เกาะกงผวา จี้สกัดปัญหาก่อนบานปลายกระทบเศรษฐกิจ 2 ประเทศ

ผู้บริหารระดับสูงไทยเกาะกงอินเตอร์ จี้เร่งแก้ปัญหาไทย – กัมพูชา ก่อนส่งผลบานปลายกระทบเศรษฐกิจ 2 ประเทศ

1 มิ.ย.2568 – นายธิติเดช ทองภัทร รองประธานกรรมการนิคมอุตสาหกรรมเกาะกง ประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือ LYP GROUP ของนายพัด สุภาภา สมาชิกวุฒิสภาสายสมเด็จฮุนเซ็น กล่าวว่า ผลกระทบจะเกิดขึ้นทั้งสองฝ่ายแน่นอน ทั้งในเรื่องการค้าชายแดนที่ทั้งสองประเทศค้าขายร่วมกันปีละ 3-4 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะสินค้าจากประเทศไทยที่เข้ามายังกัมพูชามีมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท/ปีสำหรับช่องทางผ่านจังหวัดตราดมาสู่จังหวัดเกาะกง ซึ่งไม่เกิดผลดีระหว่าง 2 ประเทศ และยังส่งผลกระทบต่อแรงงานในภาคอุตสาหกรรมด้วยที่อาจจะต้องได้รับผลกระทบจากการจ้างงาน นอกจากนี้ การเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดตรสดและเกาะกงก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย ซึ่งแค่ 2 ด้านความเสียหายก็เกิดขึ้นมากมายแล้ว ไม่ต้องเลยไปถึงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศก็จะได้รับผลกระทบตามมาด้วย

“ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องทางการเมืองระหว่าง 2 ประเทศที่ต้องร่วมกันเจรจาให้ได้ข้อสรุป เพราะไม่เช่นนั้นแล้วจะเกิดผลกระทบบานปลายไปไกลกว่าที่คาดคิด ผมก็ไม่อยากเห็นความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่อยากเห็นทั้ง สองฝ่ายนำคำกล่าวของอดีตนายกรัฐมนตรีมาเป็นเหตุ เพราะทั้งสองคนอยู่วงนอกรัฐาลไปแล้ว ซึ่งให้ผู้มีอำนาจแท้จริงได้พูดคุยกันดีกว่า อย่านำคำพูดใครมาปั่นเพื่อให้เกิดความรักชาติเลย ซึ่งประเทศของเรามีพื้นที่ติดกันเวลามีปัญหาเกิดขึ้นที่ไหนก็ควรจะแก้ไขที่นั่นไม่ใช่เหมารวมทั้งหมดชายแดนเลย “ นายธิติเดช ระบุ

ด้านพ.ต.อ.กิตติพรรธ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองตราด เปิดเผยว่า สถานการณ์ชายแดนในวันนี้ปกติ และมีการเข้าออกไปมาระหว่างประชาชนทั้งสองจังหวัดตามปกติ ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆที่จะส่งผลกระทบรวมทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติยังเดินทางเข้ามายังฝั่งไทย(ตราด)อยู่ อย่างไรก็ตาม หากปิดด่านถาวรจริง แรงงานกัมพูชา รวมทั้งประชาชนชาวกัมพูชา นักเรียนกัมพูชาที่มาเรียนในบ้านหาดเล็ก และทำงานในอำเภดคลองใหญ่จะไม่สามารถข้ามไปมาได้ตามปกติ ซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบด้วย ส่วนแรงงานที่อยู่ประจำก็ยังสามารถอยู่ต่อไปได้ แต่กรณีที่รัฐบาลกัมพูชาเรียกกลับแรงงานกัมพูชาก็ต้องกลับเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต.