
“คลัง” จ่อเข็นแพ็คเกจภาษี 20 รายการให้รัฐบาลใหม่พิจารณา หวังปั๊มรายได้ ปักหมุดลดขาดดุลงบประมาณ เล็งปิดฉากสารพัดหักลดหย่อนหนุนซื้อกองทุน ไม่ถอยเก็บภาษีขายหุ้น เตรียมทบทวนจ่ายเบี้ยคนแก่แต่รวย
17 ก.ค. 2566 – นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอรัฐบาลใหม่พิจารณาแผนปฏิรูปการจัดเก็บรายได้รัฐบาล ทั้งในส่วนของการเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย เพื่อให้เป็นไปตามกรอบวินัยการคลัง และดำเนินการตามแผนการคลังระยะปานกลาง (ปี 2567-2570) ที่ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567 ต้องลดสัดส่วนการขาดดุลงบประมาณ ไม่ให้เกิน 3% ต่อจีดีพี ขณะที่ปัจจุบันการจัดเก็บรายได้ มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 14% ของจีดีพี ควรขยับขึ้นไปเป็นระดับ 16-17% ต่อจีดีพี
“แผนการปฏิรูประบบภาษีของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ผ่านความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังแล้วกว่า 20 รายการ แต่วันนี้ยังบอกไม่ได้ว่าจะทำอะไร ซึ่งทุกรัฐบาลที่เข้ามาไม่ว่าจากพรรคใด แผนปฏิรูปภาษีจะเป็นแผนแรก ที่กระทรวงการคลังต้องกางให้ดู ว่าแผนจัดเก็บรายได้ แผนรายจ่ายควรจะเป็นอย่างไร เป็นสิ่งที่เอาไปให้ดูหมด ว่าคนที่ทำนโยบายจะดำเนินการอย่างไร” นายกฤษฎา กล่าว
ทั้งนี้ เบื้องต้นในแผนการปฏิรูปภาษี จะมีการแบ่งช่วงเวลา บางมาตรการจะดำเนินการใน 2 ปี หรือภายใน 5 ปี เป็นต้น เช่น ที่ผ่านมามีการใช้มาตรการลดหย่อนภาษีจากการซื้อกองทุน เพื่อช่วยสนับสนุนการลงทุนในตลาดทุนมานานหลายปีแล้ว มองว่าเป็นการช่วยคนรวยมากเกินไปหรือไม่ อาจจะต้องมาทบทวนวิธีนำค่าลดหย่อนหลาย ๆ รายการ ต้องมีการกำหนดเพดาน (แคป) วงเงินลดหย่อนสูงสุด ให้ผู้เสียภาษีเลือกรายการที่ต้องการหักลดหย่อนเอง เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังยืนยันว่าภาษีจากการซื้อขายหุ้น ก็ยังอยู่ในแผนการปรับโครงสร้างภาษี เพียงแต่รัฐบาลรักษาการมีข้อจำกัดไม่สามารถดำเนินการได้ต่อ หรือหากจะปรับเป็นการเก็บภาษีกำไรจากเงินลงทุน(Capital Gain Tax) ก็สามารถดำเนินการได้ ขึ้นอยู่กับนโยบาย รวมทั้งแผนการปรับโครงสร้างภาษี เพื่อสนับสนุนขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และสนับสนุนเรื่องเศรษฐกิจสีเขียว หรือ ESG สินค้าประเภทไหนที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และทำลายสุขภาพ ต้องจัดเก็บภาษีให้มากขึ้น เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า การปรับโครงสร้างภาษีจะส่งผลให้การจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 6 แสนล้านบาทตามนโยบายของพรรคการเมืองหรือไม่ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การปฏิรูปภาษีจะช่วยเพิ่มรายได้ให้อีกอย่างน้อยเกินครึ่ง
นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า มาตรการลดรายจ่าย ยกตัวอย่างเช่น เรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ หรือ เบี้ยยังชีพ ที่ปัจจุบันต้องจัดสรรงบประมาณมาจ่ายเบี้ยยังชีพคนชราปีละ 50,000 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2567 รัฐบาลตั้งงบประมาณไว้จ่ายค่าเบี้ยยังชีพคนชราเพิ่มเป็น 90,000 ล้านบาท ซึ่งถ้าไปดูในรัฐธรรมนูญ การจัดสรรเบี้ยยังชีพคนชรา มันเป็นสิทธิ์ทุกคน หรือควรเป็นสิทธิ์คนที่ไม่มีความสามารถ จึงต้องเขียนกติกาว่าใครควรได้ ควรมีการถือครองทรัพย์สินเท่าใด ใครควรได้รับการช่วยเหลือ คนแก่แต่รวยควรได้รับ600-800 บาทต่อเดือนหรือไม่ ควรลดเพื่อเอาไปช่วยเหลือถูกฝาถูกตัวหรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ปลัดคลัง’ปลื้มคนละครึ่ง พลัสวันแรกฉลุย ยันเฟส2มาแน่พร้อมเพิ่มลูกเล่นดึงดูดความสนใจ
‘ปลัดคลัง’ ปลื้มคนละครึ่ง พลัสวันแรกฉลุย 8 โมง ประชาชาสแกนจ่ายกระหึ่ม 84 ล้านบาท ภาคอีสานแรงสุด ส่วนเฟส2 มาแน่ พร้อมเพิ่มลูกเล่นดึงดูดความสนใจ
การบินไทย ตั้ง ‘ปลัดคลัง’ เป็นประธานบอร์ดคนใหม่หลังออกจากแผนฟื้นฟู
การบินไทย (THAI) แจ้งตลท. หลุดจากแผนฟื้นฟูฯ อย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมตั้ง "ลวรรณ แสงสนิท ปลัดคลัง" เป็นประธานบอร์ดคนใหม่
รัฐบาลอ่วมจีดีพีหดตัวรายได้หาย 1.7 แสนล้าน
คลังชี้จีดีพีลด 1% ทำรายได้รัฐบาลหาย 1.7 แสนล้าน เตรียมแผนไล่บี้ภาษีเต็มสูบ
‘ดร.อนุสรณ์’ ชี้ศก.ไทยครึ่งปีหลัง เผชิญกีดกันการค้า ส่งกลับอุยกูร์เพิ่มเสี่ยงสหรัฐเก็บภาษีตอบโต้
คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.หอการค้าไทย ชี้เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกดีขึ้นจากผ่อนคลายการเงิน ส่งออกและใช้จ่ายภาครัฐเร่งตัว อาจโตแตะ 4% ครึ่งหลังปีนี้เผชิญกีดกันการค้าแรงขึ้น ส่งกลับอุยกูร์เพิ่มความเสี่ยง มีความเป็นไปได้สูงขึ้นที่ไทยจะเผชิญการเก็บภาษีตอบโต้
'เทพไท' จี้ 'อุ๊งอิ๊ง' ขอโทษสังคมดื้อตาใสดัน 'โต้ง' นั่งประธานแบงก์ชาติ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมเนื้อหา
กฤษฎีกาตีตก! 'กิตติรัตน์' ไม่ผ่านคุณสมบัติประธานบอร์ดแบงก์ชาติ เพราะเป็นที่ปรึกษานายกฯ
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่านายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ไม่ผ่านคุ


