'รัฐบาลอนุทิน' โหมดพ้นโปร 'พรรคส้ม' ดิ้นสลัดภาพ 'ฝ่ายค้ำ'

จากนั้นเปิดประเด็นความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส ที่กำลังถูกเล่นงานในประเด็นสแกมเมอร์ กับกัน จอมพลัง และการเปิดศึก "กัน จอมพลัง" เที่ยวนี้ หลายคนยังมองว่าพรรคประชาชนต้องการกระทบชิ่งไปถึงทหาร

ท่าทีและจุดยืนเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา คือจุดแข็งและจุดเด่นของ "พรรคภูมิใจไทย" ก่อนการเป็นนายกรัฐมนตรีของนายอนุทิน ชาญวีรกูล และก่อนการเป็นรัฐบาลชุดปัจจุบัน สาเหตุเพราะรัฐบาลก่อนหน้านั้นภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ทำประชาชนขาดความไว้วางใจจากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา

หลังเข้ามาเป็นรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยพยายามเลี้ยงกระแสดังกล่าวไว้ต่อ โดยยกอำนาจการตัดสินใจเรื่องชายแดนให้กับ "ทหาร" ในฐานะหน่วยงานที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุดของประชาชนในเรื่องนี้ 

พร้อมๆ กับการเร่งปั้นผลงาน โดยเลือกโครงการที่ทำได้ง่าย ทำได้เร็ว ประชาชนจับต้องได้ อย่างการปัดฝุ่นโครงการ คนละครึ่ง สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นมาปรับปรุงเป็นเวอร์ชัน คนละครึ่งพลัส

ในช่วงเดือนแรก ไม่ว่ารัฐบาลนายอนุทินหยิบจับหรือเดินหน้าอะไรมักจะได้รับเสียงชื่นชม โดยมีความล้มเหลวของรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยเป็นคู่เปรียบเทียบ

ตรงกันข้ามกับ "พรรคประชาชน" ภายใต้การนำของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ที่ดูดร็อปลงไปอย่างชัดเจน อันมีผลพวงมาจากพิษการเป็นนั่งร้านให้กับรัฐบาลที่นำโดยพรรคสีน้ำเงิน 

พรรคสีส้มถูกโจมตีจากด้อมตัวเองที่ไม่เห็นด้วยกับการโหวตให้นายอนุทินเป็นนายกฯ ผสมโรงกับฝ่ายแค้นอย่างพรรคเพื่อไทยที่พยายามหาช่องโจมตีว่า เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลเหมือนตอนพรรคเพื่อไทย ถึงขนาดเกิดวลีๆ ตัดพ้อจากสาวกส้มว่า ส้มผิดอีกแล้ว!

 คะแนนนิยมของพรรคประชาชนไม่สู้ดี กลายเป็นรัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทินที่เฉิดฉาย เดินหน้าโกยแต้มจากโครงการระยะสั้น เรตติ้งส่วนตัวของ "อนุทิน" พุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

​กระทั่งระยะหลังๆ มานี้ พรรคประชาชนเริ่มกลับมามีบทบาทอีกครั้ง หลังกลับมาเล่นในเกมที่ตัวเองถนัดอย่างการ จับผิด ตรวจสอบ และเปิดโปง

โดยเฉพาะเรื่องสแกมเมอร์ และเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ก่อนหน้านี้พรรคสีส้มแทบไม่มีบทในเรื่องดังกล่าวเลย โทษฐานถูกมองว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับกองทัพที่กำลังได้รับการยกย่องเป็นฮีโร่ในเรื่องพิพาทชายแดน

องคาพยพของพรรคประชาชนเริ่มต้นด้วยการหาความเชื่อมโยงแก๊งสแกมเมอร์กับนักการเมืองในประเทศไทย โดยหยิบเอาภาพนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ "เบน สมิธ" ที่ปรึกษาสมเด็จฮุน เซน ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าพัวพันขบวนการสแกมเมอร์ กำลังนั่งคุยกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และคนในรัฐบาลอย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม มาผูกโยงความสัมพันธ์

โดยเฉพาะ ร.อ.ธรรมนัส ที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โฟกัสเป็นพิเศษ ในฐานะ สายล่อฟ้า รัฐบาลชุดปัจจุบัน

