น้ำท่วมใต้อ่วม SME สูญ 1,500 ล้านบาท/วัน สสว.เร่งผุดมาตรการฟื้นฟู

สสว. เปิดตัวเลขผลกระทบ SME โดนน้ำท่วม สูญ 1,500 ล้านบาทต่อวัน ผุด 2 แนวทางช่วยเยียวยาใช้โครงการ BDS เพิ่มทุนดึงเข้าจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ หวั่นล่าช้ามูลค่าเสียหายทะลุ 15,000 ล้านบาท

27 พ.ย. 2568 – นายวิทวัส ล่ำซำ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในงานแถลงข่าวความสำเร็จของโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ Business Development Service (BDS) หรือ “SME ปัง ตังได้คืน” ว่าสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ในปัจจุบันกระทบต่อกลุ่ม SME และมูลค่าความเสียหายอย่างมาก โดยเฉพาะ​ใน 7 จังหวัดภาคใต้ โดยเน้นที่จังหวัดสงขลา อำเภอหาดใหญ่ เนื่องจากเป็นจุดที่มี SME หนาแน่น โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบรวมกว่า 2 แสนราย ​มูลค่าความเสียหายรวมอยู่ที่ประมาณ 1,500 ล้านบาทต่อวัน ​หากผลกระทบต่อเนื่องไป 1 เดือน คาดว่าความเสียหายรวมจะสูงถึง 10,000 – 15,000 ล้านบาท ​ส่วนมากเป็นธุรกิจที่อยู่ใน ตึกแถว หรือเป็นเทรดเดอร์ ในพื้นที่หาดใหญ่ ​ความเสียหายหลักคือ สถานที่ประกอบการเสียหาย และ สินค้าในสต็อกเสียหาย,ส่งผลให้ต้นทุนหายและรายได้ไม่มี

ทั้งนี้ สสว. พยายามผลักดันมาตรการช่วยเหลือออกมาผ่านเครื่องมือที่มีอยู่ โดยกำลังดำเนินการและเตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือ 2 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.​การปรับปรุงโครงการ BDS (Business Development Service) ผ่านการ​เสนอให้มีการ ขยายวงเงิน ความช่วยเหลือจาก 200,000 บาท เป็น 500,000 บาท/ราย เพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่เดือดร้อน และ 2.​การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดย​เสนอให้มีการพิจารณาพิเศษสำหรับ SME ที่ประสบปัญหาใน 7 จังหวัด โดยเฉพาะในหาดใหญ่/สงขลา เพื่อให้ได้รับการส่งเสริมก่อน ขณะที่​มาตรการอื่น ๆ ที่กำลังจะเสนอให้รัฐบาลอนุมัติ ได้แก่ ​สินเชื่อเพื่อให้ SME นำไป ปรับปรุงสภาพสถานที่ประกอบการ ​และชดเชยค่าใช้จ่ายในการซื้อ สต็อกสินค้าใหม่ และ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เสียหาย โดยจะ​ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยกันปรับสภาพธุรกิจให้กลับมาทำงานได้อย่างเดิม

นายวิทวัส กล่าวถึง มาตรการ “SME ปัง ตังได้คืน” ผ่านระบบ BDS ว่าเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยลดต้นทุนธุรกิจและเพิ่มขีดความสามารถให้ SME ไทยท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ผันผวน สามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจกว่า 6,000 ล้านบาท พร้อมเปิดทิศทางแผนงานปี 2569 ตั้งเป้าส่งเสริมผู้ประกอบการเข้าใช้บริการมากกว่า 3,000 ราย โดยเน้นการพัฒนาในกลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ เช่นเฮลท์แอนด์เวลเนส, ครีเอทีฟแอนด์ไลฟ์สไตล์ และกลุ่มธุรกิจสีเขียว ง

“ระบบ BDS ทำให้ SME ไทยเข้าถึงบริการคุณภาพได้ง่ายขึ้น ต้นทุนลดลง และยังสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งโครงการดังกล่าวได้ดำเนินงานต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2565–2568 โดยมีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนรวมกว่า 30,000 ราย และยืนยันตัวตนบนระบบ BDS แล้วกว่า 9,100 ราย แสดงให้เห็นถึงความต้องการใช้บริการพัฒนาธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้นของ SME ไทย ขณะเดียวกัน สสว. ยังสนับสนุนงบประมาณรวมมากกว่า 260 ล้านบาท เพื่อช่วยผู้ประกอบการลดต้นทุนการปรับปรุงธุรกิจในหลากหลายด้าน อาทิ มาตรฐานสินค้า การเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิต การพัฒนาเทคโนโลยี การขยายโอกาสทางการตลาด และช่องทางการจัดจำหน่าย” นายวิทวัส กล่าว

สำหรับปีงบประมาณ 2569 สสว. ได้รับอนุมัติงบประมาณรวม 300 ล้านบาท ตั้งเป้าส่งเสริมผู้ประกอบการให้เข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 3,000 ราย และจะเดินหน้าขยายบริการ โดยเฉพาะใน 3 กลุ่มหลัก พร้อมเปิดโอกาสหน่วยให้บริการทางธุรกิจบริการภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านสามารถขึ้นทะเบียนและเปิดให้บริการได้ และเตรียมเปิดโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อแก้ปัญหาการเข้าถึงแหล่งทุนของ SME ไทยอย่างตรงจุด พร้อมเสริมองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี การตลาดดิจิทัล มาตรฐานผลิตภัณฑ์ และการพัฒนาธุรกิจตามแนวคิด Green & Sustainable

เพิ่มเพื่อน