บสย.โชว์ค้ำประกัน11เดือนพุ่ง3.57หมื่นล้าน

‘บสย.’ กางผลงาน 11 เดือน ลุยค้ำประกันสินเชื่อพุ่ง 3.57 หมื่นล้านบาท อุ้มเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนเพิ่มขึ้น 4.53 หมื่นล้านบาท ปั๊มสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท ช่วยรักษาการจ้างงาน 4.67 แสนตำแหน่ง ปักธงเข็นมาตรการค้ำสินเชื่อ Quick Big Win 5 หมื่นล้าน เติมสภาพคล่องเอสเอ็มอี

12 ธ.ค. 2568 -นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในช่วง 11 เดือน ปี 2568 (ม.ค.-พ.ย.) ว่า บสย. มียอดค้ำประกันสินเชื่อ 35,781 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการค้ำประกันสินเชื่อที่ดำเนินการโดย บสย. 51% และโครงการตามมาตารการรัฐ 49% ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน 46,635 ล้านบาท ช่วยเอสเอ็มอีได้รับสินเชื่อเพิ่มขึ้น 45,337 ล้านบาท สามารถรักษาการจ้างงาน 467,249 ตำแหน่ง และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการค้ำประกันได้มากกว่า 147,776 ล้านบาท

สำหรับประเภทธุรกิจค้ำประกันสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. การบริการ 33.2% 2. อาหารและเครื่องดื่ม 10.3% และ 3. เกษตรกรรม 7.9% ซึ่งทั้ง 3 อุตสาหกรรมมีสัดส่วนค้ำประกัน 51% สะท้อนถึงทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมหลักในประเทศ ซึ่งได้รับอานิสงส์จากความต้องการสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนที่ขยายตัวช่วงไฮซีซั่น

ทั้งนี้ จากความผันผวนทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้อนุมัติมาตรการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. Quick Big Win วงเงินค้ำประกัน 5 หมื่นล้านบาท เพื่อเติมสภาพคล่องให้เอสเอ็มอีอย่างเร่งด่วน ประกอบด้วย 3 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Quick LG วงเงินค้ำประกัน 5 พันล้านบาท ค้ำประกันต่อราย 1 แสนบาท-100 ล้านบาท ตอบโจทย์เอสเอ็มอีที่ต้องใช้หนังสือค้ำประกัน เช่น ผู้รับเหมาก่อสร้าง หรือจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคธุรกิจ, โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Go Big วงเงินค้ำประกัน 3.5 หมื่นล้านบาท ค้ำประกันต่อราย 2 แสนบาท-40 ล้านบาท ตอบโจทย์เอสเอ็มอีทั่วไปและขนาดเล็ก ธุรกิจซัพพลายเชนที่ต้องการสินเชื่อเกิน 1 ล้านบาท

โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Smart Win วงเงินค้ำประกัน 1 หมื่นล้านบาท ค้ำประกันต่อราย 1 หมื่นบาท - 1 ล้านบาท ตอบโจทย์ผู้ประกอบการรายย่อย ไมโครเอสเอ็มอี กลุ่มอาชีพอิสระที่ต้องการสินเชื่อไม่เกิน 1 ล้านบาท เฉพาะดครงการนี้ บสย. ได้นำ Credit Scoring Model และ Risk-based Pricing (RBP) มาใช้ประเมินความเสี่ยงของลูกค้า เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน และเพิ่มอัตราการอนุมัติสินเชื่อของเอสเอ็มอีที่มีความเสี่ยงที่ยอมรับได้มากขึ้น

ขณะที่ความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะ ภายใต้มาตรการกระบะพี่ มีคลังค้ำ และกระบะ (มือสอง) พี่ มีคลังค้ำนั้น ปัจจุบันมียอดค้ำประกัน 1.1 พันล้านบาท สามารถช่วยเอสเอ็มอีเข้าถึงรถกระบะเชิงพาณิชย์ 1.66 พันคัน นับเป็นครั้งแรกในรอบ 34 ปี ที่ บสย. ขยายการค้ำประกันไปยังกลุ่มรถกระบะ และตลอดปี 2569 บสย. ได้จัดเตรียมวงเงิน ราว 3.7 พันล้านบาท สิ้นสุดรับคำขอค้ำประกันในวันที่ 30 ธ.ค. 2569

“มาตรการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. Quick Big Win ถือเป็นมาตรการพิเศาเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีในภาวะเศรษฐกิจที่มีปัจจัยลบรอบด้าน มีเป้าหมายสำคัญเพื่อกระตุ้นให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อด้วยการจ่ายเคลม (จ่ายค่าประกันชดเชย) ในอัตราสูง (Max Claim) เมื่อเทียบกับโครงการค้ำประกันสินเชื่อโครงการอื่น ๆ ซึ่งถือเป็นการดูดซับความเสี่ยงด้าน Credit Cost และเพิ่มโอกาสด้านเครดิต (Credit Enhancement) ให้กับทั้งเอสเอ็มอีและสถาบันการเงิน เพื่อลดอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) และทำให้สถาบันการเงินมีความเชื่อมั่นในการพิจารณาสินเชื่อเพิ่มให้กับเอสเอ็มอีมากขึ้น” นายสิทธิกร กล่าว

อย่างไรก็ดี ในส่วนของทิศทางการดำเนินงานของ บสย. ในปี 2569 ได้ชู 3 กลยุทธ์หลัก เพื่อพลิกโฉมการช่วยเหลือเอสเอ็มอีในประเทศไทยที่สามารถจับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม ประกอบด้วย 1. บูรณาการข้อมูล TCG Score ของ บสย. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มโอกาสให้เอสเอ็มอีรายย่อย คนตัวเล็ก สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ง่ายขึ้น 2. ยกระดับสำนักงานเขต บสย. 11 แห่งทั่วประเทศ ก้าวสู่ศูนย์กลางทางการเงิน (Digital Branch in Branch) และ 3. พัฒนาผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อ (Specific Segment Guarantee) และ 4. เดินหน้าแก้หนี้กลุ่มเปราะบาง.

เพิ่มเพื่อน