 พรรคสีส้มกัดประเด็นนี้ไม่ปล่อย ใช้ทุกองคาพยพ โดยเฉพาะคณะกรรมาธิการต่างๆ ที่มีคนในพรรคเป็นประธาน เลี้ยงกระแสเรื่องนี้เอาไว้ โดยพยายามหาคอนเทนต์อยู่เรื่อยๆ อย่างเช่น การเชิญ ร.อ.ธรรมนัสไปชี้แจงในกรรมาธิการ ทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้วว่าไม่มีทางมา เพราะให้เห็นว่าอีกฝ่ายพยายามหลีกเลี่ยงและหลบหลีก

นอกจากสแกมเมอร์แล้ว เรื่องชายแดนไทย-กัมพูชาที่เป็นจุดอ่อนของตัวเอง ยังพลิกมาจับในมิติที่ตัวเองช่ำชองอย่างการตรวจสอบ โดย ไอซ์-น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. เปิดศึกกับ "กัน จอมพลัง" บุคคลที่คนในสังคมกำลังยกย่องเป็นผู้เสียสละ อาสามาช่วยทหารไทยที่ชายแดน

"ไอซ์ รักชนก" พุ่งเป้าไปที่เรื่องการรับบริจาค ลามไปถึงการตรวจสอบเรื่องรายรับ-รายจ่ายของมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ จนกระแสสังคมเริ่มตีกลับไปที่ "กัน จอมพลัง"

จากนั้นเปิดประเด็นความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส ที่กำลังถูกเล่นงานในประเด็นสแกมเมอร์ กับ "กัน จอมพลัง"  

และการเปิดศึกกับ "กัน จอมพลัง" เที่ยวนี้ หลายคนยังมองว่าพรรคประชาชนต้องการกระทบชิ่งไปถึง ทหาร

อย่างล่าสุดพรรคประชาชนลุยเรื่องการเปิดรับบริจาคของกองทัพ และการใช้งบของกองทัพในเรื่องชายแดนต่อ โดยในการประชุมคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร เมื่อสุดสัปดาห์ "ไอซ์ รักชนก" ชำแหละการใช้งบของกองทัพรุนแรง จน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ต้องระบุว่า ใช้เวทีนี้แบบไม่ให้เกียรติกัน และไม่เป็นมิตรกับทหาร

อีกด้านหนึ่งของพรรคประชาชนยังปล่อยขุนพลไปเกาะติดเรื่องการทำงานของรัฐบาลนายอนุทิน กรณีไปเซ็นข้อตกลงเรื่องแร่แรร์เอิร์ธ (rare earth deals)" หรือเอ็มโอยูแรร์เอิร์ธ กับสหรัฐอเมริกา ระหว่างการพบกันของนายอนุทินและนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประเทศมาเลเซีย

มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า การเซ็นเอ็มโอยูครั้งนี้จะทำให้ไทยเสียเปรียบ เสียประโยชน์มหาศาล ตลอดจนขยายประเด็นถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมแบบต่อเนื่อง

เล่นเอารัฐบาลต้องออกมาชี้แจงรายวันว่า เอ็มโอยูดังกล่าวไม่ได้มีผลทางกฎหมาย

การไปพบผู้นำระดับโลกของ "อนุทิน" ที่เหมือนจะเป็นผลงานและหน้าตาได้ กลายเป็นถูกกลบด้วยกระแสการตรวจสอบอย่างเข้มข้นจากพรรคฝ่ายค้านที่เป็นผู้พา "อนุทิน" นั่งนายกฯ ด้วยตัวเอง

รัฐบาลขณะนี้เหมือนเจอภาวะ หมดโปรโมชัน ขนาดจุดเล็กๆ น้อยๆ ยังถูกหยิบมาเป็นประเด็นแซะ อย่างกรณี น.ส.ธนนนท์ นิรามิษ ภรรยาของนายอนุทิน พูดหยอกกับสื่อว่า ทำไมใจร้ายกับนายกฯ จัง ยังถูกนำมาปั่นทั้งวิจารณ์แบบธรรมชาติและวิจารณ์จากไอโอฝั่งตรงข้าม

ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ร้ายแรงอะไร เพราะเป็นการตรวจสอบที่ทุกๆ นายกฯ ทุกๆ รัฐบาลต้องเจอเป็นเรื่องปกติ

และถึงตรงนี้ยังไม่มีอะไรที่จะทำให้ไปไม่ถึงไทม์ไลน์ยุบสภาเดิม 31 ม.ค.69 แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวลือหนาหูว่าจะยุบสภาหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เนื่องจากสถานการณ์ประเทศไทยขณะนี้มีปัจจัยอื่นให้คำนึง และไม่เอื้อให้พรรคเพื่อไทยเปิดศึกน้ำลายในตอนนี้

