'วรภัค' แจงFitchหั่นเครดิตเป็นสัญญาณเตือน ถึงเวลารัดเข็มขัดการคลังปูพรมลดขาดดุลมุ่งโตยั่งยืน

‘วรภัค’ แจง Fitch หั่นมุมมองเครดิตไทย ไม่ได้หมายถึงวิกฤติ แต่เป็นสัญญาณเตือนถึงเวลาต้องเร่งยกเครื่องฐานะการคลังไทยให้กลับมาในเส้นทางที่ยั่งยืน พร้อมกางแนวทางรัดเข็มขัด ปักธง พ.ย. 68 จัดทำ Medium-Term Fiscal Framework (MTFF) ฉบับใหม่ วางโรดแมปปรับขาดดุลงบประมาณ

25 ก.ย. 2568 – นายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.การคลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค ‘Vorapak Tanyawong’ ภายหลังจากบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Fitch Ratings ประกาศปรับมุมมอง (Outlook) ของไทยจาก Stable เป็น Negative โดยยังคงอันดับเครดิตที่ BBB+ โดยระบุว่า เหตุผลหลักไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่อง ความน่าเชื่อมั่นด้านการคลังและการเมือง

ทั้งนี้ จากตัวเลขหนี้สาธารณะที่สูงขึ้นจากเดิมก่อนโควิด-19 อยู่ราว 35–36% ของจีดีพี ตอนนี้ขึ้นมาแถว 61% และคาดว่าจะไปแตะ 65% ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากไม่มีการปรับลดขาดดุลอย่างจริงจัง และความไม่แน่นอนทางการเมือง จากการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลและความเสี่ยงจากการเลือกตั้งใหม่ ทำให้ Fitch กังวลว่ากรอบการคลังระยะกลาง (Medium-Term Fiscal Strategy) จะไม่ต่อเนื่องและไม่ชัดเจน

นอกจากนี้ เศรษฐกิจโตต่ำ ทั้งการส่งออกถูกกดดันจากภาษีสหรัฐฯ 19% และการท่องเที่ยวที่ฟื้นช้ากว่าคาด โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ทำให้จีดีพีปี 2569 อาจโตได้เพียง 2.2%

“สิ่งสำคัญคือ รัฐบาลนี้แม้อายุเพียง 4 เดือน ก็ไม่ได้เพิกเฉย เราได้เริ่มวางแนวทาง fiscal consolidation เพื่อปรับฐานะการคลังให้กลับมาอยู่ในเส้นทางที่ยั่งยืน โดยในเดือน พ.ย. 2568 เราจะเห็นการจัดทำ Medium-Term Fiscal Framework (MTFF) ฉบับใหม่ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลนี้จะวางโรดแมปชัดเจนต่อสาธารณะว่าจะปรับขาดดุลลงอย่างไร เพื่อไม่ให้หนี้หลุดพ้นจาก trajectory ที่ควบคุมได้” นายวรภัค กล่าว

สำหรับแนวคิดหลัก คือ สร้างความน่าเชื่อมั่นว่าการขาดดุลจะทยอยลดลงหลังปีงบประมาณ 2569 และหนี้ต่อจีดีพีจะ stabilise ในระดับที่ไม่เกิน 65% พร้อมทั้งเพิ่มรายได้ภาครัฐและจัดลำดับรายจ่ายอย่างมีวินัย

อย่างไรก็ดี รมช.การคลัง มุมมอง Negative ของ Fitch ครั้งนี้ ไม่ได้หมายถึงวิกฤตใกล้ตัว แต่เป็นสัญญาณเตือนว่า หากไทยไม่แสดงแผนการคลังที่ชัดเจน ความเชื่อมั่นก็จะสั่นคลอน

“นี่คือโจทย์ที่รัฐบาลเราต้องทำให้ได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อให้ตลาดและนักลงทุนเห็นว่า ประเทศไทยยังรักษาวินัยการคลังและความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจได้” รมช.การคลัง ระบุ

เพิ่มเพื่อน