ส่งซิกผุด entertainment complex บนที่ราชพัสดุ 'จุลพันธ์' แจงตัดข้อแข่งขันเชิงพื้นที่ คาดตอกเสาเข็มใน3ปี

‘จุลพันธ์’ ปักธงปั้นกฎหมาย entertainment complex ให้จบในรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง หวังเป็นจุดเปลี่ยนใหม่ท่องเที่ยวไทย ดันเศรษฐกิจโตได้แบบไม่ต้องนั่งพะวง ส่งซิกปักหมุดโครงการบนที่ดินราชพัสดุ แจงเพื่อตัดข้อแข่งขันเชิงพื้นที่ มุ่งขายสิทธิประโยชน์ให้รัฐเป็นหลัก คาดตอกเสาเข็มได้ภายใน 3 ปี

31 มี.ค. 2568 – นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง กล่าวว่า ยืนยันพยายามเร่งผลักดันการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจร (entertainment complex) ให้แล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดปัจจุบัน เพราะว่าเรื่องนี้มีการพูดถึงมานานกว่า 30-40 ปีแล้ว แต่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง และมั่นใจว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นเครื่องยนต์และจุดเปลี่ยนใหม่ให้กับภาคการท่องเที่ยวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จากเม็ดเงินลงทุนขั้นต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท ทำให้จากนี้จะไม่ต้องมานั่งพะวงว่าตัวเลขจีดีพีของไทยจะโตได้ถึง 3% หรือไม่อีกต่อไป

ทั้งนี้ หากกฎหมายผ่านความเห็นชอบของสภาเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ในการดำเนินการส่วนต่าง ๆ อาทิ การตั้งสำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร การโอนถ่ายบุคลากร รวมถึงต้องมีการจ้างผู้เชี่ยวชาญในการศึกษารความเป็นไปได้ของโครงการ ทั้งพื้นที่ไหนที่จะมีศักยภาพและความเหมาะสม จำนวนการก่อสร้าง entertainment complex ว่าจะมีกี่จุด ควรลงทุนแค่ไหน ต้องใช้เม็ดเงินเท่าไหร่ รายได้และประโยชน์ที่รัฐจะได้รับ ควรมีกิจกรรมอะไรเกิดขึ้นใน entertainment complex เพื่อส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว เช่น สนามกีฬา สวนสนุกระดับโลก พิพิธภัณฑสถาน จุดส่งเสริมวัฒนธรรม ทั้งหมดต้องเสนอให้คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรพิจารณา ก่อนออกเป็น TOR เพื่อให้เอกชนที่มีความเหมาะสมเข้าร่วมประมูลโครงการ และคาดว่าภายใน 3 ปีจะสามารถตอกเสาเข็มได้

“ผมคงตอบไม่ได้ว่าจะเปิด entertainment complex กี่แห่ง เพราะไม่ใช่หน้าที่ของผม ผมมีหน้าที่ทำกฎหมายให้รอบคอบ รัดกุมและเกิดความโปร่งใสที่สุด ยกเว้นว่าในชั้นการพิจารณาของสภาจะมีการตัดสินใจเขียนลงในกฎหมายว่าจะต้องมีกี่ที่ และท้ายที่สุดคณะกรรมการนโยบายสถาบันเทิงครบวงจรก็จะเป็นผู้กำหนดจุดที่มีความเหมาะสมจากข้อศึกษาทั้งหมด ส่วนในมุมของกระทรวงการคลังที่มีหน้าที่ทำกฎหมาย เราไม่ได้กำหนดจุดไว้ เพียงแต่ระบุไว้ว่าเป็นจำนวนที่มีความเหมาะสม และต้องมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์รองรับ” นายจุลพันธ์ กล่าว

สำหรับพื้นที่ในการจัดตั้ง entertainment complex นั้น จะต้องเป็นพื้นที่ที่รัฐกำหนด ซึ่งเบื้องต้นมองว่าควรจะต้องอยู่ในที่ดินราชพัสดุ เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดการแข่งขันในเชิงพื้นที่ เพราะจะมีการได้เปรียบหรือเสียเปรียบกัน แต่อยากให้มาดูกันในเรื่องสิทธิประโยชน์ที่รัฐจะได้มากกว่า แต่ท้ายที่สุดจะเป็นที่ดินราชพัสดุหรือไม่ ก็คงต้องมาดูในรายละเอียดของข้อกฎหมายและความเหมาะสมอีกครั้ง

“นาทีนี้ในหัวผมก็ยังเป็นที่ดินราชพัสดุอยู่ ส่วนขนาดพื้นที่ไม่ได้มีการกำหนดในการยกร่างกฎหมาย แต่จะต้องมีการกำหนดจากการศึกษาความเหมาะสมของโครงการ ซึ่งปกติเข้าใจว่าต่อจุดต้องมีขนาดพื้นที่ 300 ไร่บวก เพราะอย่างที่บอก เราไม่ได้ทำแค่กาสิโน ซึ่งมีสัดส่วนเพียง 10% ของพื้นที่เท่านั้น ส่วนอีก 90% คือพื้นที่ที่จะต้องมาใช้ทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น พิพิธภัณฑ์ ห่าง โรงแรม เป็นต้น มันต้องใช้พื้นที่ใหญ่ขนาดนี้ ซึ่งที่ดินราชพัสดุมีศักยภาพและมีขนาดที่สามารถรองรับได้แน่นอน” รมช.การคลัง ระบุ

อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าขณะนี้มีบริษัทต่างชาติระดับโลกให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน entertainment complex ในประเทศไทย เนื่องจากไทยมีความน่าลงทุนอย่างมากเมื่อเทียบกับหลายประเทศ และไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องทุนเทา หรือฟอกเงิน เพราะบริษัทระดับโลกมีการกำกับดูแลในระดับสากลอยู่แล้ว ดังนั้นเชื่อว่าหากตัดสินใจเข้ามาลงทุนจริงก็จะอยู่ในกติกาที่ไว้ใจได้ และหลังจากนี้รัฐบาลจะต้องมีการโรดโชว์เพื่อดึงดูดนักลงทุน ซึ่งน่าจะดำเนินการได้ในช่วงที่กฎหมายใกล้แล้วเสร็จ

เพิ่มเพื่อน