ส.อ.ท. เตือนเศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยง หลังนายกฯ พ้นตำแหน่ง รัฐ-เอกชน ต้องร่วมฟื้นความเชื่อมั่น

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ชี้การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลอาจทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2568 ซึ่งรวมถึงโครงการลงทุนต่างๆ ชะงักลงได้ แต่เศรษฐกิจไทยยังมีโอกาสฟื้นตัว หากภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันวางมาตรการรองรับได้ทันการณ์

29 ส.ค. 2568 – นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง เป็นความจริงที่เราต้องยอมรับว่าเสถียรภาพทางการเมืองเปลี่ยนแปลง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และกระทบต่อการวางแผนนโยบายเศรษฐกิจระยะยาว

ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังยังต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยง เช่น ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยืดเยื้อ ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการค้า โดยในเดือนมิถุนายน 2568 มีมูลค่าการค้ารวม 10,907.53 ล้านบาท ลดลง 32.29% เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2568 (MoM) และลดลง 23.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การปรับอัตราภาษีส่งออกและเจรจากับสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มส่งผลต่อการส่งออกสินค้าหลัก เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมทั้งการแข่งขันระหว่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้ GDP ไทยครึ่งปีหลังเติบโตต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ 

“หากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้า จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายสำคัญ เช่น การเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ การแก้ไขปัญหาชายแดน การจัดการอุทกภัย และการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการที่ต้องการรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มในการตัดสินใจ ซึ่งในช่วงเวลาที่เสถียรภาพทางการเมืองยังไม่แน่นอนเช่นนี้ ภาครัฐต้องสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนและประชาชน เพิ่มงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาทักษะแรงงาน และสนับสนุนการเข้าถึงเงินทุนสำหรับ SMEs รวมทั้งทำงานร่วมกับภาคเอกชนเพื่อวางแผนการดำเนินงานในระยะกลางและระยะยาว” นายเกรียงไกร กล่าว

ทั้งนี้ ภาคเอกชนต้องปรับตัวเชิงรุก เช่น เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพื่อลดต้นทุนและแข่งขันในตลาดโลก พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาดโลก เช่น สินค้าเทคโนโลยีและบริการดิจิทัล หันมาลงทุนในนวัตกรรม เทคโนโลยีสมัยใหม่ และระบบบริหารความเสี่ยง เพื่อรักษาความสามารถแข่งขันของไทยในตลาดโลก รวมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างธุรกิจต่างสาขา เพื่อเพิ่มโอกาสลงทุนและการเข้าถึงตลาด

“ความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนในสถานการณ์เช่นนี้ ถือเป็นกุญแจสำคัญ หากเราวางแผนและดำเนินมาตรการอย่างต่อเนื่อง แม้การเมืองไม่มั่นคง แต่เศรษฐกิจไทยจะยังคงสามารถฟื้นตัว สร้างโอกาสการเติบโต และรักษาความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนได้” นายเกรียงไกร กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

🛑LIVE ‘ดร.สุวิชา’ เปิดชัดๆ นิด้าโพล เลือกตั้ง’69 พลิกล็อก.!? พรรคต่อพรรค-ภาคต่อภาค | อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร

‘ดร.สุวิชา’ เปิดชัดๆ นิด้าโพล เลือกตั้ง’69 พลิกล็อก.!? พรรคต่อพรรค-ภาคต่อภาค อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร : วันเสาร์ที่ 06 ธันวาคม พ.ศ.2568

การเรียนประวัติศาสตร์ สำคัญต่อเรื่องการเมือง-นโยบายหรือไม่ 'เอ็ดดี้' มีคำตอบ

ไม่มีชาติใดกำหนดอนาคตได้ ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองเดินมาจากไหน ประเทศที่มองอดีตไม่ออก จะถูกครอบงำโดยผู้นำที่อ้างประวัติศาสตร์ผิดๆ