท มีพื้นที่ 1,121 ไร่ 2 งาน 15 ตารางวา โดยเมื่อปี พ.ศ. 2525 โครงการชลประทานพลเทพ ได้มีการขุดคลอง ร.4 ข.สุพรรณ ผ่านบึงวงฆ้อง ลงคลองห้วยปลาช่อน เพื่อให้เกษตรกรนำน้ำไปใช้ทางด้านการเกษตรในสภาวะฤดูแล้ง ทำให้บึงวงฆ้องบางส่วนแห้งลง จึงเกิดปัญหาการบุกรุกพื้นที่สาธารณะและมีการออกเอกสารสิทธิ์ที่มิชอบด้วยกฎหมายขึ้น

จนปี พ.ศ. 2538 นายเฉลียว ยันสาด และประชาชนในพื้นที่ ต.ห้วยงู ร่วมกันทำหนังสือร้องเรียนไปยังหน่วยงานรัฐต่างๆที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ให้ตรวจสอบการบุกรุกและการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ซึ่งเป็นการต่อสู้ที่ยาวนาน มีการฟ้องร้องกันหลายศาล

จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2558 ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้อธิบดีกรมที่ดินเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกทับที่สาธารณประโยชน์บึงวงฆ้อง ซึ่งต่อมาในวันที่ 25 กรกฎาคม 2559 อธิบดีกรมที่ดิน ได้ทำการเพิกถอนและแก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ในโฉนดที่ดิน , น.ส.3ก. และ น.ส.3 ที่ออกทับที่สาธารณประโยชน์บึงวงฆ้อง ทั้งแปลงและบางส่วน รวมทั้งสิ้น 51 ฉบับ

อย่างไรก็ตาม ผ่านมา 10 ปี หลังศาลพิพากษา พื้นที่บึงวงฆ้อง ก็ยังไม่ได้เป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์อย่างแท้จริง เพราะปัจจุบัน พบว่ายังมีการบุกรุกจากคนบางกลุ่มเข้าไปทำการเกษตร แม้ทางเทศบาลตำบลห้วยงูได้มีการแจ้งความไว้แล้ว แต่ก็ยังจัดการกับปัญหานี้ไม่ได้ หรือความพยายามกว่า 30 ปี ของนายเฉลียว ยันสาด ที่ต่อสู้เพื่อให้บึงวงฆ้อง กลับมาเป็นสาธารณสมบัติของชาติจะสูญเปล่า

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

น้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ลดต่อเนื่องแต่ยังท่วมสูง ชาวบ้านหาปลาไม่ได้ น้ำไหลแรงเน่าเสีย

น้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ลดลงต่อเนื่อง แต่ยังท่วมสูง ชาวบ้าน อ.สรรพยา หาปลาไม่ได้ เพราะน้ำไหลแรงและเน่าเสีย จึงเปลี่ยนเรือหาปลา เป็นเรือรับจ้าง รับส่งคนในหมู่บ้านแทน เพื่อหารายได้ช่วงที่น้ำยังท่วมสูง   

สส.อนุชานำทีมฟุตบอล อบจ.ชัยนาท แชมป์กีฬา 7 HD แชมเปียนคัพ 2025 ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ ให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ตำบลตลุก ย้ำพร้อมให้การช่วยเหลือเต็มที่

วันนี้ 15 พ.ย.2568 ที่ บริเวณเทศบาลตำบลตลุก อำเภอสรรพยา จ.ชัยนาท นายอนุชา นาคาศัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดชัยนาท เขต 1 พร้อมด้วย นางจิตร์ธนา ยิ่งทวีลาภา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท โค้ชเมธ สุเมธ อยู่โต

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์เดินหน้าช่วยผู้ประสบอุทกภัย อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ตำบลตลุก อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท เพื่อส่งต่อความห่วงใยและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่

น้ำท่วมชัยนาทขยายวงกว้าง ขณะที่เจ้าพระยายังสูงต่อเนื่อง

วันนี้แม่น้ำเจ้าพระยา มีปริมาณเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยปริมาณน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เพิ่มขึ้นกว่า 3,537 ลูกบาศก์เมตรต่อวินา

ชัยนาท ระทึกกลางดึก คันกั้นน้ำพังหลายจุด ทะลักท่วมหมู่บ้าน หลังเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มระบายน้ำ

เขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มระบายน้ำเป็น2,700 ลบ.ม./วินาที ทำน้ำท้ายเขื่อนสูงขึ้นกว่า 37 เซนติเมตร พัดคันกระสอบทรายพังหลายจุด กระแสน้ำแรงทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านกลางดึก ชาวบ้านเก็บของหนีน้ำจ้าละหวั่น