
สนค. ชี้ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างไตรมาสที่ 3 และช่วงที่เหลือของปี 2566 มีโอกาสขยายตัวตามการฟื้นตัวของอุปสงค์และการลงทุนในประเทศ
3 ก.ค. 2566 – นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาวัสดุก่อสร้างในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ที่ชะลอตัวอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนจากดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนมิถุนายน 2566 ที่ลดลงร้อยละ 0.9 (YoY) ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ส่งผลให้ครึ่งปีแรกของปี 2566 สูงขึ้นเพียงร้อยละ 0.4 (AoA) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 ส่วนดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง ไตรมาสที่ 3 และช่วงที่เหลือของปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวตามการฟื้นตัวของอุปสงค์และการลงทุนในภาคการก่อสร้างในประเทศ ประกอบกับต้นทุนยังอยู่ระดับสูง อุปทานพลังงานและเหล็กโลกมีแนวโน้มตึงตัว
สำหรับสาเหตุสำคัญที่ทำให้ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง ครึ่งปีแรกของปี 2566 ชะลอตัวอย่างชัดเจน โดยสูงขึ้นเพียงร้อยละ 0.4 (AoA) จากร้อยละ 4.5 (AoA) ในครึ่งหลังของปี 2565 เนื่องจากการลดลงของราคาเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ซึ่งมีสัดส่วนน้ำหนักค่อนข้างมากถึงร้อยละ 29.66 หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของน้ำหนักในตะกร้าดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง ซึ่งปรับลดลงตามราคาพลังงานและวัตถุดิบโลก อาทิ น้ำมันดิบ ยางมะตอย และแร่เหล็ก ตามความต้องการก่อสร้างในประเทศต่าง ๆ ที่ปีนี้คาดว่าจะชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก จากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าปี 2565 และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังไม่ยุติ นอกจากนี้ สินค้าในหมวดซีเมนต์ และหมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต ซึ่งมีสัดส่วนน้ำหนักต่อดัชนีรวมกันใกล้เคียงกับสินค้าเหล็ก คือร้อยละ 27.90 ชะลอตัวต่อเนื่องติดต่อกัน 4 เดือน ดังนั้น ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างของไทย ครึ่งปีแรกของปี 2566 จึงชะลอตัวอย่างชัดเจน
เมื่อพิจารณาแนวโน้มภาคการก่อสร้างโลก ปี 2566 โดยศูนย์วิจัย GlobalData ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลระดับโลก ได้คาดการณ์ ณ พฤษภาคม 2566 พบว่า ภาคการก่อสร้างโลก ปี 2566 มีแนวโน้มชะลอตัว โดยคาดว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 0.8 (YoY) จากร้อยละ 2.1 (YoY) ในปี 2565 โดยภาคการก่อสร้างในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว จะหดตัวร้อยละ 1.5 (YoY) เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลต่อระดับราคาและกดดันบรรยากาศการค้าการลงทุน ได้แก่ ยุโรป รัสเซีย อเมริกาเหนือ และออสเตรเลีย ขณะที่ภาคการก่อสร้างในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา จะขยายตัวร้อยละ 2.4 (YoY) ชะลอลงจากปี 2565 ที่ขยายตัวร้อยละ 4.6 (YoY) เนื่องจากการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังซบเซา อย่างไรก็ตาม มาตรการส่งเสริมและโครงการก่อสร้างของภาครัฐในหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา ได้ออกกฎหมาย Inflation Reduction Act ที่ส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และพลังงาน รวมทั้งมีมาตรการให้เงินอุดหนุนเพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์และอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เยอรมนี อินเดีย มีโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ด้านการคมนาคมขนส่งทางถนนและรถไฟ ญี่ปุ่น มีการก่อสร้างคลังสินค้าและสถานที่ให้บริการด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ และโครงการวิศวกรรมโยธา และจีน มีการก่อสร้างเส้นทางคมนาคม พลังงานหมุนเวียน และนิคมอุตสาหกรรม และการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำที่เมืองฉงชิ่ง ทั้งหมดนี้มีส่วนขับเคลื่อนให้ภาคการก่อสร้างของประเทศมีโอกาสเติบโต ประกอบกับอุปทานพลังงานและเหล็กที่มีแนวโน้มตึงตัว ซึ่งอาจทำให้ราคาวัตถุดิบ และราคาวัสดุก่อสร้างในช่วงที่เหลือของปีนี้มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้

