
8 มี.ค. 2566 – นายยูจิ มิซุตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “ยำยำ” เปิดเผยว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมาพบว่าตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีมูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้าน เติบโต 14% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเส้นเหลือง คิดเป็นสัดส่วน 94% ของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั้งหมด และยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในเชิงมูลค่า โดยสาเหตุหลักเป็นผลมาจากการปรับราคาของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซองจากเดิมปกติ 6 บาท เป็น 7 บาท ตั้งแต่เดือน ส.ค.65
ทั้งนี้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลุ่มแมสยังคงทำยอดขายได้ดี จากราคาที่ตอบโจทย์ในภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ส่วนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลุ่มพรีเมียมก็เติบโตจากเทรนด์การบริโภคของกลุ่มคนรุ่นใหม่และรสชาติที่หลากหลาย ซึ่งปัจจุบัน ยำยำ มีส่วนแบ่งตลาด 21.4% ในเชิงปริมาณ และเป็นอันดับ 2 ในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบเส้นเหลืองในปี 65
ด้านสถานการณ์ตลาดนั้นยังมีการแข่งขันสูง จะเห็นได้ว่าทุกแบรนด์พยายามคว้าโอกาสในเซ็กเมนต์พรีเมียม ด้วยการเปิดตัวรสชาติที่หลากหลาย ด้วยรสชาติใหม่ และสร้าง “Brand Collabs” ซึ่งแนวโน้มตลาดปีนี้จะให้ความสำคัญกับกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมทั้งแบบซองและแบบถ้วย โดยหันมาใส่ใจเทรนด์สุขภาพมากขึ้น ด้านปัจจัยบวกปีนี้ คือความต้องการบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปที่เพิ่มขึ้น จากราคาที่สมเหตุสมผลต่อค่าครองชีพ สะดวกต่อการบริโภค ส่วนปัจจัยลบ คือ ผลกระทบจากต้นทุนพลังงาน แรงงาน วัตถุดิบสำคัญอย่างแป้งสาลี น้ำมันปาล์ม และส่วนผสมสำคัญในเครื่องปรุงรสมีราคาสูงขึ้น ทำให้กําไรของธุรกิจและห่วงโซ่อุปทานมีความผันผวน
สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจมีเป้าหมายสร้างการเติบโตที่ 22% โดยกลยุทธ์สำหรับประเทศไทยจะมีการขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพรีเมียมทั้งแบบซองและแบบถ้วย โดยมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ การปรับโฉม และการสื่อสารรูปแบบใหม่ ซึ่งจะนําไปสู่การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดโดยรวม ส่วนในต่างประเทศอย่างสหภาพยุโรปและจีนจะขับเคลื่อนตลาดโดยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เช่นกัน ด้านการลงทุนส่วนของโรงงาน จะลงทุนเพิ่มในด้านการพัฒนาการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีแผนพิจารณาการลงทุนขนาดใหญ่ในระยะกลางอีก 2-3 ปี ข้างหน้า

นางชินานันท์ บุญศิริยะ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจในและต่างประเทศ บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้พฤติกรรมของคนไทยเปลี่ยนไปตามยุคนิวนอร์มอลที่เกิดขึ้น โดยมองหาสินค้าที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบาย คุ้มค่า และใส่ใจผู้บริโภค โดย ยำยำ มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองและครอบคลุมทุกเจเนอเรชั่น ตั้งแต่ ยำยำ ช้างน้อย ตอบสนองกลุ่มเป้าหมายเด็กอายุ 6-12 ปี, ยำยำ คัพ (YumYum Cup) และ ยำยำ สูตรเด็ด แบบซองและแบบถ้วย (YumYum Sood-Ded Bag and Cup) ตอบสนองกลุ่ม Gen-Z, ยำยำ จัมโบ้ (YumYum Jumbo) ตอบสนองกลุ่มเป้าหมายทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่ 18- 55 ปี โดยผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายอันดับหนึ่งของแบรนด์ ยำยำ คือ ยำยำ จัมโบ้ รสหมูสับ, รสต้มยำกุ้ง และ รสต้มยำกุ้งน้ำข้น ส่วนในกลุ่มพรีเมียม คือ ยำยำ สูตรเด็ด สไปซี่ล็อบสเตอร์
ล่าสุดทาง ยำยำ มีการรุกตลาดอีกครั้ง โดยเปิดตัว ยำยำ สูตรเด็ด โฉมใหม่ ที่มีการนำข้อมูลเชิงลึกจากการวิจัยผู้บริโภคมาปรับปรุงและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่แบรนด์ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีทั้งด้านบรรจุภัณฑ์และรสชาติใหม่ เตรียมรุกตลาดภายใต้แคมเปญ “Beyond Irresistible” พร้อมทุ่มงบการตลาดถึง 70 ล้านบาท โดยสื่อสารผ่านสื่อดิจิทัล สื่อนอกบ้านและการนำเสนอโปรโมชั่นผ่านทุกช่องทางการขาย พร้อมกิจกรรมชงชิมและส่งเสริมการขายตลอดทั้งปีทั่วประเทศ พร้อมดึงตัว โบกี้ไลอ้อน (Bowkylion) มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของ ยำยำ สูตรเด็ด อีกด้วย

