
‘ธนกร’ ถือฤกษ์ดีเข้ากระทรวงอุตสาหกรรม ลั่นจะทำงานทุกวัน พร้อมคลี่คลายปัญหาเร่งด่วน จ่อออกมาตรการระยะสั้น-ระยะยาวแก้หนี้และดูแล SME พร้อมสานต่อมาตรการที่ดีของรัฐมนตีเดิม ด้าน ‘ยศสิงห์’ ลั่นจับตากลุ่มโรงงาน ใช้นโยบาย ‘ปิดเร็ว เปิดเร็ว พึ่งพาได้’ มองอุตสาหกรรมเป็นแป้นพิมพ์เงินต้องเน้นสร้างความมั่นใจนักลงทุน
26 ก.ย. 2568 – นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงอุตสาหกรรมในวันที่ 26 ก.ย. 2568 เวลา 09.09 น. พร้อมด้วย จ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รมช.อุตสาหกรรม เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ก่อนเริ่มภารกิจอย่างเป็นทางการ ว่าการเข้ารับตำแหน่งในช่วงสั้นเพียง 4 เดือน แต่ยืนยัน “จะทำงานทุกวัน” เพื่อคลี่คลายปัญหาเร่งด่วนด้านเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรม โดยภารกิจสำคัญคือการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SME ที่กำลังได้รับแรงกดดันจากสงครามการค้าและภาษีของสหรัฐ รวมถึงการแข่งขันจากสินค้าจีนที่ทะลักเข้ามาไทย จึงต้องออกมาตรการทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อเสริมสภาพคล่อง แก้หนี้ และเปิดทางเข้าถึงแหล่งทุน พร้อมย้ำว่ารัฐจะไม่ปล่อยให้มีการสวมสิทธิ SME มาหาประโยชน์จากมาตรการแต้มต่อ ที่สำคัญยืนยันว่า นโยบายเก่าของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีอุตสาหกรรม จะถูกสานต่อ โดยเฉพาะยุทธศาสตร์การผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และแนวทางทำสุดซอย ซึ่งวางรากฐานไว้แล้ว
“120 วันนี้ อุตสาหกรรมไทยต้องดีขึ้น โดยเฉพาะ SME ที่ต้องเข้าถึงแหล่งทุนได้จริง ส่วนโรงงานอุตสาหกรรมที่ดีก็จะสนับสนุนให้เดินต่อไป แต่โรงงานที่ผิดกฎหมายต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด การทำงานของกระทรวงอุตสาหกรรมต่อจากนี้จะเน้นจับต้องได้ ลงพื้นที่จริง ฟังเสียงประชาชน และทำงานร่วมกับทั้งข้าราชการและสภาอุตสาหกรรมฯ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญนี้” นายธนกร กล่าว
ขณะเดียวกัน ยังให้ความสำคัญกับการเร่งผลักดัน พ.ร.บ.กากอุตสาหกรรม ฉบับแก้ไข ซึ่งทีมงานของนายเอกนัฏได้วางไว้ โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของกระทรวงการคลัง พร้อมชื่นชมมาตรการ “คนละครึ่ง” ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง และเสนอว่าควรมี “คนละครึ่งเฟส 2” โดยกระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมร่วมบูรณาการกับนโยบายรัฐบาล
ด้าน จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในช่วงเวลาที่เข้ามาดำรงตำแหน่งนี้จะต้องเร่งดำเนินการในโครงการระยะสั้นให้เห็นผล โดยต้องทำให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นที่พึ่งพาได้สำหรับผู้ประกอบการ โดยเฉาะกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่จะมีนโยบาย “ปิดเร็ว เปิดเร็ว พึ่งพาได้” โดยหลังจากนี้จะมีการทำงานแบบลงพื้นที่จริงมากขึ้น โดยจะเข้าไปดูโรงงานที่คาดว่าจะมีปัญหาหากมีการทำที่ผิดกฎหมายจริง จะต้องมีการสั่งปิดจริง และสั่งแก้ไขโดยด่วน และหากมีการแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมายแล้วก็จะให้เปิดการทำงานได้อย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันกับโรงงานที่เข้ามาขอใบอนุญาตเปิดโรงงานใหม่ ก็จะเข้าไปดูในกระบวนการว่าสามารถเข้าไปลดเวลาในการพิจารณาได้หรือไม่ โดยกำหนดการเดิมที่กำหนดไว้ว่าให้อยู่ใน 120 วัน หากมีการทำได้ภายใน 7-14 วันก็ถือว่ายังอยู่ในกำหนดการ ซึ่งเรื่องนี้มีการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมไว้แล้ว ซึ่งจะทำให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นที่พึ่งพาได้ เป็นโอกาสที่ดีของพี่น้องประชาชน นอกจากนี้จะต้องมีการประสานงานกับอุตสาหกรรมจังหวัด ซึ่งถือว่าเป็นม้าศึกตัวสำคัญที่จะเชื่อมโยงกับท้องถิ่นเพื่อให้สามารถเข้าไปแก้ปัญหาในพื้นที่ได้อย่างชัดเจน
“ผมมองว่ากระทรวงอุตสาหกรรมเป็นแป้นพิมพ์เงินให้กับประเทศ เพราะมีสนับสนุนการลงทุนที่หลากหลาย เราต้องรีบสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในประเทศ และนักลงทุนต่างประเทศ รวมถึงจะต้องวางแนวทางการดูแลสิ่งแวดล้อมต่อไปด้วย”จ่าเอก ยศสิงห์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในกรณีของบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด นั้นต้องเข้าไปศึกษาในรายละเอียดว่ามีความเกี่ยวข้องกับใคร และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของใครเนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่และมีรายละเอียดเยอะ