ส่วนภาคการก่อสร้างของไทยยังมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่า ภาคการก่อสร้างของไทยในไตรมาสแรกของปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 3.9 (YoY) เร่งขึ้นจากร้อยละ 2.6 (YoY) ในไตรมาสก่อนหน้า และปี 2566 คาดว่าภาคการก่อสร้างของไทยจะเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ที่คาดว่าจะสูงขึ้นระหว่างร้อยละ 2.7 – 3.7 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนของภาครัฐ และเอกชนที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น และเมื่อพิจารณาประกอบกับเครื่องชี้วัดภาคการก่อสร้างอื่น ๆ ซึ่งมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน
ทั้งด้านอุปทาน อาทิ การออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ และด้านอุปสงค์ อาทิ การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ และการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดของชาวต่างชาติทั่วประเทศ นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยังอยู่ในช่วงความเชื่อมั่นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ – ปริมณฑลที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาคการก่อสร้างของไทยยังคงเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าปี 2565 อาทิ ค่าขนส่ง ค่าแรง และค่ากระแสไฟฟ้า
นายพูนพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ด้วยปัจจัยดังกล่าวข้างต้น สนค. จึงคาดว่าภาคการก่อสร้างของไทยมีโอกาส ที่จะขยายตัว และจะส่งผลให้ราคาวัสดุก่อสร้าง ไตรมาสที่ 3 และช่วงที่เหลือของปี 2566 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยท้าทายที่อาจส่งผลต่อการเติบโตของภาคการก่อสร้างและกดดันให้ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างขยายตัวน้อยกว่าที่คาดหรืออาจปรับลดลงได้ อาทิ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่กดดันความต้องการพลังงานและวัสดุก่อสร้าง ส่งผลให้ราคาพลังงาน วัตถุดิบ และราคาจำหน่ายวัสดุก่อสร้างลดต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ การปล่อยสินเชื่อของธนาคารมีความเข้มงวดขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น จะส่งผลให้กำลังซื้อและการลงทุนของภาคประชาชนและธุรกิจลดลง ซึ่งจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ก้องศักด'ยันทุกสนามซีเกมส์ มาตรฐานพร้อมใช้แข่ง จับมือก.พาณิชย์จัด'ชิม-ช็อป -เชียร์'
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. ยืนยันทุกสนามซีเกมส์ ครั้งที่ 33 มาตรฐาน พร้อมใช้แข่งขัน และต้อนรับแฟนกีฬา ขณะเดียวกัน กกท. ร่วมกับ กระทรวงพาณิชย์ จัดโครงการ “ชิม ช็อป เชียร์” ในทุกสนาม นำอาหาร-ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นทั่วประเทศ ให้บริการประชาชนที่มาชมกีฬา พร้อมกับโชว์ให้ชาวอาเซียนได้เห็นของดีของไทย
จดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่ตุลาคม 2568 ยอด 7,165 ราย สะสม 10 เดือน 74,510 ราย ด้านต่างชาติลงทุนไทย รอบ 10 เดือนพุ่ง 2.76 แสนล้านบาท โต 72%
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยเดือนตุลาคม 2568 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 7,165 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 21,778 ล้านบาท แม้ทุนจดทะเบียนจะลดลงจากปีก่อน แต่ทุนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน ก.ย. 68
พาณิชย์ หารือ 4 สมาคมข้าวและพืชไร่ รับฟังปัญหา ข้อเสนอแนะ เตรียมมาตรการดูแลราคาข้าวและพืชผลทางการเกษตร ก่อนเข้า นบข. 18 พ.ย.นี้
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 ณ ห้อง กิติยากรวรลักษณ์ ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือร่วมกับ 4 สมาคมภาคการเกษตร ได้แก่ สมาคมโรงสีข้าวไทย
FTA หนุนส่งออกยอดใช้สิทธิทะลุเฉียด 2 ล้านล้าน
FTA หนุนส่งออก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย มูลค่าใช้สิทธิทะลุ 1.94 ล้านล้านบาท

