
บีโอไอ เผยไทยเนื้อหอม ดันยอดคำขอส่งเสริมการลงทุน 9 เดือนของปีนี้โต ปลุกนักลงทุนไทยขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ 4.47 แสนล้านบาท ขยายตัว 99% กลุ่มเกษตร-อาหาร-เทคโนโลยีชีวภาพ ครองแชมป์
19 พ.ย. 2568 – นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า การลงทุนในไทยในปี 2568 เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยช่วง 9 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.2568) มีคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบริษัทที่มีหุ้นไทยข้างมากจำนวน 840 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 447,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 99% สะท้อนขีดความสามารถด้านการลงทุนของภาคเอกชนไทย ยังคงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในสาขาที่ไทยมีศักยภาพสูง 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มเกษตร-อาหาร-เทคโนโลยีชีวภาพ กลุ่มธุรกิจบริการทั้งในภาคท่องเที่ยว ขนส่งและโลจิสติกส์ และบริการทางการแพทย์ กลุ่มดิจิทัล กลุ่มสาธารณูปโภคสำหรับภาคอุตสาหกรรม กลุ่มชิ้นส่วนเครื่องจักรและชิ้นส่วนยานยนต์
สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 กลุ่มเกษตร อาหาร และเทคโนโลยีชีวภาพ มีมูลค่าการลงทุนกว่า 31,000 ล้านบาท เป็นหนึ่งในสาขาหลักที่ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพ และได้รับการส่งเสริมอย่างต่อเนื่องจากบีโอไอมีทั้งโครงการแปรรูปสินค้าเกษตร การผลิตอาหารและเครื่องดื่มจากพืชผักผลไม้
นอกจากนี้ นโยบายส่งเสริมจะเน้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยยกระดับภาคเกษตรและอาหาร ดึงจุดแข็งด้านวัตถุดิบทางการเกษตรมาส่งเสริมการผลิตผลิตภัณฑ์ในกลุ่มชีวภาพที่มีความต้องการสูงในตลาด เช่น Bioplastics, Biofuel และ Bio-Chemical และยกระดับการผลิตอาหารทั่วไปสู่อาหารแห่งอนาคต เช่น โปรตีนทางเลือก อาหารออร์แกนิก อาหารทางการแพทย์ รวมทั้งอาหารสัตว์เลี้ยงเกรดพรีเมียม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้อุตสาหกรรมอาหารไทย
กลุ่มธุรกิจบริการทั้งในภาคท่องเที่ยวขนส่งและโลจิสติกส์ และบริการทางการแพทย์ มีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 30,000 ล้านบาท, กลุ่มดิจิทัล มีมูลค่าการลงทุนกว่า 140,000 ล้านบาท เม็ดเงินลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในกิจการ Data Center ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของประเทศ
กลุ่มสาธารณูปโภคสำหรับภาคอุตสาหกรรม มีมูลค่าการลงทุนกว่า 93,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในกิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์ ชีวมวล ก๊าซชีวภาพ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว, กลุ่มชิ้นส่วนเครื่องจักรและชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นอุตสาหกรรมสนับสนุนที่มีบทบาทสำคัญต่อซัพพลายเชนในภาคการผลิตของไทย มีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 3,400 ล้านบาท สะท้อนความเข้มแข็งของห่วงโซอุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องจักรที่ใช้เทคโนโลยีสูง ซึ่งเป็นฐานสำคัญของเศรษฐกิจแห่งอนาคต
“ที่ผ่านมามีบริษัทไทยจำนวนมากที่ได้รับการส่งเสริมจนสามารถเติบโตจากเอสเอ็มอีเป็นบริษัทขนาดใหญ่และออกไปสู่ตลาดโลก โดยในการขอรับการส่งเสริม”นายนฤตม์ กล่าว
นายนฤตม์ กล่าวว่า บีโอไอกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1 ล้านบาท และถ้าเป็นเอสเอ็มอีที่มีหุ้นไทยข้างมาก ก็จะได้รับการผ่อนปรนเงื่อนไขเงินลงทุนขั้นต่ำเหลือเพียง 5 แสนบาท และยังอนุญาตให้ใช้เครื่องจักรใช้แล้วในประเทศได้บางส่วน เพื่อลดต้นทุน ทั้งยังจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมพิเศษ คือ วงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็น 2 เท่าของโครงการทั่วไป เพื่อเป็นแต้มต่อให้กับเอสเอ็มอีไทย