เรียกว่าการเมืองต่อจากนี้ทำอะไรมากไม่ได้ นอกจากการปล่อยไหลให้เดินไปตามไทม์ไลน์ใน MOA ระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน

ขณะที่พรรคเพื่อไทย ฝ่ายค้านหมาดๆ ยังอยู่ในช่วงของการ รีโนเวตพรรคใหม่ หลังจากเจอมรสุมหนักทั้งจากภายนอกและภายในพรรคเองในช่วงที่ผ่านมา 

ล่าสุดจัดการเปลี่ยนหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค เพื่อลบภาพเก่าที่บอบช้ำ เตรียมการสู่การเลือกตั้งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

โดยเลือกใช้บริการนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ และอดีต รมช.การคลัง เป็นหัวหน้าพรรค และดันนายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีต รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กลับมาเป็นเลขาธิการพรรคอีกครั้ง

การเลือกนายจุลพันธ์มาเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นรุ่นกลาง มาเชื่อมระหว่างรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ซึ่งเป็นปัญหาก่อนหน้านี้ เป็นเหมือนการแก้ปัญหาภายใน ซึ่งภาพรวมกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ไม่ได้มีความหวือหวาแต่อย่างใด

ตรงกันข้ามยังเป็นการตอกย้ำว่า พรรคเพื่อไทยวันนี้ยังเป็นของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อยู่

สุดท้ายหัวหน้าพรรคเพื่อไทยไม่ใช่ตัวจริงเหมือนเดิม พอๆ กับแคนดิเดตนายกฯ ที่วันนี้ยังไม่มีการเปิดตัว และต้องรอทีมงาน บ้านจันทร์ส่องหล้า ชี้นิ้ว

การเปลี่ยนแปลงในพรรคเพื่อไทยวันนี้ยังไร้วี่แววที่จะทำให้พรรคกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง และยังไม่สามารถการันตีได้ว่าเลือดที่ไหลก่อนหน้านี้จะหยุดได้

เปรียบการเลือกตั้งกับการแข่งขันฟุตบอล ถ้าวันนี้มีการเลือกตั้ง สส. สภาพพรรคเพื่อไทยก็เหมือนนักฟุตบอลที่ไม่มีความฟิต แต่ต้องลงแข่งขันในสภาพไม่เต็มร้อย

ดูแล้วการเมืองประเทศไทยต่อจากนี้ยังอยู่แค่ในโหมดเปิดเกมทำลายแต้มคู่แข่ง หรือหาคะแนนนิยมให้ตัวเอง หวังผลในสนามเลือกตั้ง ส่วนอุบัติเหตุอื่นๆ ยังเกิดยาก. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แนวรบสุดท้ายสู้สแกมเมอร์ ปัจจัยที่ต้องปิดจ๊อบชายแดน

แม้สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน "ไทย-กัมพูชา" ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ฝ่ายไทยจะสามารถยึดเป้าหมายในหลายพื้นที่ และ มีแนวโน้มที่ดีใน 13 แนวรบ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่า "กัมพูชา"

'จุลพันธ์' ซัดแรง 'ธนาธร' อย่าชี้นิ้วโทษคนอื่นปมแก้ รธน. แค่นี้มองไม่ออกก็โง่ซ้ำซ้อน

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ระบุว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไปไม่ถึงวาระ3 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ สส. พรรคเพื่อไทยม

'ชลณัฏฐ์' รับกังวลต้องชนะเลือกตั้ง สส.กทม. ให้ได้ พร้อมท้าชน 'วัน อยู่บำรุง'

"ปาล์ม ชลณัฏฐ์" ไม่หวั่นโดนเปรียบเทียบ "ไอซ์ รักชนก" ชี้ทุกคนมีคาแรคเตอร์ต่างกัน เน้นเดินเคาะประตูมากกว่าปั่นจักรยาน ไร้กังวล ท้าชนพื้นที่ "วัน อยู่บำรุง" ฝากบอกผู้สมัครทุกคน ให้เต็มที่ในสนาม เดี๋ยวเจอกันวันจับเบอร์ ชี้ 'ปชน.' ก็มีกระสุน คืออาสาสมัคร 

ฉุดไม่อยู่! เพื่อไทยโวแหลก ‘ยศชนันท์’ กระแสแรงเกินคาด ผวาปฏิบัติการ ‘บล็อคเชน’

รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โวแหลกกระแสตอบรับ “ดร.เชน-ยศชนันท์” แคนดิเดตนายกฯ มาแรงเกินคาด จากเดิมถูกมองลำดับท้าย ขยับขึ้นแนวหน้าบางโพลนอกระบบ เตือนอาจเผ