ร้านคนละครึ่งพลัส แห่ Upskill 6.4 หมื่นราย

‘คลัง’ กางยอดร้านค้าคนละครึ่ง พลัส Upskill-Reskill สำเร็จแล้ว 6.47 หมื่นราย เดินเครื่องประมวลผลข้อมูล พร้อมประกาศรายชื่อร้านค้าที่ได้รับเงินอัดฉีดเพิ่ม 2 พันบาท จำนวน 4 แสนสิทธิ ในวันที่ 23 ธ.ค. นี้ ผ่านแอปพลิเคชันถุงเงิน-SMS นัดกดปุ่มโอนเงินวันคริสมาสต์ 25 ธ.ค. 68

25 พ.ย.2568 - นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส ว่า จากข้อมูล ณ วันที่ 24 พ.ย. 2568 พบว่า มีร้านค้าที่พัฒนาทักษะสำเร็จสะสม 64,790 รายตั้งแต่เปิดให้ร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2568

ทั้งนี้ จำนวนดังกล่าวไม่ใช่จำนวนผู้ได้รับสิทธิ เนื่องจากกระทรวงการคลังจะทำการประมวลผลข้อมูลและประกาศผลผู้ได้รับสิทธิจำนวน 400,000 สิทธิ ในวันที่ 23 ธ.ค. 2568 ผ่านข้อความบนแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” และข้อความสั้น (Short Message Service: SMS) และโอนเงินสนับสนุนให้แก่ร้านค้าผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทยที่ผูกกับแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ในวันที่ 25 ธ.ค. 2568

โดยโครงการคนละครึ่ง พลัส กำหนด 3 ช่องทางที่ร้านค้าจะเลือกพัฒนาทักษะ ได้แก่ 1. เข้าร่วมเป็นร้านค้าบน Food Delivery Platform 2. เข้าร่วมอบรมออนไลน์ผ่านช่องทางของธนาคารออมสิน หรือ 3. เข้าร่วมอบรมออนไลน์ผ่านช่องทาง DBD Academy ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งร้านค้าสามารถเลือกพัฒนาทักษะให้สำเร็จเพียงช่องทางใดช่องทางหนึ่งก็เพียงพอ

นายวินิจ กล่าวอีกว่า ขอเน้นย้ำว่าร้านค้าที่จะได้รับสิทธิต้องดำเนินการให้เป็นไปตามคุณสมบัติและหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการ อาทิ 1. ร้านค้าต้องมีสถานะเป็นร้านค้าในโครงการคนละครึ่ง พลัส อย่างน้อย 1 วัน ก่อนหน้าวันที่ลงทะเบียน/สมัครทำการพัฒนาทักษะ ดังนั้น หากร้านค้าลงทะเบียน/สมัครพัฒนาทักษะในวันเดียวกัน หรือก่อนวันที่มีสถานะเป็นร้านค้าในโครงการคนละครึ่ง พลัส จะไม่ได้รับสิทธิในเงินสนับสนุนของรัฐ จึงขอให้ผู้ประกอบการตรวจสอบแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” หากสามารถเข้าใช้งาน และรับการใช้สิทธิของประชาชนในโครงการคนละครึ่ง พลัส ได้ จะถือเป็นวันที่ได้สิทธิเริ่มพัฒนาทักษะ

2.ร้านค้าต้องลงทะเบียนหรือสมัครพัฒนาทักษะโดยระบุเลขประจำตัวประชาชน (กรณีบุคคลธรรมดา) หรือเลขประจำตัวผู้เสียภาษี (กรณีนิติบุคคล) ให้ตรงกับเลขประจำตัวที่ใช้สมัครเป็นร้านถุงเงินในโครงการคนละครึ่ง พลัส เท่านั้น หากระบุเลขไม่ตรงกัน จะไม่ได้รับสิทธิในเงินสนับสนุนของรัฐ

3.การเข้าร่วมเป็นร้านค้าบน Food Delivery Platform ร้านค้าประเภทร้านอาหารและเครื่องดื่มในโครงการคนละครึ่ง พลัส สามารถเข้าร่วมพัฒนาทักษะในช่องทางนี้ได้ โดยเริ่มจากการสมัครเป็นร้านค้าบนแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการรายใดรายหนึ่ง (Grab / Lineman / Robinhood / ShopeeFood) ในระหว่างวันที่ 19 พ.ย. ถึง 19 ธ.ค. 2568 (ต้องไม่เคยสมัครเป็นร้านค้ากับแพลตฟอร์มรายดังกล่าวมาก่อนหน้า) เมื่อสมัครเป็นร้านค้าบนแพลตฟอร์มรายดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว จึงเข้าไปในแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” เพื่อเลือกเชื่อมต่อร้านค้าของตนกับแพลตฟอร์มนั้น และจะต้องมีธุรกรรมซื้อขายอาหาร/เครื่องดื่มในโครงการคนละครึ่ง พลัส ผ่านแพลตฟอร์มอย่างน้อย 5 รายการ โดยไม่มีการยกเลิกคำสั่งซื้อ เมื่อดำเนินการครบเงื่อนไขที่กล่าวมา จึงจะถือว่าพัฒนาทักษะสำเร็จ ส่วนร้านค้าที่พิจารณาแล้วว่า ไม่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น แนะนำให้เลือกพัฒนาทักษะผ่านการอบรมออนไลน์แทน

4.การอบรมออนไลน์ผ่านช่องทางของธนาคารออมสิน หรือ DBD Academy ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ต้องเรียนให้สำเร็จ 1 หลักสูตร โดยเรียนให้ครบตามจำนวนบทเรียนและระยะเวลาที่กำหนดด้วยตนเอง และมีเกณฑ์ของการ “พัฒนาทักษะสำเร็จ” ดังนี้ 1. ช่องทางธนาคารออมสิน ผลคะแนนการทดสอบหลังเรียน (Post-test) ต้องไม่น้อยกว่า 60% และต้องมากกว่าผลคะแนนการทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) 2. ช่องทาง DBD Academy ผลคะแนนการทดสอบหลังเรียน (Post-test) ต้องไม่น้อยกว่า 70% และต้องมากกว่าผลคะแนนการทดสอบก่อนเรียน (Pre-test)

“ขอเชิญชวนให้ผู้ประกอบการร้านค้าจัดสรรเวลามาร่วมพัฒนาทักษะผ่านโครงการ เนื่องจากจะสร้างประโยชน์ในระยะยาว และมีร้านค้าที่จะได้รับสิทธิจำกัดเพียง 400,000 สิทธิ โดยกระทรวงการคลังจะพิจารณาให้สิทธิตามลำดับวันและเวลาที่ร้านค้าได้พัฒนาทักษะสำเร็จ (First Come, First Serve) โดยผู้ได้รับสิทธิจะได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐ 20% ของยอดขายที่เกิดจากโครงการคนละครึ่ง พลัส เฉพาะในส่วนที่ภาครัฐร่วมจ่าย นับตั้งแต่วันที่ร้านค้าได้ดำเนินการพัฒนาทักษะสำเร็จ จนถึงวันที่ 19 ธ.ค. 2568 สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท ต่อราย” นายวินิจ กล่าว.

เพิ่มเพื่อน