
‘ปลัดคลัง’ แจงรอรัฐบาลเคาะเดินหน้าแนวทางแก้หนี้ครัวเรือน เปิดทางดึงแบงก์ใหญ่ตั้ง AMC สางหนี้เสีย เชื่อมั่นเป็นแนวทางที่มีประโยชน์ พร้อมยันเตรียมความพร้อมเรียบร้อยแล้ว
29 ก.ย. 2568 – นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ผ่านการสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีความสามารถตั้งบริษัทจัดการสินทรัพย์ (Asset Management Company : AMC) พิเศษขึ้น เพื่อดึงหนี้เสียเข้ามาอยู่ในกลไกในการบริหารจัดการ ว่า ขณะนี้ยังรอความชัดเจนจากรัฐบาลอีกครั้ง แต่ยืนยันว่ากระบวนการ และขั้นตอนการดำเนินงานทั้งหมดยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมเรื่องกฎเกณฑ์ เงื่อนไข และกติกาต่าง ๆ ซึ่งสุดท้ายหากรัฐบาลพิจารณาแล้วเห็นถึงประโยชน์และความเหมาะสมสั่งให้เดินหน้าต่อก็สามารถดำเนินการได้ทันที
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการหารือเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปที่สมาคมธนาคารไทย ก็ได้มีการพูดคุยกันถึงประเด็นเรื่องการจัดตั้ง AMC ขึ้นมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนด้วย ซึ่งถือว่าแนวทางดังกล่าวมีการหารือกันจนตกผลึกแล้วว่าเป็นการดำเนินการที่เป็นประโยชน์
“ผมยังเชื่อว่าแนวทางดังกล่าวจะยังคงเดินหน้าต่อไปได้ เพราะเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ โดยระหว่างนี้อาจจะต้องรอความชัดเจนสุดท้ายจากรัฐบาลอีกครั้ง หากพิจารณาแล้วละเห็นว่าเหมาะสมที่จะเดินหน้าต่อ ก็สามารถดำเนินการได้ทันที เพราะได้มีการเตรียมความพร้อมไว้เกือบหมดแล้ว ทั้งวิธีคิด และโซลูชั่นต่าง ๆ เตรียมไว้เสร็จหมดเกือบเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้รอแค่ว่าจะมีมีคำสั่งให้แอคชั่นหรือไม่เท่านั้น” นายลวรณ กล่าว
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุว่า ที่ผ่านมาได้มีการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาโดยตลอด เกี่ยวกับแนวทางการผลักดันให้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่จัดตั้ง AMC รวมถึงได้มีการพูดคุยกับสมาคมธนาคารไทยด้วย ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี
โดยสถาบันการเงินส่วนใหญ่ยืนยันว่า อยากให้มีการดำเนินการเรื่อง AMC มานานแล้ว แต่เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะยังติดเรื่องกฎเกณฑ์ กติกาบางอย่างของทาง ธปท. ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ แต่ขณะนี้ทาง ธปท. ยอมคลายเกณฑ์ดังกล่าวให้แล้ว เชื่อว่าจะช่วยทำให้สถาบันการเงินคลายความกังวลเรื่องหนี้เสีย และจะช่วยให้สถาบันการเงินสามารถบริหารจัดการงบดุล (Balance Sheet) ของตัวเองได้ดีขึ้น และสามารถกลับมาปล่อยสินเชื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ตรงนี้เป็นสิ่งที่กระทรวงการคลังอยากเห็นสถาบันการเงินทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจ


