
‘คลัง’ สั่ง ธ.ก.ส. เร่งศึกษาแนวทางตั้ง AMC ซื้อหนี้ลูกค้าเกษตรกรสูงอายุกว่าแสนบัญชี หวังช่วยกดหนี้เสียลด ขีดเส้น 1 เดือนต้องได้ข้อสรุป
10 เม.ย. 2568 – นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปเร่งศึกษาแนวทางในการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) เพื่อบริหารจัดการหนี้ของลูกค้า ธ.ก.ส. โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ที่กว่า 60% ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 1 แสนบัญชี วงเงินกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งลูกค้าในกลุ่มนี้เริ่มไม่ทำการเกษตรแล้ว แต่ยังมีภาระหนี้สิน ทำให้ธนาคารต้องเร่งหาวิธีในการบริหารจัดการ
โดยโจทย์สำคัญ คือ การเอาลูกค้าในกลุ่มนี้ออกจากสภาวะความเป็นหนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะลูกหนี้กลุ่มนี้แม้จะออกไปแล้วก็ยังต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของเครดิตบูโตต่ออีก แต่ก็น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีว่าลูกหนี้กลุ่มนี้ยังมีความพร้อมที่จะกลับไปตั้งตัวและเริ่มต้นใหม่ได้ ถือเป็นโกาสและตัวเลือกของลูกหนี้
“ผมไม่ได้กำหนดรูปแบบตายตัวว่าจะต้องทำอย่างไร โดยได้มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ไปศึกษามา การดำเนินการเบื้องต้นจะคล้ายกับ AMC ของธนาคารออมสิน ส่วนข้อสรุปคงต้องมานั่งคุยกันอีกทีว่าแบบไหนจึงจะดีที่สุด ได้ให้เวลาไปศึกษา 1 เดือน” รมช.การคลัง กล่าว
รมช.การคลัง กล่าวอีกว่า มั่นใจว่าหากมีการดำเนินการแก้ปัญหากับลูกหนี้กลุ่มสูงอายุของ ธ.ก.ส. แล้ว จะช่วยทำให้ตัวเลขหนี้เสียของธนาคารปรับลดลงได้ทันที และแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าว ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดในการซื้อหนี้ประชาชนของรัฐบาลด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบัน ธ.ก.ส. มีพอร์ตลูกค้าสินเชื่อกลุ่มอายุ 70 ปีขึ้นไป ประมาณ 6.5แสนราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวม ประมาณ 1.6 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธ.ก.ส. เปิดเผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีบัญชี 2567 (เม.ย. 67 – มี.ค. 68) ว่า เบื้องต้นธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ราว 300,000 ล้านบาท เติบโต 25,000 ล้านบาท ขณะที่เงินฝาก เติบโตตามเป้าหมายที่ 90,000 ล้านบาท ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) คาดว่า ณ สิ้นปีบัญชี 2567 จะอยู่ที่ 5.7-5.8% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีบัญชีก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ 5.4% เป็นผลมาจากมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่หมดลงเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา รวมถึงผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจและภัยธรรมชาติ เช่น อุทกภัยต่าง ๆ ที่ทำให้ตัวเลขเอ็นพีแอลของธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้นบ้าง


