
‘คลัง’ กางยอดจ่ายเงินหมื่นบาทให้กลุ่มผู้สูงอายุแล้ว 2.98 ล้านราย จากเป้าหมาย 3.02 ล้านราย ยังตกขบวนอีก 4.12 หมื่นราย กระทุ้งเร่งผูกพร้อมเพย์บัญชีเงินฝากกับเลขประจำตัวประชาชน ก่อนกดปุ่มจ่ายซ้ำครั้งที่ 2 ในวันที่ 28 มี.ค. นี้
3 มี.ค. 2568 – นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการจ่ายเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมาย 3,025,596 ราย ว่า กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางได้จ่ายเงิน 10,000 บาท ต่อราย ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2568 แล้ว จำนวน 3,025,596 ราย โดยมีผลการโอนเงินแบ่งเป็น โอนเงินสำเร็จ 2,825,076 ราย หรือคิดเป็น 93.37% และโอนเงินไม่สำเร็จ 200,520 ราย หรือคิดเป็น 6.63%
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2568 กรมบัญชีกลางได้สั่งจ่ายเงินในรอบการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ครั้งที่ 1 ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย 199,919 ราย (หักผู้ถูกระงับสิทธิเนื่องจากเสียชีวิต) โดยผลการโอนเงินแบ่งเป็น โอนเงินสำเร็จ 158,712 ราย และโอนเงินไม่สำเร็จ 41,207 ราย สำหรับสาเหตุที่โอนเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายไม่สำเร็จ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ จำนวน 39,761 ราย หรือคิดเป็น 96.49% ของจำนวนกลุ่มเป้าหมายที่โอนเงินไม่สำเร็จ ยังไม่ลงทะเบียนสมัครพร้อมเพย์เพื่อผูกบัญชีเงินฝากกับเลขประจำตัวประชาชน และสาเหตุอื่น ๆ จำนวน 1,446 ราย คิดเป็น 3.51% ของจำนวนกลุ่มเป้าหมายที่โอนเงินไม่สำเร็จ ได้แก่ บัญชีธนาคารไม่เคลื่อนไหว บัญชีธนาคารถูกปิด เลขที่บัญชีไม่ถูกต้องหรือบัญชีธนาคารติดเงื่อนไข และไม่มีบัญชีธนาคาร
“กระทรวงการคลังจะมีการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) อีกจำนวน 2 ครั้งเท่านั้น จึงขอให้ประชาชนผู้ได้รับสิทธิเข้าไปตรวจสอบผลการจ่ายเงินผ่านทางแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” โดยหากปรากฏผลว่า โอนเงินไม่สำเร็จให้ประชาชนเร่งติดต่อธนาคารเพื่อดำเนินการผูกพร้อมเพย์กับบัญชีเงินฝากด้วยเลขประจำตัวประชาชน ส่วนประชาชนที่เคยผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนแล้วให้ติดต่อธนาคารเพื่อตรวจสอบบัญชีดังกล่าวว่ามีปัญหาใด เช่น บัญชีธนาคารถูกปิด บัญชีธนาคารติดเงื่อนไข บัญชีธนาคารไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน เป็นต้น และขอแก้ไขตามแต่ละกรณี โดยอาจจำเป็นต้องผูกพร้อมเพย์กับบัญชีใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่าพร้อมรับเงินในรอบถัดไป” นายพรชัย กล่าว
สำหรับการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ในรอบถัดไป คือ วันที่ 28 มี.ค. 2568 โดยประชาชนที่ได้รับสิทธิต้องเร่งผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนภายในวันที่ 25 มี.ค. 2568 และรอบจ่ายเงินซ้ำครั้งสุดท้าย ครั้งที่ 3 คือ วันที่ 28 เม.ย. 2568 ดังนั้นประชาชนที่ได้รับสิทธิจะต้องเร่งผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน ภายในวันที่ 23 เม.ย. 2568 โดยเมื่อพ้นกำหนดการจ่ายเงินซ้ำ ครั้งที่ 3 แล้ว กระทรวงการคลังจะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการ
ขณะที่ผู้มีสิทธิอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นบุคคลล้มละลายสามารถขอรับเงินตามโครงการฯ ได้ โดยต้องไปกรอกแบบฟอร์มขออนุญาตเปิด/ใช้บัญชีเพื่อรับเงินตามโครงการฯ โดยสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของกรมบังคับคดี และจัดส่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการ ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะดำเนินการกรอกแบบฟอร์มถึงธนาคาร เพื่อขอให้ธนาคารเปิดบัญชีให้บุคคลล้มละลาย หรือยกเลิกการอายัดบัญชีของบุคคลล้มละลาย เพื่อรับเงินตามโครงการฯ
นายพรชัย กล่าวอีกว่า ภายหลังจากการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ครั้งที่ 1 แล้ว ส่งผลให้ขณะนี้ภาครัฐได้จ่ายเงิน 10,000 บาท ให้แก่กลุ่มเป้าหมายแล้วรวมทั้งสิ้น 2,983,788 ราย ทำให้มีเม็ดเงินจากโครงการฯ หมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวน 29,837.88 ล้านบาท


