
พลังงานแย้มส่งมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเข้าเลขาครม.แล้ว จับมืออุตฯศึกษาผลิตไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม 200 เมกะวัตต์ ตั้งเป้าเปิดรับซื้อไฟภายในปีนี้ 100 เมกะวัตต์
15 ก.พ. 2565 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าเรื่องมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) นั้น ล่าสุดเสนอเรื่องไปยังเลขาธิการ ครม. แล้ว อยู่ระหว่างรอบรรจุเข้าเป็นวาระเพื่อพิจารณาและเสนอให้ ครม. เห็นชอบต่อไป
พร้อมกันนี้ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานสักขีพยานร่วมกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในพิธีลงนามบักทึกความเข้าใจการบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรมเพื่อผลิตไฟฟ้า (Waste-to- Energy) และการส่งเสริมการผลิตการใช้พลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงานในภาคอุตสาหกรรม ระยะเวลา 4 ปี ว่าเพื่อสอดคล้องกับหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเศรษฐกิจ BCG ( (Bio-Circular-Green Economy Model) ตั้งเป้าหมายการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะเฟส 2 เพิ่มขึ้นอีก 600 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นขยะชุมชน 400 เมกะวัตต์ ขยะอุตสาหกรรม 200 เมกะวัตต์ ซึ่งเตรียมเปิดรับซื้อภายในสิ้นปีนี้
“แนวทางการรับซื้อไฟฟ้าเบื้องต้นมีแนวโน้มว่าปี 2565 จะแบ่งเป็นโรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมปีละ 100 เมกะวัตต์ ขยะชุมชน 200 เมกะวัตต์ โดยจะมีการผลิตไฟฟ้าเพื่อป้อนเข้าสู่ระบบ(COD)ปี 2567 ขณะที่ปี 2566 จะรับซื้อในปริมาณเดียวกับปี 2565 แต่ COD ปี 2568 โดยก่อนหน้านี้กระทรวงพลังงานได้ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานขยะไปแล้วในระยะแรกรวมเป็นปริมาณทั้งสิ้น 343.94 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นขยะชุมชน 313.16 เมกะวัตต์ ขยะอุตสาหกรรม 30.78 เมกะวัตต์ และยังมีในส่วนของการนำขยะมาเป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตความร้อนปริมาณ 135 Ktoe (พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ)”นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
นายสุริยะ กล่าวว่าขณะนี้ทั้ง 2 กระทรวงอุตสาหกรรมจะตั้งคณะทำงานร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อศึกษาแนวทางศักยภาพของพื้นที่ และปริมาณขยะอุตสาหกรรมเพื่อรองรับการพัฒนาโรงไฟฟ้าดังกล่าว เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้กรอบแผนพลังงานชาติ (National Energy Plan 2022) และให้ไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2593 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปี 2608 โดยมอบหมายให้กรมโรงงานอุตสาหกรม (กรอ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการกำกับดูแลธุรกิจอุตสาหกรรมรวมถึงวัตถุอันตรายด้านการผลิต สิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย ตามกรอบของกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศ เป็นผู้ดำเนินงาน
“กระทรวงอุตสาหกรรมจะป้อนขยะอุตสาหกรรมให้ได้ 5 ล้านตัน จากทั้งหมด 18 ล้านตัน แต่ไม่รวมกับขยะอันตรายใดๆ น่าจะเพียงพอที่จะช่วยลดการฝังกลบ ซึ่งต้องใช้งบประมาณในการดูแลมาก โดยโรงงานที่สร้างขยะมีรวม 60,000 แห่ง หากมีโรงไฟฟ้าอนาคตก็ไม่จำเป็นต้องหาพื้นที่ฝังกลบและกระทบสิ่งแวดล้อมชุมชนเพิ่ม”นายสุริยะกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘อรรถพล’สั่งระดมกำลังเร่งฟื้นฟูน้ำท่วมใต้ยันขนส่งน้ำมันไม่กระทบ
‘อรรถพล’ ยังคงติดตามสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้อย่างต่อเนื่อง พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบคุณภาพน้ำมันในปั๊มและการขนส่งน้ำมัน-ก๊าซหุงต้มอย่างใกล้ชิด เร่งฟื้นฟูระบบไฟฟ้า ส่งมูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา ฟื้นฟูระบบไฟฟ้าแก่อาคารและบ้านเรือนประชาชน และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไส้กรองรถยนต์และรถจักรยานยนต์


